17 ก.พ. เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สงครามการค้า "ทรัมป์" ป่วนโลก! นักธุรกิจปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่

สงครามการค้า ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกผันผวนจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ GDP, เงินเฟ้อ, ตลาดแรงงาน และการลงทุนทั่วโลกอุตสาหกรรมหลักได้รับผลกระทบ ยานยนต์ พลังงาน และเกษตรกรรม เผชิญความเสี่ยงด้านมูลค่าการค้า ทำให้แต่ละบริษัทต้องปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ใน Money Trick
การกลับเข้ามาของ ประธานาธิบดี โนนัลล์ ทรัมป์ ส่งผลทำให้ตลาดการเงิน การรลงทุน ทั่วโลก จะเรียกว่าปั่นป่วนก็ได้ โดยเฉพาะ การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา เปรียบเสมือนการจุดชนวนระเบิดลูกใหญ่ในระบบเศรษฐกิจโลก เพราะไม่เพียงส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าอย่างแคนาดา เม็กซิโก และจีนเท่านั้น แต่ยังสร้างคลื่นกระเพื่อมไปทั่วระบบเศรษฐกิจโลกอีกด้วย
ล่าสุด ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% “โดยไม่มีข้อยกเว้น” หมายความว่าเก็บหมดทุกประเทศมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 4 มี.ค. เป็นต้นไป
โดนัลล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ
ยกเว้นแค่ ออสเตรเลียเท่านั้น เพราะขาดดุลการค้าสหรัฐอยู่ แต่ไทยของเราแน่นอนได้รับผลกระทบด้วย เพราะทั้งเหล็กและอะลูมิเนียม ถือเป็นสินค้าหลักที่ส่งออกไปสหรัฐเช่นกัน
คณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า ประเทศที่ส่งออกเหล็กรายใหญ่ไปยังสหรัฐ คือ แคนาดา เม็กซิโก บราซิล เกาหลีใต้ เยอรมนี ญี่ปุ่น ไต้หวัน เวียดนาม อิตาลี จีน ส่วนส่งออกอะลูมิเนียมรายใหญ่ให้สหรัฐฯ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เกาหลีใต้ จีน บาห์เรน อาร์เจนตินา อินเดีย เม็กซิโก เยอรมนี ไทย
ซึ่งผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าที่กระทบเศรษฐกิจโลกเฉียบพลัน สถาบันวิจัย Oxford Economics มหาวิยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ประเมินตัวเลขการเติบโตของ GDP สหรัฐสหรัฐอเมริกา ที่คาดว่าจะลดลง 0.7%
  • การว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น ในแคนาดาและเม็กซิโกสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของตลาดแรงงานในยุคที่ห่วงโซ่การผลิตเชื่อมโยงกันทั่วโลก
  • อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น เป็นผลพวงโดยตรงจากต้นทุนสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • ธนาคารกลางทั่วโลก ต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อและการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะที่ตลาดการเงินผันผวนรุนแรงจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ตรงนี้ที่นักลงทุนต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และแน่นอน “ตลาดหุ้น” ได้รับผลกระทบการประกาศขึ้นภาษีนำเข้า ทั้งดาวโจนส์อุตสาหกรรม ลดลง 1% ดัชนี S&P500 ลดลง 1.5% ดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลง 1.8% ในวันที่ 3 ก.พ.2568 ที่มีการประกาศเรื่องนำเข้าภาษีเหล็ก
ความผันผวนที่เพิ่มขึ้น การขึ้นภาษีนำเข้าได้เพิ่มความไม่แน่นอนทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนสูงขึ้น หันมาดูที่ตลาดบ้านเรา หุ้นไทยดิ่งหนักในวันเดียวกันที่สหรัฐตั้งกำแพงภาษี 43 จุด เช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของตลาดการเงินทั่วโลกกำลังปรับตัวลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์หลากหลายประเภท
ความเชื่อมั่นของนักลงทุน การขึ้นภาษีนำเข้าได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้เกิดความสนใจในการป้องกันความเสี่ยงจากราคาหุ้นที่ลดลงมากขึ้น
ซึ่งศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics มองค่าเงินบาทในปี 2568 จะเผชิญกับความผันผวนสูงขึ้นกว่าช่วงหลังวิกฤตโควิด-19 ที่สูงอยู่ก่อนแล้ว โดยเปิดปี 2568 ค่าเงินบาทปรับอ่อนค่าแตะระดับ 34.80 บาท ก่อนทยอยกลับมาเคลื่อนไหวทิศทางแข็งค่าแตะระดับต่ำสุด 33.60 บาท ขณะที่ปัจจุบันเคลื่อนไหวใกล้เคียงระดับ 33.66 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ก.พ. 68) เคลื่อนไหวตามพัฒนาการและความคาดหวังของประเด็นการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ
ต่อมาสุดท้ายคือ ราคาทอง ความไม่แน่นอนทั้งหมดที่เกิดขึ้นส่งผลทำให้นักลงทุนวิ่งเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ธนาคารกลางทั่วโลกพากันเก็บทองคำด้วยเช่นกัน ทำให้ทองทะยานร้อนแรงมาก ทำ นิวไฮสูงสุดตลอดกาล เฉียดๆ 3000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ดันราคาทองคำของไทยขยับใกล้ 50,000 บาท เข้าไปทุกที
จะเห็นว่ามาตรการภาษีนำเข้าไม่เพียงส่งผลกระทบระยะสั้นต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาว ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวรับมือกับความท้าทายใหม่ ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดเพื่อวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ข้อมูลจาก : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/242896
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา