17 ก.พ. เวลา 02:06 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

เครื่องบิน AT-6 Wolverine เป็นเครื่องบินโจมตีเบาและฝึกยุทธวิธี

ที่พัฒนาโดย Textron Aviation Defense สหรัฐอเมริกา
โดยมีพื้นฐานมาจาก T-6 Texan II ซึ่งเป็นเครื่องบินฝึกของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
ประเทศที่ใช้ AT-6 ในการยุทธ
1. สหรัฐอเมริกา (U.S. Air Force)
กองทัพอากาศสหรัฐฯ สั่งซื้อ AT-6 Wolverine จำนวนหนึ่งเพื่อทดสอบในการปฏิบัติการสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด (Close Air Support - CAS) สำหรับภารกิจต่อต้านการก่อความไม่สงบ
2. ไทย (Royal Thai Air Force - RTAF)
กองทัพอากาศไทยสั่งซื้อ AT-6 Wolverine จำนวน 8 ลำในปี 2020 เพื่อใช้ในภารกิจโจมตีเบา, สนับสนุนภาคพื้นดิน และลาดตระเวน
โดย AT-6 สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถี, ปืนกล, ระเบิดนำวิถี และอุปกรณ์ลาดตระเวน ทำให้เหมาะสำหรับภารกิจปราบปรามกองกำลังติดอาวุธขนาดเล็ก และการลาดตระเวนในพื้นที่ขัดแย้ง
AT 6 Wolverine
AT-6 Wolverine เป็นเครื่องบินโจมตีเบาที่ถูกออกแบบมาสำหรับ ภารกิจสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด (Close Air Support - CAS), การลาดตระเวนติดอาวุธ (Armed Reconnaissance), และต่อต้านการก่อความไม่สงบ (Counter-Insurgency - COIN) สมรรถนะของมันทำให้เหมาะสำหรับประเทศที่ต้องการเครื่องบินรบที่ต้นทุนต่ำแต่ยังมีประสิทธิภาพสูง
ข้อดีและสมรรถนะที่โดดเด่นของ AT-6 Wolverine
  • 1.
    ​ต้นทุนต่ำในการปฏิบัติการ
  • 1.
    ​ใช้ เครื่องยนต์ใบพัด Pratt & Whitney PT6A-68D ซึ่งมีความประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าเครื่องบินไอพ่น
  • 2.
    ​ค่าดำเนินการถูกกว่าฝูงบินโจมตีไอพ่นมาก (ค่าบินเฉลี่ยต่อชั่วโมงต่ำกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับ A-10 หรือ F-16)
  • 3.
    ​ลดภาระด้านงบประมาณของกองทัพที่ต้องการเครื่องบินโจมตีเบา
  • 4.
    ​ต้นทุนต่ำในการปฏิบัติการ
  • ​ใช้ เครื่องยนต์ใบพัด Pratt & Whitney PT6A-68D ซึ่งมีความประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าเครื่องบินไอพ่น
  • ​ค่าดำเนินการถูกกว่าฝูงบินโจมตีไอพ่นมาก (ค่าบินเฉลี่ยต่อชั่วโมงต่ำกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับ A-10 หรือ F-16)
  • ​ลดภาระด้านงบประมาณของกองทัพที่ต้องการเครื่องบินโจมตีเบา
  • ​พิสัยการบินไกลและปฏิบัติภารกิจได้นาน
  • 1.
    ​บินได้นานกว่า 4 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง
  • 2.
    ​พิสัยบินไกลถึง 3,195 กิโลเมตร (เมื่อใช้ถังเชื้อเพลิงเสริม)
  • 3.
    ​ทำให้สามารถบินลาดตระเวนในพื้นที่กว้างได้นานกว่าฝูงบินไอพ่น
  • 4.
