17 ก.พ. เวลา 12:33 • ข่าวรอบโลก

กลยุทธ์ตั้งราคาเผื่อต่อ สไตล์นักธุรกิจใหญ่…

ทีมทรัมป์ยังคงสร้างความสับสนในประเด็นต่างๆไม่หยุด
ทั้งเรื่องในและนอกสหรัฐ
สับขาหลอกรายวัน
เรื่องใหญ่ที่สุดตอนนี้ คือเรื่องสงครามยูเครน
ซึ่งก่อนนี้ JD Vance รองประธานาธิบดี ได้สร้างความซีเรียส
ให้กับยุโรปอย่างมาก
ต่อด้วยผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง
คือ Keith Kellogg สร้างความโกลาหลให้ยุโรป
ด้วยการบอกว่าจะไม่มีการให้ยุโรปและยูเครน
เข้ามามีส่วนร่วมในการพูดคุยกับรัสเซียที่ซาอุดีอาระเบีย
ก่อนที่สุดท้าย รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ
Marco Rubio จะออกมาผ่อนคลายความตึงเครียด
เมื่อให้สัมภาษณ์กับ CBS ว่า
…ท้ายที่สุดในการเจรจา”รอบจริง” จะมียูเครนและยุโรป
เข้าร่วมอย่างแน่นอน…
…และย้ำว่า การพูดคุยที่ซาอุดีอาระเบีย จะเป็นไปเพื่อ
ชั่งน้ำหนัก ว่ารัสเซียมีความจริงใจจะคุยแค่ไหนเท่านั้น
กับข้อเสนอของทางสหรัฐ ….
…พูดง่ายๆ คือ ตอนนี้สหรัฐกำลังเล่นบทตัวกลาง
และลองเชิงมากกว่า เดี๋ยวสรุปยังไงจะไปคุยกับยุโรปอีกที…
มันค่อนข้างสร้างความสับสนให้กับทั้งทางยุโรป
และทางรัสเซียเองค่อนข้างมาก
ว่าท้ายที่สุดแล้วสหรัฐจะเอาอย่างไรกันแน่กับเรื่องนี้
ทรัมป์และทีม ก่อนหน้านี้ค่อนข้างกร้าวมากกับทางยุโรป
แต่เอาไปเอามา บอกเดี๋ยวคุยกัน
ในขณะที่กับรัสเซีย ตอนแรก ทรัมป์บอกว่า
ยูเครนจะเป็นของรัสเซียในสักวัน
แต่ตอนนี้เขากลับบอกล่าสุดว่า
การครอบครองยูเครนทั้งหมด จะต้องไม่เกิดขึ้น
…กับท่าทีกลับไปกลับมารายวันแบบนี้ ทุกฝ่ายก็มึนล่ะ…
ดูเหมือนการจุดพลุข่าวแบบแรงๆ จะเป็นสิ่งที่ทรัมป์ชอบทำ
ว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร มันเคยเกิดขึ้นแล้ว
จะเรียกว่าเป็นสไตล์ของเขาก็ได้
ถ้าจำกันได้ ในสมัยทรัมป์ 1.0
เขาก็เคยนัดพบกับคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือ
โดยไม่มีคู่กรณีที่ได้รับผลกระทบ อย่างเกาหลีใต้
และญี่ปุ่นเข้าร่วมที่สิงคโปร์มาก่อน
แถมตอนนั้นทรัมป์บอกว่า ถ้าญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้
ไม่จ่ายเพิ่ม สหรัฐจะเลิกปกป้อง
ดูแล้วไม่ต่างกับเที่ยวนี้เลย
และมันคงเป็นแบบนี้สักพัก จนกว่าทรัมป์จะได้สิ่งที่ต้องการ
ทั้งจากยุโรป ยูเครน และรัสเซีย
…ตอนเรื่องเกาหลีเหนือนั้น จบลงที่การที่ญี่ปุ่นสั่งอาวุธล็อตใหญ่จากสหรัฐ เช่นเดียวกับเกาหลีใต้ จนเป็นที่มาของการซื้อขาดพิมพ์เขียวอาวุธมูลค่ามหาศาลของทั้งสองชาตินี้จากสหรัฐ
( ญี่ปุ่นซื้อพิมพ์เขียว F-22 , F-35 จนทำ F-35J ได้ในปัจจุบัน
และซื้อแบบเรือ AEGIS พร้อมกับเกาหลีใต้ )
…ทรัมป์ก็ได้สิ่งที่ต้องการ และกับประเด็นเกาหลีเหนือ
กลับยิ่งทวีความตึงเครียด ราวกับว่า ทรัมป์ได้ตอบสนอง
ต่อเงินที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ได้จ่ายมาแล้วก็ปาน…
…ซึ่งเที่ยวนี้ ดูแล้วมีโอกาสซ้ำรอยเดิมสูงมาก…
ทรัมป์มีสิ่งที่ต้องการจากยูเครน และเซเลนสกี้ก็ฉลาดพอ
ตัวตลกของใครหลายคน เหมือนโยนระเบิดใส่สหรัฐ
เมื่อเขายกเลิกดีลแร่หายากลงก่อน
พร้อมกับประชดประชันว่า…
ถ้าจะยอมรัสเซียขนาดนั้น ก็ยกแร่พวกนี้ให้รัสเซียเลยแล้วกัน.
