Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Vate's Pharma Scope
•
ติดตาม
20 ก.พ. เวลา 12:20 • สุขภาพ
กุญแจสำคัญสู่ชีวิตอิสระที่ยาวนานขึ้น: ความก้าวหน้าล่าสุดในการรักษาโรคอัลไซเมอร์
สวัสดีครับทุกคน ผมเภสัชกรเวชครับ วันนี้ผมอยากจะชวนทุกคนมาเดินทางไปพร้อมกัน เพื่อสำรวจเรื่องราวของการรักษาโรคอัลไซเมอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ว่า การรักษาเหล่านั้นมีความหมายต่อชีวิตประจำวันของผู้ป่วยและครอบครัวอย่างไรบ้าง เรื่องราวที่เราจะเล่ากันวันนี้ จะอิงจากงานวิจัยล่าสุดที่พยายามทำความเข้าใจว่า ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์นั้น สามารถช่วยรักษา "อิสรภาพ" ในการใช้ชีวิตของผู้ป่วยได้มากน้อยแค่ไหน
จุดเริ่มต้น: โรคอัลไซเมอร์และการสูญเสียอิสรภาพ
เรื่องราวของเราเริ่มต้นจากความจริงที่น่าเศร้าว่า โรคอัลไซเมอร์เป็นโรคที่คร่าชีวิตความทรงจำและความสามารถในการใช้ชีวิตอย่างอิสระของผู้ป่วยไปทีละน้อยๆ
ลองนึกภาพนะครับว่า วันหนึ่งเราเริ่มหลงลืมเรื่องง่ายๆ ที่เคยทำได้เป็นประจำ เช่น ลืมวิธีจ่ายบิล ลืมเส้นทางกลับบ้าน หรือแม้แต่ลืมวิธีดูแลตัวเอง สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ป่วยอัลไซเมอร์และครอบครัวต้องเผชิญ และสิ่งที่น่ากังวลที่สุดก็คือ การที่ผู้ป่วยค่อยๆ สูญเสียความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ หรือ "อิสรภาพ" ในการใช้ชีวิตนั่นเองครับ
ในทางการแพทย์ เรามีเครื่องมือที่ใช้ประเมินความรุนแรงของโรคอัลไซเมอร์ที่เรียกว่า "CDR-SB" หรือ Clinical Dementia Rating Sum of Boxes ซึ่งเป็นเหมือนมาตรวัดที่ช่วยให้แพทย์เข้าใจว่า โรคอัลไซเมอร์ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการใช้ชีวิตของผู้ป่วยในด้านต่างๆ มากน้อยแค่ไหน คะแนน CDR-SB นี้จะพิจารณาจากหลายด้าน เช่น ความจำ การรับรู้ทิศทาง การตัดสินใจ และที่สำคัญคือ ความสามารถในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
การเดินทางของงานวิจัย: เชื่อมโยง CDR-SB กับอิสรภาพ
เมื่อเรามีเครื่องมือวัดความรุนแรงของโรคแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การทำความเข้าใจว่า คะแนน CDR-SB นี้มีความสัมพันธ์กับการสูญเสียอิสรภาพในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยอย่างไร งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้เริ่มต้นการเดินทางเพื่อตอบคำถามนี้ โดยการติดตามผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ระยะเริ่มต้น และประเมินทั้งคะแนน CDR-SB และความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
ผลจากการติดตามพบว่า มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างคะแนน CDR-SB กับการสูญเสียอิสรภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ เมื่อคะแนน CDR-SB เพิ่มขึ้น ความสามารถในการทำกิจกรรมที่ซับซ้อน เช่น การจัดการการเงิน การขับรถ หรือการทานยา (ที่เราเรียกว่า Instrumental Activities of Daily Living หรือ IADLs) ก็จะลดลงตามไปด้วย และเมื่อคะแนน CDR-SB สูงขึ้นไปอีก ความสามารถในการทำกิจกรรมพื้นฐาน เช่น การอาบน้ำ แต่งตัว หรือดูแลสุขอนามัยส่วนตัว (Basic Activities of Daily Living หรือ BADLs) ก็จะเริ่มมีปัญหาเช่นกัน
โดยงานวิจัยพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ป่วยประมาณ 50% จะเริ่มสูญเสียอิสรภาพในการทำกิจกรรม IADLs เมื่อคะแนน CDR-SB สูงกว่า 4.5 และจะสูญเสียอิสรภาพในการทำกิจกรรม BADLs เมื่อคะแนน CDR-SB สูงกว่า 11.5 ตัวเลขเหล่านี้มีความสำคัญ เพราะมันช่วยให้เราเข้าใจว่า คะแนน CDR-SB ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขในรายงานทางการแพทย์ แต่เป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความสามารถในการใช้ชีวิตจริงของผู้ป่วย
ความหวังใหม่: ยาที่ช่วยยืดเวลาแห่งอิสรภาพ