    ​พิสัยการบินไกลและปฏิบัติภารกิจได้นาน
  • ​บินได้นานกว่า 4 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง
  • ​พิสัยบินไกลถึง 3,195 กิโลเมตร (เมื่อใช้ถังเชื้อเพลิงเสริม)
  • ​ทำให้สามารถบินลาดตระเวนในพื้นที่กว้างได้นานกว่าฝูงบินไอพ่น
  • ​รองรับอาวุธหลากหลาย
  • ​มีจุดติดตั้งอาวุธ 7 จุด รองรับ
  • 1.
    ​จรวดนำวิถี AGM-114 Hellfire
  • 2.
    ​จรวด APKWS (Advanced Precision Kill Weapon System)
  • 3.
    ​ระเบิดนำวิถี GBU-12 Paveway II และ GBU-58
  • 4.
    ​ปืนกล .50 cal และกระสุนระเบิดอากาศ
  • 5.
    ​มีจุดติดตั้งอาวุธ 7 จุด รองรับ
  • ​จรวดนำวิถี AGM-114 Hellfire
  • ​จรวด APKWS (Advanced Precision Kill Weapon System)
  • ​ระเบิดนำวิถี GBU-12 Paveway II และ GBU-58
  • 1.
    ​ปืนกล .50 cal และกระสุนระเบิดอากาศ
  • 2.
    ​สามารถโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินได้อย่างแม่นยำด้วยระบบนำวิถี
  • 3.
    ​รองรับอาวุธหลากหลาย
  • ​มีจุดติดตั้งอาวุธ 7 จุด รองรับ
  • ​จรวดนำวิถี AGM-114 Hellfire
  • ​จรวด APKWS (Advanced Precision Kill Weapon System)
  • ​ระเบิดนำวิถี GBU-12 Paveway II และ GBU-58
  • ​ปืนกล .50 cal และกระสุนระเบิดอากาศ
  • ​สามารถโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินได้อย่างแม่นยำด้วยระบบนำวิถี
  • ​ระบบ Avionics และการสื่อสารล้ำสมัย
  • 1.
    ​ใช้ Glass Cockpit แบบ HOTAS คล้ายกับเครื่องบินขับไล่
  • 2.
    ​ติดตั้ง ระบบเชื่อมต่อข้อมูล (Data Link-16, SATCOM) ทำให้ทำงานร่วมกับเครื่องบินรบหลัก เช่น F-16 หรือ A-10 ได้
  • 3.
    ​มี เซนเซอร์ EO/IR (Electro-Optical/Infrared) สำหรับการเฝ้าติดตามและชี้เป้า
  • 4.
    ​ระบบ Avionics และการสื่อสารล้ำสมัย
  • ​ใช้ Glass Cockpit แบบ HOTAS คล้ายกับเครื่องบินขับไล่
  • ​ติดตั้ง ระบบเชื่อมต่อข้อมูล (Data Link-16, SATCOM) ทำให้ทำงานร่วมกับเครื่องบินรบหลัก เช่น F-16 หรือ A-10 ได้
  • ​มี เซนเซอร์ EO/IR (Electro-Optical/Infrared) สำหรับการเฝ้าติดตามและชี้เป้า
  • ​ความคล่องตัวและปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ทุรกันดารได้ดี
  • 1.
    ​ออกแบบให้ ขึ้นลงบนรันเวย์สั้นและทางวิ่งไม่เรียบได้ (STOL: Short Takeoff and Landing)
  • 2.
    ​บินได้ที่ความเร็วต่ำ (สูงสุด 586 กม./ชม.) ทำให้เหมาะกับภารกิจสนับสนุนภาคพื้นดินมากกว่าเครื่องบินไอพ่นที่มีความเร็วสูง
  • 3.
    ​ความคล่องตัวและปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ทุรกันดารได้ดี
  • ​ออกแบบให้ ขึ้นลงบนรันเวย์สั้นและทางวิ่งไม่เรียบได้ (STOL: Short Takeoff and Landing)
  • ​บินได้ที่ความเร็วต่ำ (สูงสุด 586 กม./ชม.) ทำให้เหมาะกับภารกิจสนับสนุนภาคพื้นดินมากกว่าเครื่องบินไอพ่นที่มีความเร็วสูง
  • ​เหมาะกับสงครามที่ไม่ใช่การรบขนาดใหญ่ (Low-Intensity Conflict - LIC)
  • 1.
