17 ก.พ. เวลา 01:55 • ความคิดเห็น
สุขของโลกียะ VS สุขของธรรม ..ความสุขที่แท้จริง
คนเรา ..มีสิ่งหนึ่ง ที่อารมณ์อยาก อุปโลกน์ให้ แสดงอาการหลงใหล ไปตามอารมณ์ ที่สมหวัง ได้เสพ สิ่งที่เรียกว่า สมอยาก..สัมผัส .ที่อารมณ์นั้นพาไป .ให้วิญญาณทั้งหก ..สัมผัส ..ในรูปรสกลินเสียง ..สัมผัสปรุงแต่งที่เกิดขึ้นเป็นเพลิงไฟแห่งตัณหาราคะ มีโลกธรรมเกิดขึ้น แล้วยึด .ก็หลงใหลอารมณ์ที่เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ว่าเป็นสุข ..สุขที่ไม่เที่ยง ว่าเป็นสุข เมื่อถูกเพลิงตัณหาราคะ ก็ดีดดี้นไปตาแรงเพลิงที่กระพือขึ้นมาที่เกิดขึ้นในกาย หลงใหลว่าเป็นสุข
เช่น ได้กินของที่..เอร็ดอร่อย ..ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส พอดู ..ลึกลงไป ..ในเรื่องแสงสี ..ก็มีเรื่องราวของแสงสีดำ สีม่วง ..ที่จิตนั้นไปตกอยู่ในอำนาจของโลกีย์ สุขในโลกียะ . ที่ทำให่กายนี้ขยับเขยื้อนไปตามอำนาจของโลกีย์ ไม่เคยหยุดนิ่ง
..แล้วเราก็ไม่เคยที่จะนำกายมานั่งนิ่ง ทำจิตเฉยๆ พิจารณาอารมณ์ ปลดเปลื้องอารมณ์ ..กายที่จะพิจารณาอารมณ์ได้ กายต้องนิ่ง จิตต้องนิ่ง .เค้าจึงให้ฝึกหัด ทำกายนิ่ง จิตนิ่งให้ได้ก่อน หากด่วนพิจารณา ..จิตยังไม่นิ่งเลย ..อารมณ์นั่นก็จะเข้ามาอุปโลกน์ เรื่องนั่นเรื่องนี้ จนแยกแยะ จิตกับอารมณ์ไม่ได้เลย แล้วก็หลงใหล สุขของโลกีย์ต่อไป
เรื่องการทำกายนิ่ง จิตนิ่ง นั่นมีพระท่านบอกว่า ท่านฝึกมาหลายชาติ ท่านยืนสมาธิแต่ละครั้ง ห้าหกชั่วโมง ท่านเคยพูดให้ฟังว่า ฉันทำเป็นวันก็ได้ .
เรื่องกายนิ่ง จิตนิ่ง เมื่อทำได้ แสงรัตนะก็ส่องลงมาที่จิต ..ช่วยเหลือจิต คลี่คลาย ..เหตุ ผลให้แก่จิต แล้วยังมีเรื่องราวต่างมากมาย ที่เรียกว่า มะโนทะศึกษา ..
คราวนี้ เมื่อกายนิ่งจิตนิ่งได้ มันก็มีความสุข ..ความสุขของจิตที่ ได้สัมผัส ในแสงสีรัตนะ ส่องเข้าไปที่จิต จิตก็จะมีความอิ่มเอิบ เกิดขึ้น ..เช่น การทำบุญทำทาน การประพฤติปฏิบัติธรรม ที่รู้จัก ระลึกคุณของธาตุทั้งสอง พระแม่พระทั้งสี่ ที่ประกอบเรือนกายให้จิตอาศัย นำกายนั้นมาสร้างบุญกุศลด้วยความเต็ม .ทำให้กายนั้นเป็นกายของกายบุญ.. กายบุญนั้น เป็นกายทีจิตนั้น .จะมีกายเป็นเทพยดาอินทร์พรหมในวันข้างหน้า
เมื่อกายบุญเกิดขึ้น ..แล้วนำกายบุญ อุทิศส่วนกุศล ที่ว่า นำธาตุนะโม มากระจายบุญ ส่งให้พ่อแม่ ผู้ที่ถอุปการะอุปถัมภ์ เจ้ากรรมนายเวร ทำด้วยกายที่นิ่ง จิตที่นิ่ง เหมือนอยู่ในสมาธิ นิ่งเฉย ..กายก็เป็นสุข จิตก็เป็นสุขเกิดขึ้น ..