ได้ผล ทรัมป์ดิ้นพราด จนต้องออกมาบอกอย่างที่กล่าวไปแล้ว
ว่าการให้รัสเซียครองยูเครนแบบเบ็ดเสร็จ “จะต้องไม่เกิดขึ้น”
นั่นหมายรวมถึงการมีอำนาจเหนือยูเครนส่วนที่เหลือ
และนั่นคือสิ่งที่เซเลนสกีและยูเครนต้องการที่สุด
ถามว่า ทำไมทรัมป์ต้องกลัวเรื่องนี้ขนาดนั้น ?
คำตอบคือ สงคราม AI ระหว่างสหรัฐกับจีน
มันเป็นสิ่งที่กดดันให้ทรัมป์ต้องอ่อนลงนั่นเอง
…เพราะหากแร่เหล่านี้ ซึ่งมีความจำเป็นมากกับระบบ
ฮาร์ดแวร์ตกไปในมือรัสเซีย เท่ากับจีนซึ่งตอนนี้มีอิทธิพล
เหนือรัสเซียชัดเจน จะได้ครอบครองทางอ้อมไปด้วย…
…รัสเซียซึ่งกำลังถังแตก จะยังไงก็ต้องขายสิ่งเหล่านี้
ให้กับจีน เพื่อนำเงินมาสร้างกองทัพสานฝันบุกยุโรป…
…นั่นเท่ากับว่า จีนจะครอบครองซัพพลายแร่หายาก
เกือบทั้งหมดในโลก จนไม่ถึงมือสหรัฐจะเอามาใช้
เพื่อพัฒนา AI ที่จะแข่งกับจีนได้ต่อไป…
…ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ทรัมป์รับไม่ได้อย่างแน่นอน…
เซเลนสกี้กำลังเล่นเกมส์ “ลูกสาวคนสวย”มาต่อรอง
ให้คนมาแย่งกัน เพื่อปกป้องตัวเองและยูเครน
…การเปิดไพ่เร็วเกินไปของทรัมป์ ทำให้ตัวเขาเอง
และอาจรวมถึงรัสเซีย ยากขึ้น ที่จะจบสวยๆ แบบที่ต้องการ
โดยมีเงาทะมึนของจีน ขู่สหรัฐอยู่อีกทอด…
…ตัวตลกของใครหลายคน ฉลาดกว่าใครบางคนในช่วง
เก้าปีที่ผ่านมาแถวนี้เยอะเลยล่ะ ….
