หนังสือ : จิตวิทยาสายเหมียว PART 1
ในโพสต์ก่อนหน้านี้ที่เป็นหนังสือ “กล้าที่จะถูกเกลียด” มีการอธิบายเกี่ยวกับหลักจิตวิทยาของแอดเลอร์โดยเชื่อมโยงกับปัญหาชีวิตของคนในสังคมปัจจุบันที่ล้วนเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ อ่านแล้วทำให้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะนำมาปรับใช้กับสังคมในยุคปัจจุบันได้อย่างดีทีเดียว ทั้งๆที่เป็นหลักทฤษฎีที่ถูกแบนและดูไม่น่าเป็นไปได้มาตลอด
หนังสือเล่มนี้ในโพสต์นี้ที่ชื่อว่า “จิตวิทยาสายเหมียว” ก็เช่นกัน มีการเชื่อมโยงพฤติกรรมของเจ้าเหมียวบนโลกนี้เข้ากับหลักจิตวิทยาของแอดเลอร์ได้น่ารักทีเดียว จากผู้เขียนที่เป็นสัตวแพทย์มืออาชีพที่ได้บอกเล่าว่าเราก็สามารถปรับเอาพฤติกรรมของเจ้าเหมียวในบางเรื่องเข้ามาปรับใช้กับตัวเราได้ มีบางอย่างที่ต่างก็เป็นจุดร่วมกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่อีกฝั่งหนึ่งคือสัตว์และอีกฝั่งหนึ่งคือมนุษย์
ใครจะไปรู้ว่าจากสถิติสัตว์ประเภทแมวเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด และอยู่รอดมารุ่นสู่รุ่นมากที่สุด อย่างเช่นเสือชีต้าที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก และออกล่าเหยื่อได้สำเร็จแทบจะทุกครั้ง โดยผ่านการขัดเกลาและลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วนด้วยสัญชาตญานของมันโดยกำเนิด
เพราะสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างก็ต้องแข่งขันกันเพื่อความอยู่รอดบนโลกใบนี้
แต่หนังสือเล่มนี้จะไม่ได้สอนให้คนมาแข่งขันกัน แต่สอนให้เห็นหัวใจของความเป็นปัจเจกบุคคลที่ยังคงคำนึงถึงส่วนรวม จากตัวเราสู่ผู้อื่นก็มีส่วนทำให้เราใช้ชีวิตทั้งแบบปัจเจกและการมีส่วนร่วมในสังคมให้อยู่รอดได้ด้วยการมีความสุขในทุกๆฝ่าย
เริ่มต้นกันเลย สรุปด้วยกันทั้งหมด 7 ข้อ ดังนี้
1.
แมว —->> แมวจะให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นหลัก ไม่อยู่รวมกันเป็นฝูง แต่ให้เวลากับตัวเอง
มันไม่ได้เพิก เฉยต่อเหตุการณ์รอบๆตัว แต่มันกลับใช้วิธีการสังเกตสิ่งต่างๆรอบๆตัวอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ถ้ามันเห็นใครที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ มันถึงเข้าไปช่วย เสมือนดูอยู่ห่างๆแต่ไม่ทอดทิ้ง เพราะมันสามารถอ่านและจับอารมณ์คนเราได้เช่นกัน
คน —->> แต่คนเรากลับชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม มีอะไรต้องอยากรู้อยากเห็นไปหมดอยู่ตลอดเวลา เราเปลี่ยนมาใช้วิถีแบบแมวก็ดีเหมือนกัน
2.
แมว —->> แมวเพลิดเพลินกับการอยู่คนเดียว มีอาณาเขตของตัวเอง และไม่ปรับตัวตามคนรอบข้างมากเกินไปและมีเวลาให้กับการขัดเกลาทักษะของตัวเอง
คน —->> แต่คนเราชอบอยู่กับกลุ่มเพื่อน เหมือนจะอยู่คนเดียวไม่ค่อยได้ เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าแปลก ถ้ามองแล้วเรานำสิ่งนี้มาปรับใช้บ้างแบบพอดีๆ เราก็จะมีเวลาในการฝึกฝนและพัฒนาทักษะของตัวเองในมุมเงียบๆให้เก่งขึ้นได้
3.
แมว —->> แมวจะมีการใช้ชีวิตเหมือนกับวัฒนธรรมการทำงานแบบตะวันตกที่ไม่ได้มีการสั่งการจากบนลงล่างหรือที่เรียกว่าสังคมแนวตั้ง แต่เป็นสังคมแบบแนวนอนที่มองว่าทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีระบบอาวุโส ทุกตัวต่างเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้อยู่กันเป็นฝูงหรือรวมกันเป็นพรรคเป็นพวก และไม่มีลำดับขั้นใดๆ
คน —->> แต่คนเอเชียอย่างเราๆจะเน้นระบบอาวุโสและการอยู่กันเป็นพรรคเป็นพวก เชื่อฟังผู้ใหญ่ ถ้ามีการเถียง ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ ก็อาจจะถูกมองว่าไม่ใช่พวกเดียวกันหรือเป็นคนไม่ดี เกิดความไม่เท่าเทียมกัน เลือกที่รักมักที่ชัง เพราะฉะนั้นการนำวิถีแบบแมวมาใช้บ้างก็อาจทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคมได้มากขึ้น
TO BE CONTINUED
——- อ้างอิง ——-
หนังสือ : จิตวิทยาสายเหมียว
ผู้เขียน : ซุกุนามิ อากิระ
ผู้แปล : เมธี ธรรมพิภพ
ออกแบบปก : Supawan C
สำนักพิมพ์ : O2 (พิมพ์ครั้งที่ 1 มิถุนายน 2567)
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