    ​เหมาะกับภารกิจ ต่อต้านก่อความไม่สงบ (COIN), ลาดตระเวนชายแดน, สนับสนุนกำลังภาคพื้นดิน และปราบปรามกองกำลังติดอาวุธขนาดเล็ก
  • 2.
    ​ลดภาระการใช้เครื่องบินไอพ่นราคาแพงในภารกิจที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังทำลายสูง
  • 3.
    ​เหมาะกับสงครามที่ไม่ใช่การรบขนาดใหญ่ (Low-Intensity Conflict - LIC)
  • ​เหมาะกับภารกิจ ต่อต้านก่อความไม่สงบ (COIN), ลาดตระเวนชายแดน, สนับสนุนกำลังภาคพื้นดิน และปราบปรามกองกำลังติดอาวุธขนาดเล็ก
  • ​ลดภาระการใช้เครื่องบินไอพ่นราคาแพงในภารกิจที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังทำลายสูง
  • ​ทำไม AT-6 ถึงถูกเลือกใช้งานจริงในการรบ?
  • 1.
    ​มีประสิทธิภาพสูงในงบประมาณที่ต่ำกว่าเครื่องบินรบไอพ่น
  • 2.
    ​เหมาะกับปฏิบัติการในพื้นที่ที่เครื่องบินขับไล่ขนาดใหญ่ไม่สามารถใช้งานได้สะดวก
  • 3.
    ​สามารถทำงานร่วมกับกองทัพภาคพื้นดินได้ดี ด้วยอาวุธนำวิถีและระบบเชื่อมโยงข้อมูล
  • 4.
    ​บินได้นานขึ้นและเข้าถึงพื้นที่เป้าหมายได้ง่ายกว่าเครื่องบินรบไอพ่น
  • ​ตัวอย่างการใช้งานจริง
  • 1.
    ​กองทัพอากาศไทย ใช้สำหรับโจมตีเบาและลาดตระเวน
  • 2.
    ​กองทัพอากาศสหรัฐฯ นำไปทดสอบในภารกิจสนับสนุนภาคพื้นดิน
  • 3.
    ​เหมาะสำหรับประเทศที่ต้องการเครื่องบินโจมตีที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพสูง
  • ​สรุปแล้ว AT-6 Wolverine เป็นเครื่องบินที่เหมาะสำหรับสงครามสมัยใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่น, ค่าใช้จ่ายต่ำ, และสามารถสนับสนุนภาคพื้นดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความแม่นยำของ AT-6 Wolverine ในการโจมตีเป้าหมาย
AT-6 Wolverine มีความแม่นยำในการโจมตีสูงเนื่องจากติดตั้ง ระบบอาวุธนำวิถีและเซนเซอร์ขั้นสูง โดยอาศัย GPS, Laser Guidance, และ EO/IR Sensors เพื่อให้สามารถโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำแม้ในระยะไกล
---
อาวุธที่ติดตั้งและความแม่นยำในการโจมตี
1. จรวดนำวิถี APKWS (Advanced Precision Kill Weapon System)
เป็นจรวดขนาด 70 มม. (2.75 นิ้ว) ที่ถูกปรับปรุงให้มีระบบนำวิถีด้วยเลเซอร์
อัตราความแม่นยำสูงถึง 90% ในการโจมตีเป้าหมายขนาดเล็ก
ระยะยิงประมาณ 1.1 - 5 กิโลเมตร
ใช้สำหรับโจมตีเป้าหมายที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ยานเกราะเบา, รถกระบะติดปืนกล หรือที่มั่นของศัตรู
2. จรวดนำวิถี AGM-114 Hellfire
เป็น จรวดนำวิถีเลเซอร์กึ่งอัตโนมัติ (SALH) ที่ใช้กับเฮลิคอปเตอร์และ UAV ด้วย
อัตราความแม่นยำสูงกว่า 90% เมื่อยิงจากระยะ 500 เมตร – 8 กิโลเมตร
ใช้สำหรับทำลาย ยานเกราะ, รถถัง หรือเป้าหมายที่มีการป้องกันหนัก
3. ระเบิดนำวิถี GBU-12 Paveway II และ GBU-58
GBU-12 Paveway II: ระเบิดนำวิถีเลเซอร์ขนาด 500 ปอนด์ (227 กก.)
GBU-58: เวอร์ชันที่เล็กลงของ GBU-12 ขนาด 250 ปอนด์ (113 กก.)
ใช้ระบบนำวิถีเลเซอร์ทำให้มี อัตราการโจมตีเป้าหมายสำเร็จมากกว่า 85-90%
สามารถโจมตีอาคาร, บังเกอร์ หรือฐานที่มั่นของศัตรูได้อย่างแม่นยำ
4. ปืนกล M3P .50 Cal (12.7 มม.)
ความเร็วในการยิง 1,100 นัดต่อนาที
ใช้สำหรับ การโจมตีเป้าหมายเบาหรือกำลังพลของศัตรูในพื้นที่เปิด
แม่นยำสูงในระยะใกล้ (ต่ำกว่า 1,000 เมตร) แต่ไม่ได้มีระบบนำวิถี
---
ระบบช่วยเล็งเป้าหมายที่ทำให้ AT-6 Wolverine มีความแม่นยำสูง
1. ระบบ Electro-Optical/Infrared (EO/IR) Sensors
ใช้กล้อง FLIR (Forward-Looking Infrared) และกล้องเล็งเป้าหมาย MX-15D หรือ L3 WESCAM
ทำให้สามารถตรวจจับเป้าหมายได้ชัดเจนแม้ในเวลากลางคืนหรือสภาพอากาศไม่ดี
2. ระบบ Laser Target Designation (LTD) และ GPS/INS
สามารถชี้เป้าให้กับอาวุธนำวิถีเลเซอร์ เช่น GBU-12 และ APKWS
ระบบ GPS และ Inertial Navigation System (INS) ทำให้สามารถระบุพิกัดเป้าหมายได้แม่นยำ
3. Data Link-16 และ SATCOM
ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับหน่วยรบภาคพื้นดิน และ UAV เพื่อรับข้อมูลเป้าหมายแบบเรียลไทม์
เพิ่มความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมายและลดโอกาสยิงพลาด
---
เปรียบเทียบความแม่นยำของ AT-6 กับเครื่องบินรบประเภทอื่น
แม้ว่า AT-6 จะไม่แม่นยำเท่า F-16 หรือ A-10 ในบางภารกิจ แต่มีความได้เปรียบเรื่อง ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า, ความยืดหยุ่นสูง และสามารถปฏิบัติการในพื้นที่ทุรกันดารได้ดีกว่า
---
สรุป: AT-6 Wolverine มีความแม่นยำแค่ไหน?
ความแม่นยำสูง (85-95%) เมื่อใช้ จรวดนำวิถี APKWS, AGM-114 Hellfire หรือระเบิดนำวิถี GBU-12
มีระบบตรวจจับและเล็งเป้าหมายที่ล้ำสมัย ทำให้สามารถโจมตีเป้าหมายได้แม่นยำแม้ในระยะไกล
ทำงานร่วมกับหน่วยภาคพื้นดินและ UAV ได้ดี เพิ่มความแม่นยำในการโจมตีเป้าหมายที่กำหนด
เหมาะสำหรับภารกิจที่ต้องการความแม่นยำสูง แต่ใช้งบประมาณน้อยกว่าการใช้เครื่องบินรบไอพ่น
ดังนั้น AT-6 Wolverine เป็น ตัวเลือกที่คุ้มค่าในการสนับสนุนภาคพื้นดินและโจมตีเป้าหมายที่มีการป้องกันน้อยถึงปานกลาง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Chat GPT มากๆ ครัย และภาพเครื่องบิน สวยๆ จาก พี่ไพบูลย์
โฆษณา