กายของผู้ที่มีบารมี ..นั่นก็จะเป็นเรื่องราวของ ผู้ที่มีกายบุญ พอมีกายเป็นบุญ ก็เหมือนจิตมีกำลัง สลัดสิ่งที่สะสมมากับธาตุสี่ สิ่งดำสีม่วงออกไป ได้แต่ละครั้ง ที่สร้างบุญกุศลบารมี ได้มากขึ้น แล้วก็จะค่อยๆ มีเรื่องราวของการเรียนรู้ที่มากขึ้น เรื่องราวของกายนิ่ง จิตเฉย ที่จะเกิดปัญญาธรรม คัดเอ้าท์กรรม
เรื่องราวของจิต ที่สามารถกระทำกายค่อยเป็นแก้วขึ้น .นั้นเป็นเรื่องราวของจิต ..ที่ปลดเปลื้อง อารมณ์กรรมตัวกระทำไปได้ทั้งหมด ..ทั้งกายก็ไม่มีอารมณ์ปรุงแต่ง ความหิวกระหายเนื่องด้วยอารมณ์ ไม่มีอีกแล้ว มีพระท่านถามว่า อยากได้กายแบบนี้มั้ย ..ที่ท่านก็ฝึกหัดตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เรื่องราวของพระที่ท่านสำเร็จ บรรลุธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่น ..ท่านยังมีชีวิต ตั้งแต่สมัยต้นพุทธกาล ที่อยู่ช่วยพยุงพระศาสนา อีกทั้งต้อง ชำระสะสางสะสาง ให้เป็นแก้วที่บริสุทธิ์ใสสะอาดยิ่งขึ้น ก่อนเข้าพระนิพพาน
..พอได้พบเจอะเจอ ..ได้ฟังเรื่องราว ที่จะยุติ การเกิด ..ใจมันท้อ ..บางพระองค์ ท่านนั่งแข่ในน้ำแข็งเป็นวัน ท่านบอก ว่า .จิตไม่ยึดกาย ก็นั่งได้ เมื่อท่านบรรลุธรรม . ปลดเปลื้อง เมล็ดทรายสุดท้ายไปได้ ..ท่านก็หมดธุระ ไม่อารมณ์ จะไปไหน ท่านก็อยู่ในสถานที่ของท่าน ท่านไปไหนก็ไม่มีอะไรขัดขวาง .
เรื่องราวของจิต ที่ท่านมีแสงสีรัตนะเต็มองค์นั่น จิตของผู้ที่กรรม มีกายเป็นกรรม เค้าย่อมจมอยู่กับกรรม เข้าใกล้จิตที่มีกายบุญกายบารมี ไม่ได้ ..เพราะเข้าใกล้ ..กรรมที่ตัวเค้า ..ก็ปัด กายนำกายนั่นหนี่ ถอยห่างออกไป เกิดความไม่ขอบใจ ..ถอยไปสร้างเวรกรรมต่อไป ยิ่งพวกมีเรื่องราว ไสยศาสตร์ คาถาอาคม ..ยิ่งมาเข้าใกล้ ผู้ที่มีจิต มีแสงรัตนะไม่ได้เลย เหมือนถูกปั่น พายุกมุนอุ้มออกไป
..หมายเหตุ วิธี ที่จะทำให้กายนิ่ง จิตนิ่ง นั่นต้องฝึกหัด .มันเรื่องจะยาว ..แล้วมันก็ฟังง่าย แต่ยากที่ใช้กายสังขารนี้มากระทำ ..สังขารที่ประกอบด้วยกรรม ..น้ำหนักกรรมมันมาก มันกดทั้งกดทั้งจิต ..ให้อดทน ทำกายให้นิ่ง จิตนิ่งไม่ได้เลย ทำครั้งใดก็มีแต่ทุกข์ มีแต่ออารมณ์ ..ยิ่งจะมาให้นอบน้อม นั่งพับเพียบ นอบน้อม ด้วยกายวาจาใจ ..ทำไม่ได้ . .แล้วจะมีแสงส่อง แสงรัตนะ ไปส่องจิต ..จุดเทียนธรรมขึ้นมาได้อย่างไร ..เทียนที่จุดขึ้นมา ก็เพื่อให้จิตมีปัญญา ไปหาสุขของธรรม พ้นจากสุขโลกีย์ .
โฆษณา