18 ก.พ. เวลา 13:31 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา

ยูเครนในวันนี้จะเป็นไต้หวันในวันหน้า?

หากเป็นเช่นนั้น..จะไม่มีสหรัฐ ไม่มีรัสเซีย จะมีเพียงรุ่งอรุณแห่งชัยชนะของยูเครนเท่านั้น
ชัยชนะไม่ได้หมายความว่าเราสามารถยึดดินแดนที่เราไม่สามารถต่อสู้กลับได้ด้วยการเจรจาคืนมาได้ แต่หมายความว่าชาวยูเครนกับชาวรัสเซียไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ และราชอาณาจักรก็ไม่สามารถอยู่แบบครึ่งๆ กลางๆ ได้
3
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่รับใช้ประเทศจะไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย และทุกอย่างก็จะสมเหตุสมผล
แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้จบม.ปลาย ก็รู้ว่ารัสเซียไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออย่างเปิดเผยใดๆได้ และในตอนนี้ทรัมป์ก็สามารถทำอะไรก็ได้ ยกเว้นการขายยูเครน ฮาาาา..
2
หากสหรัฐฯ ขายยูเครน ทรัมป์จะต้องถูกตรึงบนเสาแห่งความอับอาย และสหรัฐฯ จะสูญเสียความเป็นผู้นำในโลกไป...
ขอพูดตรงๆเลยว่า ถ้าหากทรัมป์สามารถโน้มน้าวให้ยูเครนยอมสละยูเครนตะวันออก ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด...รางวัลขั้นต่ำที่พวกเขาได้ก็คือ การได้เข้าร่วมกับนาโต้
แต่คลื่นของการเชิญชวนให้ขายชาติยังคงมีอยู่ และหากคุณจริงจังกับมันมากเกินไป คุณจะจมอยู่กับน้ำลายราคาถูกๆ (ของคนชอบธรรมเท่านั้น)
และกาลเวลาจะเปิดเผยความจริงโดยทั่วไปให้ทราบ ...แต่ก็อาจสายเกินไป
ไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่าอารมณ์ที่ทำให้เกิดการตัดสินผิดจะรู้สึกสำนึกผิด
ในตอนนั้น คุณลักษณะของการแสวงหาการตอบสนองทางอารมณ์จะผูกมัด(อารมณ์)ของคุณไว้กับปัญหาใหม่ที่ไม่รู้จัก(แต่ผิวเผิน)อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1
ดังนั้นสามัญสำนึกและตรรกะจะมีความสำคัญยิ่งกว่าความยุติธรรมมาก
เนื่องจากเมื่อบุคคลไม่สามารถมองเห็นแก่นแท้ของสิ่งต่างๆ เขาก็จะติดอยู่ในหมอกควัน และไม่มีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับความยุติธรรม
ยกเว้นผู้ที่แค่อยากระบายอารมณ์ก็เท่านั้น ในการแสดงความคิดเห็น แต่ส่วนตัวผมไม่มีเจตนาจะโจมตีใคร และเคารพสิทธิของผู้อ่านที่เชื่อมั่นอย่างหนักแน่นว่า
ทรัมป์กำลังทำลายกฎระเบียบระหว่างประเทศและทำลายความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ฮาาาาา.
2
เหตุผลน่ะหรือครับ...
โดยทั่วไปแล้ว การคาดเดาผลการเลือกตั้งระหว่างรัสเซียและยูเครนนั้นทำได้ง่ายกว่าการเลือกตั้งระหว่างสหรัฐอเมริกามาก
แม้ว่าทั้งสองกรณีจะต้องคัดกรองข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อรวบรวมความจริงบางส่วนเข้าด้วยกัน
แต่โครงร่างของการเลือกตั้งระหว่างรัสเซียและยูเครนสามารถมองเห็นได้ผ่านส่วนสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ
ในขณะที่การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาต้องเจาะลึกในส่วนของอเมริกาเพื่อค้นหาภาพรวมของคนอเมริกันที่มีรายละเอียดและซับซ้อนกว่า
ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมไม่สงสัยเลยเกี่ยวกับผลลัพธ์ของรัสเซีย ยูเครน และแม้กระทั่งอิสราเอลและฮามาส
เหมือนกับคนที่ต่อต้านทรัมป์ในปัจจุบัน ระเบียบโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กำหนดว่ากองกำลังที่ด้อยกว่าฝ่ายอักษะในเวลานั้นไม่สามารถทำอะไรได้โดยพื้นฐาน
เมื่อพูดถึงระเบียบโลก
ถือเป็นเรื่องน่าอับอายมาก การที่รัสเซียรุกรานยูเครนก็เหมือนกับการจงใจทำลายถนน เพื่อพยายามเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่ม
แต่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติก็เป้นแค่เสือกระดาษที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะระเบียบโลกเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง
นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมฝ่ายซ้ายตะวันตกจึงออกมาประณามการรุกรานของรัสเซียซ้ำแล้วซ้ำเล่าในนามของระเบียบและกฎเกณฑ์
แต่ผลกระทบที่แท้จริงนั้นขึ้นอยู่กับว่าใครจะให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนมากเพียงใด ฮาาา
1
ในขณะเดียวกัน เครมลินก็ชัดเจนมากเช่นกันว่าความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนนั้นอยู่ในขอบเขตที่คำนวณได้และไม่สามารถบรรลุข้อได้เปรียบที่ชัดเจนในสนามรบได้ ?