ในขณะที่เรากำลังทำความเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่าง CDR-SB กับอิสรภาพ ก็มีข่าวดีเกิดขึ้นในวงการการรักษาโรคอัลไซเมอร์ นั่นคือ การพัฒนายาใหม่ๆ ที่เรียกว่า "Disease-Modifying Therapies" (DMTs) หรือยาปรับเปลี่ยนการดำเนินโรค ยาเหล่านี้มีเป้าหมายที่จะเข้าไปจัดการกับกลไกของโรคอัลไซเมอร์โดยตรง และชะลอการดำเนินโรคให้ช้าลง
เมื่อมียาใหม่เหล่านี้เกิดขึ้น คำถามสำคัญก็คือ ยาเหล่านี้สามารถช่วยยืดระยะเวลาที่ผู้ป่วยยังคงมีอิสรภาพในการใช้ชีวิตได้นานแค่ไหน? งานวิจัยชิ้นเดิมจึงได้เดินทางต่อไป เพื่อหาคำตอบในประเด็นนี้ โดยการนำข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกของยา Lecanemab และ Donanemab ซึ่งเป็นยา DMTs ที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ระยะเริ่มต้น มาวิเคราะห์
ผลการวิเคราะห์พบว่า สำหรับผู้ป่วยที่มีคะแนน CDR-SB เริ่มต้นที่ 2 (ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระยะเริ่มต้นของโรค) การรักษาด้วย Lecanemab สามารถช่วยยืดระยะเวลาที่ผู้ป่วยยังคงมีอิสรภาพในการทำกิจกรรม IADLs ได้นานขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 10 เดือน ในขณะที่ Donanemab ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีระดับ Tau ในสมองต่ำถึงปานกลาง สามารถยืดระยะเวลาดังกล่าวได้นานขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 13 เดือน
ความหมายของการเดินทาง: อิสรภาพที่ยาวนานขึ้น
การเดินทางของงานวิจัยชิ้นนี้ได้นำเรามาถึงจุดที่สำคัญ นั่นคือ การที่เราได้เห็นว่า ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขสถิติหรือผลตรวจที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่มีความหมายที่จับต้องได้ในชีวิตประจำวันของผู้ป่วย นั่นคือ "อิสรภาพ" ที่ยาวนานขึ้น
การที่ผู้ป่วยสามารถมีอิสรภาพในการใช้ชีวิตได้นานขึ้นอีก 10-13 เดือน อาจดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ไม่ยาวนานนัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ช่วงเวลานี้มีความหมายอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว ลองคิดดูนะครับว่า 10 เดือนที่ผู้ป่วยยังสามารถดูแลตัวเองได้ ทำกิจกรรมที่เคยชอบได้ หรือใช้เวลากับคนที่รักได้อย่างมีความสุข จะมีค่ามากเพียงใด
2
ข้อมูลจากงานวิจัยนี้ยังเป็นประโยชน์อย่างมากในการตัดสินใจทางการแพทย์ เมื่อแพทย์พูดคุยกับผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษา แพทย์สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้อธิบายให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจได้ว่า การรักษาด้วยยา DMTs อาจจะช่วยยืดระยะเวลาที่ผู้ป่วยยังคงมีอิสรภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ ได้นานขึ้นประมาณเท่าใด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น
จุดหมายปลายทาง: การเดินทางที่ยังไม่สิ้นสุด
ถึงแม้ว่าการเดินทางของเราในวันนี้จะนำมาซึ่งความหวังใหม่ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ แต่เราก็รู้ดีว่า การเดินทางนี้ยังไม่สิ้นสุด ยังมีคำถามอีกมากมายที่รอการค้นหาคำตอบ เช่น เราจะสามารถพัฒนายาและการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้อย่างไร? เราจะสามารถดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์และครอบครัวให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร?
ผมหวังว่าเรื่องราวการเดินทางของการรักษาโรคอัลไซเมอร์ที่เราได้ร่วมกันสำรวจในวันนี้ จะเป็นประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนนะครับ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพราะการดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ
เอกสารอ่านเพิ่มเติม
1.
https://alz-journals.onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/trc2.70033
สุขภาพ
ความรู้รอบตัว
ข่าวรอบโลก
1 บันทึก
5
2
2
1
5
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย