17 ก.พ. เวลา 03:07 • การตลาด

CEO YouTube เผย Roadmap 2025! กับ 4 เทรนด์ที่ครีเอเตอร์ต้องตามให้ทัน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Neal Mohan CEO ของ YouTube ได้เผยแพลนสำคัญเกี่ยวกับทิศทางของแพลตฟอร์มในปี 2025 ซึ่งเป็นประเด็นที่ครีเอเตอร์ควรให้ความสนใจ เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตและโอกาสในการสร้างรายได้จากคอนเทนต์
ปีนี้ YouTube มุ่งเน้นพัฒนาแพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ทั้งครีเอเตอร์และผู้ชมมากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้คอนเทนต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น และการนำ AI เข้ามาช่วยยกระดับการผลิตคอนเทนต์ มาดูกันว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง และครีเอเตอร์ควรเตรียมตัวยังไงให้ทันกับยุคใหม่ของ YouTube
1. การรับชม YouTube บนทีวีเติบโตอย่างต่อเนื่อง
รู้ไหมว่า ผู้ชมใช้เวลาดู YouTube บนทีวีมากกว่า 1 พันล้านชั่วโมงต่อวัน? ตอนนี้ทีวีกลายเป็นอุปกรณ์ที่มีการรับชม YouTube มากที่สุดในสหรัฐฯ แซงหน้ามือถือและเดสก์ท็อปไปแล้ว แถม YouTube TV ก็มีผู้สมัครสมาชิกมากกว่า 8 ล้านคน และ YouTube Music & Premium ก็ทะลุ 100 ล้านคน
YouTube จึงกำลังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่เพื่อรองรับการรับชมบนทีวีมากขึ้น เช่น
- "Watch With" ให้ครีเอเตอร์สามารถแชร์คอมเมนต์และรีแอคชั่นแบบสด ๆ ขณะดูเกมหรืออีเวนต์ต่าง ๆ ร่วมกับผู้ชม
- "Second Screen Experience" ที่ให้ผู้ชมใช้มือถือโต้ตอบกับวิดีโอบนทีวี เช่น คอมเมนต์ระหว่างดู หรือกดซื้อสินค้าผ่านวิดีโอได้ทันที
และ YouTube ยังปรับปรุงระบบโฆษณาให้เหมาะกับการดูบนทีวี เช่น
- ระบบโฆษณาที่เหมาะกับการรับชมผ่านทีวี เช่น QR Code Ads ที่ให้ผู้ชมสแกนเพื่อซื้อสินค้า และ Pause Ads ที่แสดงโฆษณาขณะกดหยุดวิดีโอ
นอกจากนี้ ยังเพิ่มฟีเจอร์สำหรับสมาชิก YouTube TV & Premium อย่าง Multiview (ดูหลายหน้าจอพร้อมกัน เหมาะกับการชมกีฬา) และ Key Plays (สรุปไฮไลต์สำคัญของเกม)
สิ่งที่ครีเอเตอร์ควรทำ คือ ปรับแนวทางการทำคอนเทนต์ให้เหมาะกับการรับชมบนทีวี โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของภาพและเสียง รวมถึงพิจารณาเพิ่มรูปแบบไลฟ์สด กีฬา หรือทอล์กโชว์ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ได้รับความนิยมสูงในการรับชมผ่านจอใหญ่
2. YouTube ก้าวสู่แพลตฟอร์มพอดแคสต์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
YouTube ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มวิดีโอ แต่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มพอดแคสต์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ แซงหน้า Spotify และ Apple Podcasts ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับครีเอเตอร์ที่สนใจทำคอนเทนต์แนวนี้
YouTube กำลังพัฒนาเครื่องมือใหม่ ที่จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์ทำพอดแคสต์ได้ง่ายขึ้น เช่น ฟีเจอร์สนับสนุนการค้นพบ (Discovery) ที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้พอดแคสต์เข้าถึงผู้ชมมากขึ้น รวมถึงช่องทางสร้างรายได้และโอกาสในการโปรโมตพอดแคสต์
หากเป็นครีเอเตอร์ที่ทำคอนเทนต์พูดคุยหรือมีแผนจะเริ่มพอดแคสต์อยู่แล้ว นี่อาจเป็นโอกาสสำคัญ ควรอัปโหลดพอดแคสต์ในรูปแบบวิดีโอพอดแคสต์ (Video Podcast) เพราะวิดีโอช่วยให้เนื้อหาน่าดึงดูดมากขึ้น และ YouTube ก็กำลังให้ความสำคัญกับพอดแคสต์ในรูปแบบนี้มากขึ้นด้วย