แน่นอน ว่าผมต้องบอกว่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดหลายๆ อย่างของทรัมป์ที่ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชน และเป็นเรื่องน่าเขินที่จะพูดแบบนี้
แต่ในสายตาของกลุ่มต่อต้านทรัมป์ ผมจะเป็นแฟนทรัมป์ที่ไม่มีสมองและไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี
ส่วนคนที่นับถือศาสนาคริสต์จะไม่ติดตามตำหนิติเตียนใครเลย และในสายตาของผู้สนับสนุนทรัมป์ ผมจะเป็นคนไม่บริสุทธิ์และต้องปรับปรุงตัวเอง
1
อย่างไรก็ตาม สำหรับทรัมป์ สำหรับคนที่สนับสนุนเขามานานกว่า 8 ปีแล้วจะค่อนข้างคุ้นเคยกับสไตล์ของเขา
1
การใช้ระเบียบโลกที่บกพร่องเป็นข้อมูลอ้างอิง ทำให้สไตล์ของเขามีพลังที่แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ
โดยส่วนตัวผมคิดว่าการเปรียบเทียบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมนักเมื่อนำไปใช้กับรัสเซียและยูเครน
ท้ายที่สุดแล้ว ตามแนวทางฝ่ายซ้ายตะวันตกในการช่วยเหลือยูเครน ชัยชนะสามารถสำเร็จได้ภายในไม่กี่ปีหรืออาจถึงสิบปี เนื่องจากกองทัพรัสเซียไม่สามารถใช้เวลานานขนาดนั้นได้
หากมิใช่เพื่อเสรีภาพ ชีวิตก็ไร้ความหมาย สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นคือชาวยูเครนอีกไม่กี่คนจะต้องเสียสละกันต่อไป
3
หากหันไปดูที่ อิสราเอลและฮามาส ก็จะไม่มีพื้นที่ให้ถกเถียงกันมากนัก มีกี่ประเทศในยุโรปที่ต่อต้านอิสราเอล?
ตามสถิติ ก่อนและหลังการก่อการร้ายของฮามาส สหรัฐฯ มีส่วนได้ส่วนเสียถึง 70% ในมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการปกป้องอิสราเอล และผู้ที่ขัดขวางส่วนใหญ่เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ชาวยุโรป
1
ดังนั้น การปรากฏตัวและการกลับมาของทรัมป์ รวมไปถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน อิสราเอลและฮามาส และเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สำคัญอื่นๆ
ล้วนส่งอิทธิพลซึ่งกันและกันอย่างไม่เป็นระเบียบ การเสื่อมถอยของสหรัฐอเมริกาทำให้ทรัมป์ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่ง และการเสื่อมถอยของกลุ่มประเทศตะวันตกทำให้ทรัมป์มีบทบาทที่ไม่ดีในการทำให้ยุโรปและสหรัฐอเมริกาแตกแยกกัน
หากเรามาข้ามกระแสน้ำวนของการขายยูเครนของทรัมป์และสืบหาต้นตอของมัน
สมมติว่าทรัมป์พูดจาโอ้อวดเรื่องความยุติธรรมและความถูกต้องได้ดีเท่ากับนักการเมืองฝ่ายซ้ายส่วนใหญ่ในโลกตะวันตก
อิสราเอลก็จะอยู่ในภาวะสิ้นหวัง
และเมื่อนั้น ความจริงที่ว่ายูเครนได้รับความช่วยเหลือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่โลกตะวันตกเคยสัญญาไว้ก็จะไม่ถูกเปิดเผยออกมา ฮาาา
2
เมื่อความยุติธรรมและผลประโยชน์ไม่ขัดแย้งกัน ชาวอเมริกันเกือบ 75% สนับสนุนความช่วยเหลือแก่ยูเครน และยุโรปยังสูงกว่านั้นอีก
แต่การนำไปปฏิบัติจริงนั้นมีปัจจัยในความเป็นจริงอยู่มากมาย และจะมีลำดับเหตุการณ์ต่างๆตามมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อทรัมป์ใช้ผลประโยชน์เป็นธงเพื่อส่งสัญญาณที่ไม่ถูกต้อง และขอให้ยุโรปรับผิดชอบหลักในการช่วยเหลือยูเครน
1
โลกภายนอกจะมองเห็นว่ามีชาวอเมริกันจำนวนเท่าไรที่กล่าวหาว่าเขาทำผิด
โดยใช้ตรรกะเดียวกัน หากขอให้ชาวยุโรปใช้พลังงานรัสเซียน้อยลงเพื่อช่วยเหลือยูเครน จะมีคนจำนวนเท่าไรที่สามารถรับได้?