1
ความหมายของ Rubio และท่าทีของทรัมป์ล่าสุด
มันเป็นโทนที่อ่อนลงมาก
1
อย่างที่เคยเขียนไปแล้ว ยูเครน ยุโรป
ไม่ใช่ไม่มีอะไรไปต่อรองเลย
ยิ่งกับยุโรป พวกเขาไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน
โดยเฉพาะเมื่อต้องคุยกับสหรัฐ
ไม่ว่าท่าทีต่อสื่อ จะเป็นอย่างไร
แต่ลึกลงไปในแง่ผลประโยชน์ การตัดพวกเขา
ออกจากเรื่องของพวกเขาเอง ย่อมเป็นไปไม่ได้
ข้อเรียกร้องของสหรัฐต่อยุโรป ถ้าไม่นับเรื่องแนวคิด
ขวาจัดแบบที่ Vance แสดงเมื่อวันก่อน
เอาเข้าจริงๆแล้ว มันก็คือสิ่งที่ยุโรปต้องทำ
และกำลังทำ โดยไม่ต้องมีใครมาบอกอยู่แล้ว
สาระที่ออกมาจาก รมว. กลาโหมสหรัฐ Pete Hexseth
วันก่อน วนไปวนมา หนีไม่พ้นเรื่อง ขอให้ทางยุโรป
สร้างกองทัพให้แข็งแกร่ง ด้วยการเพิ่มงบการทหาร
ให้เป็น 5% ของ GDP
สิ่งนี้ ว่าไป ยุโรปก็เพิ่มอยู่ตลอดอยู่แล้ว หลังสงคราม
ในยูเครนเปิดฉากขึ้น แม้จะไม่ถึง 5% แต่ก็มีแนวโน้ม
ที่จะถึงแน่ๆในอนาคต เพื่อรับมือรัสเซีย
การที่สหรัฐแสดงท่าทีแบบนี้ บางครั้งทีมทรัมป์
อาจมองว่า เมื่อเพิ่มงบแล้ว พวกเขาซึ่งปัจจุบันจ่ายเยอะ
ก็ควรได้อะไรกลับมาบ้าง ไม่ใช่ยุโรปเพิ่ม แต่เน้นผลิตเอง
และใช้สงครามที่สหรัฐจ่ายเงิน มาโฆษณาอาวุธตัวเอง
เนื่องจากหลังสงครามยูเครนระเบิดขึ้นนั้น
ทั่วโลกมีการสะสมอาวุธมากขึ้น เพื่อรับมือความไม่แน่นอน
อาวุธค่ายยุโรป ซึ่งได้โชว์ประสิทธิภาพหลายอย่าง
เหมือนได้รับแรงส่ง จนมียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากจากทั่วโลก
โดยเฉพาะฝรั่งเศส ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นมาก
รวมถึงค่ายใหม่ คือเกาหลีใต้ ที่แรงขึ้นมามาก
จากความสามารถในการส่งมอบที่รวดเร็ว ประสิทธิภาพก็ดี
…แน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้น คนเสียประโยชน์ที่สุดก็คือสหรัฐ…
ดังนั้น การแสดงท่าทีให้ยุโรปเพิ่มงบทั้งที่ยุโรปเพิ่มอยู่แล้ว
มันอาจเป็นการส่งสัญญาณในทางลับว่า ถ้าพวกคุณเพิ่ม
พวกผมก็ต้องได้ด้วย ก็คือต้องซื้อของผม …
…มากกว่าที่จะปล่อยให้ยุโรปเพิ่ม แต่สหรัฐไม่ได้อะไร
มากกว่าที่จะมองแค่ประสิทธิภาพกองทัพยุโรปจริงๆ
ซึ่งมันมากพออยู่แล้ว ถ้าพูดถึงการรับมือรัสเซียในสภาพ
ที่เป็นในปัจจุบัน…
เรื่องนี้ เราอาจมองมาได้ที่การเสนอขาย F-35 ให้อินเดีย
ของสหรัฐ โดยทางฝรั่งเศสยอมถอยการเสนอ Rafale-m
ซึ่งใช้บนเรือบรรทุกเครื่องบินของอินเดียออกไป
ก่อนที่ทรัมป์จะอ่อนลง นี่น่าจะเป็นหนึ่งในการต่อรอง
เพื่อเอาใจทรัมป์อยู่ไม่น้อยเลย….
สงคราม และความขัดแย้งในโลกปัจจุบัน
มันไม่ใช่แค่เรื่องของคู่กรณีอยู่แล้ว
ที่จริงมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่อดีตแล้วล่ะ
มันพัวพันผลประโยชน์ พันธมิตรและศัตรูของกันและกัน
จนบานไปทั่วโลก
ผลจากที่หนึ่ง จะส่งผลต่ออีกที่หนึ่งเสมอ
นี่คือความจริงทางประวัติศาสตร์ ที่ทรัมป์ก็รู้ดี
…มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่แคร์ใคร แม้ว่าใจอยาก
และไม่สนใจอะไรเลยก็ตาม…
…ไม่ใช่ห่วงอเมริกา…
แต่คนอีโก้แบบเขา คงไม่ยอมถูกก่นด่า ว่าห่วย หรือโง่
ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกาอย่างแน่นอน
และในทางกลับกันกัน มันจึงทำให้คนที่ถูกทรัมป์กดดัน
ยกมาใช้เป็นข้อต่อรองได้เสมอ….
…มันจึงเหมือนทรัมป์ตั้งราคาแรง เผื่อคนมาต่อ จนได้ราคาที่ต้องการ เหมือนที่เขาทำสมัยทำธุรกิจนั่นเอง ….
โฆษณา