3. ช่องทางสร้างรายได้ที่หลากหลายขึ้น
YouTube กำลังมุ่งเน้นให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้จากหลายช่องทางมากขึ้น ในปีที่ผ่านมา กว่า 50% ของช่องที่มีรายได้ห้าหลักขึ้นไป ซึ่งได้รับเงินจากแหล่งอื่นนอกเหนือจากโฆษณาและ YouTube Premium และมีสมาชิกช่อง (Channel Memberships) เพิ่มขึ้นกว่า 40% ในปีที่ผ่านมา
YouTube จึงเพิ่มโอกาสให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทางมากขึ้น เช่น
- การแนะนำสินค้า (Shopping Recommendations) และ YouTube Shopping Affiliate ซึ่งเป็นระบบแนะนำสินค้าและสร้างรายได้จากการโปรโมต
- Select Creator Takeovers ที่เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ร่วมงานกับแบรนด์ผ่านโฆษณาแบบพิเศษ
และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว "Hype" ที่ช่วยโปรโมตครีเอเตอร์ที่กำลังมาแรง ให้แฟน ๆ มีส่วนช่วยดันให้ครีเอเตอร์เป็นที่รู้จักมากขึ้น
สำหรับครีเอเตอร์ หากยังไม่ได้เปิดใช้ Channel Memberships ควรเริ่มพิจารณาได้แล้ว และลองสำรวจโอกาสในการทำวิดีโอรีวิวหรือแนะนำสินค้าผ่าน YouTube Shopping เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้
4. AI และมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น
YouTube กำลังนำ AI และ Machine Learning เข้ามาพัฒนาแพลตฟอร์มในหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือ ฟีเจอร์แปลเสียงอัตโนมัติ (Auto-Dubbing) ที่ช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถแปลวิดีโอของตัวเองเป็นหลายภาษาได้ง่าย ๆ เพียงกดปุ่มเดียว ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ครีเอเตอร์ที่อยู่ใน YouTube Partner Program ได้ใช้งานเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ AI ยังช่วยยกระดับการสร้างคอนเทนต์ให้สะดวกขึ้น และทำให้ผู้ชมรับชมได้ง่ายขึ้น ผ่านฟีเจอร์ Dream Screen และ Dream Track ซึ่งช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างฉากหลังภาพ วิดีโอ และเสียงดนตรีแบบอัตโนมัติสำหรับ Shorts และในอนาคต YouTube ยังมีแผนอัปเกรดด้วย Veo 2 ที่จะช่วยให้การสร้างคอนเทนต์มีความสมจริงยิ่งขึ้น
สำหรับครีเอเตอร์หลายคน หนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือการคิดไอเดียใหม่ ๆ ตั้งชื่อคลิป และออกแบบ Thumbnail ซึ่ง YouTube ก็กำลังพัฒนา AI เพื่อช่วยให้กระบวนการเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้น
นอกจากการช่วยสร้างคอนเทนต์แล้ว YouTube ยังใช้ Machine Learning เพื่อตรวจสอบและคาดการณ์อายุของผู้ใช้ เพิ่มมาตรการป้องกันเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก โดยระบบ AI จะช่วยคัดกรองและปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมกับช่วงวัยของผู้ชม เช่น
- แยกการนำเสนอคอนเทนต์ระหว่างเด็กและผู้ใหญ่
- ปรับปรุงการนำเสนอวิดีโอเพื่อการเรียนรู้ ให้ค้นหาความรู้ได้ง่ายขึ้น
- สนับสนุนครีเอเตอร์ในการสร้างคอร์สการเรียนรู้บนแพลตฟอร์ม
ด้วยฟีเจอร์แปลเสียงอัตโนมัติ ก็จะเข้ามาช่วยให้คอนเทนต์สามารถเข้าถึงผู้ชมต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกัน ครีเอเตอร์ที่ทำคอนเทนต์สำหรับเด็กหรือครอบครัว ก็อาจต้องให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยมากขึ้น
ข้อมูลจาก: YouTube Official Blog
โฆษณา