2
ในความเป็นจริงแล้ว ธรรมชาติของมนุษย์ไม่อาจทนต่อการทดสอบมากมายได้
ไม่ต้องพูดถึงความยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวยุโรปและชาวอเมริกันที่ได้มีชีวิตอันสงบสุขมาเกือบ 80 ปี
1
แน่นอนว่า ทรัมป์เองก็มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับประเด็นนี้ จะเห็นได้จากในระหว่างการรณรงค์ของเขาในปี 2559
เหตุผลหลักสองอย่างที่เขาสัญญาจะถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานก็คือ
มีคนอเมริกันเสียชีวิตมากเกินไป(มากกว่า 2,500 คน) และมีการใช้เงินไปโดยเปล่าประโยชน์(มากเกินไป) และผู้คนมากกว่า 2,500 คนที่ว่าเรากลับไม่รู้สึกใดๆเลย
1
ในขณะที่กองทัพรัสเซียมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 800,000 คน กลับสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของผู้คนจากหลายโลกที่มีต่อชีวิตทั้งหมดนี้
1
แต่ทุกคนก็หวงแหนชีวิตเช่นกัน ทัศนคติของยูเครนอยู่ระหว่างรัสเซียกับยุโรปและสหรัฐอเมริกา ต่างก็มีข้อมูลแสดงให้เห็นว่า
ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปี 2567 ความเต็มใจของชาวยูเครนที่จะต่อสู้จนตัวตายได้เปลี่ยนไปจากเกือบ 80% เป็น 50% กว่าๆ
2
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่กล้าหาญอีกต่อไป
แต่ด้วยความเป็นจริงที่ครอบคลุมในทุกแง่มุมและไม่สามารถบรรลุถึงจำลองแบบในอุดมคติได้ .... เมื่อถึงเวลา....ทุกคนก็ต้องพูดความจริง
ในช่วงเวลาแห่งความเหนื่อยล้าจากสงครามนี้ หากการเจรจาสันติภาพที่สามารถรับประกันสันติภาพระยะยาวในยูเครนได้ ก็จะถือเป็นสิ่งตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนชาวยูเครนอย่างไม่ต้องสงสัย
สมมติว่ามีทางเลือกสองทาง
หนึ่งคือเข้าสู่สันติภาพโดยมีผู้บาดเจ็บล้มตายหลายแสนคน
อีกทางหนึ่งคือเริ่มการเจรจาสันติภาพและหลีกเลี่ยงการสูญเสียผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
1
คุณจะเลือกทางใด?
และความหวังที่ เซเลนสกี แสดงออกมาในการประชุมสุดยอดสันติภาพยูเครนครั้งแรกที่สวิตเซอร์แลนด์เมื่อปีที่แล้วก็คือ สันติภาพสามารถบรรลุได้ผ่านการเจรจาสันติภาพในปีนี้
1
สำหรับแผนการของทรัมป์ แม้ว่าจะมีประเด็นเร่าร้อนทางอารมณ์ เช่น การขายยูเครน แต่เซเลนสกีก็สามารถปฏิเสธเงื่อนไขที่ไม่เอื้ออำนวยต่อยูเครนได้
1
ในความเป็นจริง เซเลนสกียังยึดมั่นในหลักการพื้นฐานของประชาชนชาวยูเครนอีกด้วย
1
อนิจจา...หากเขาสามารถย้อนกลับไปก่อนปี 2565 และยึดไครเมียกลับคืนมาด้วยการทูต นั่นจะเป็นเรื่องเลวร้าย(มาก)หรือไม่?
ในสถานการณ์ที่กองทัพรัสเซียยังคงมีศักยภาพในการทำลายล้างและความช่วยเหลือต่อยูเครนทำให้ไม่สามารถปราบปรามยูเครนได้อย่างเต็มที่
การแสวงหาความรับผิดชอบทางทฤษฎีและการแยกส่วนเป็นเพียงการพูดลอยๆ ในกรณีที่เลวร้ายกว่านั้น การกระทำดังกล่าวจะกระตุ้นให้เครมลินใช้กำลังที่เหลือทั้งหมด
จากมุมมองนี้ แผนของทรัมป์มีด้านที่เป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์ หากรัสเซียไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ที่เป็นไปได้ ทำไมจึงเชื้อเชิญให้รัสเซียนั่งที่โต๊ะเจรจา?
2
บางอย่างที่ผมเขียนมา เพื่อนๆชาวอูเครนหลายคนอาจไม่ชอบใจ เพราะความยากลำบากในการเข้าสู่การเจรจาไม่ได้อยู่ที่การขัดขวางของยุโรปและยูเครน
แต่ด้วยไม่ว่ายุโรปและสหรัฐอเมริกาจะแตกต่างกันมากเพียงใดก็ตาม
ประวัติศาสตร์ของพันธมิตรกว่า 80 ปีของทั้งสองประเทศยังคงอยู่ และความแตกต่างเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่สามารถเจรจากันได้เท่านั้น
2
อุปสรรคที่แท้จริงอยู่ภายในเครมลิน เขาเข้าใจถึงผลที่ตามมาจากความล้มเหลว และเพื่อที่จะได้ชนะ เขาก็เต็มใจที่จะเสี่ยงและไปถึงจุดสำคัญ
นี่เป็นสาเหตุที่ผมเชื่อเสมอมาว่าการแก้ไขปัญหารัสเซีย-ยูเครนผ่านการเจรจาสันติภาพจะเป็นเรื่องยากมากๆ
1
แต่.. ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 21 กันยา เพราะ... “การเจรจาสันติภาพ” เป็นสิ่งจำเป็น
2
การเจรจาจะทำให้ทุกฝ่ายเห็นชัดเจนว่า หลังจากพยายามหาวิธีอื่นๆ เพื่อยุติสงครามแล้ว ผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้สามารถตัดสินได้ในสนามรบ(เท่านั้น)
การที่ยุโรปรับหน้าที่หลักในการช่วยเหลือยูเครนไม่ได้หมายความว่าสหรัฐจะปล่อยยูเครนไว้ตามลำพัง
ซึ่งดีกว่าในชัยชนะของยูเครนที่ขึ้นอยู่กับราคาและผลประโยชน์ของยูเครนเอง
โดยการลงนามข้อตกลงสันติภาพที่ขายที่ดินจะทำให้เซเลนสกีถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ และความกล้าหาญของเขาในช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะถูกลบเลื่อนไปในทันที
1
กลยุทธ์ของทรัมป์ตามที่แวนซ์สรุปไว้มีความแม่นยำมากกว่า
1
กลยุทธ์ของสหรัฐได้เปลี่ยนไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
และพันธมิตรในภูมิภาคต่างๆ จำเป็นต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับตนเองเพื่อแบ่งปันความกังวลของสหรัฐ
อิสราเอล ซึ่งเป็นมาตรฐานในตะวันออกกลาง และยุโรปต้องการปกป้องประตูบ้านของตนเอง...
2
กล่าวอีกนัยหนึ่ง บัพเฟอร์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียไม่สามารถดำรงอยู่ได้นาน และสิ่งที่ทำได้มากที่สุดคือหลีกเลี่ยงการกระทำและการยั่วยุที่ไม่จำเป็น
1
ภายใต้หลักการทั่วไปนี้ หลักการนี้จะสามารถกำหนดเส้นทางให้เดิน
และเส้นทางสู่สันติภาพของยูเครนจะราบรื่นกว่าในสมัยของไบเดน
1
แต่ไม่ว่าจะไปทางไหน ตราบใดที่ยังคงดำเนิน(การเจรจา)ต่อไป ก็จะไปถึงจุดหมายแห่งชัยชนะอย่างแน่นอน
1
โฆษณา