19 ก.พ. เวลา 14:35 • หุ้น & เศรษฐกิจ

5 สาระสำคัญ เศรษฐกิจไทย

6 ปีที่ผ่านมา ตัวเลข GDP ไทยเติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค และยังคงเผชิญปัจจัยกดดันหลายด้าน ทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่ซบเซา โครงสร้างเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแกร่งเพียงพอ และความเหลื่อมล้ำที่ยังแก้ไม่ได้ แม้ภาคบริการและการท่องเที่ยวจะช่วยประคองเศรษฐกิจ แต่การฟื้นตัวในภาคการผลิตยังอ่อนแรง จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
1. ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยต่ำต่อเนื่อง
- GDP ไทยโตต่ำกว่า 3% ติดต่อกันเป็นเวลา 6 ปี (นับตั้งแต่ปี 2019)
- ปี 2567 (ตัวเลขเต็มปี) เติบโตเพียง 2.5% ต่ำกว่าประมาณการ และอยู่รั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ประกาศ GDP แล้ว (เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์)
- แนวโน้มปี 2568 สภาพัฒน์คาด GDP โตได้ในกรอบ 2.3-3.3% โดยยังมีความเสี่ยงด้านการเงินโลก หนี้ครัวเรือนสูง และความผันผวนในภาคเกษตร
2. ปัจจัยกดดันสำคัญ
- การลงทุนภาคเอกชนหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในเครื่องจักรและการก่อสร้าง สะท้อนความเชื่อมั่นธุรกิจที่ยังไม่ฟื้น
- ศักยภาพการเติบโตลดลง (Potential GDP ลดลง) จากสังคมสูงวัยและขาดแรงงาน รวมถึงการแข่งขันจากต่างประเทศ
- ปัญหาความเหลื่อมล้ำ รายได้โตไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะฐานล่างและคนในต่างจังหวัดที่กำลังซื้ออ่อนแอ
3. ภาคอุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออกไม่ขยายตัวเต็มที่
- แม้ตัวเลขส่งออกบางส่วนดูดี แต่เกิดจากการนำเข้าสินค้าจีนมาส่งต่อ (Re-export) ไม่ได้เป็นการผลิตในประเทศมากนัก จึงไม่สร้างงานหรือมูลค่าเพิ่ม
- ภาคบริการ (โดยเฉพาะท่องเที่ยว) ฟื้นตัวได้ดีกว่าภาคอุตสาหกรรม จึงเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ
4. มาตรการสนับสนุนและความเคลื่อนไหวในตลาดทุน
- ตลาดหลักทรัพย์เตรียมออกโครงการ “Jump Plus” มุ่งกระตุ้นการเติบโตของบริษัทจดทะเบียน ด้วยการเสนอ:
4.1. ยกเว้นภาษีกำไรส่วนเพิ่ม (เฉพาะ 3 ปี) สำหรับบริษัทที่ทำกำไรสูงขึ้นจากปีก่อน
4.2. นิรโทษกรรมภาษี (Tax Amnesty) ให้บริษัทนอกตลาดที่มาควบรวมหรือถูกซื้อกิจการ (M&A) โดยบริษัทจดทะเบียน เพื่อจูงใจให้ธุรกิจนอกตลาดเข้าสู่ระบบภาษี
- แนวทางปรับเกณฑ์คำนวณดัชนี (Cap Weight) เพื่อจำกัดอิทธิพลหุ้นขนาดใหญ่ไม่ให้ส่งผลต่อดัชนีรวมมากเกินไป (หุ้นรายตัวมีน้ำหนักไม่เกิน 10% ในดัชนี SET50, SET100)
5. แนวทางแก้โจทย์เชิงโครงสร้าง
- เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน: ผ่อนคลายกฎระเบียบ ดึงดูด FDI และแรงงานฝีมือจากต่างประเทศ
- ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้มีการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value-added) เพื่อไม่ให้พึ่งพาแต่ภาคบริการหรือการบริโภคในประเทศ
- ลดความเหลื่อมล้ำด้วยการเร่งเพิ่มรายได้และสร้างงานให้กลุ่มฐานล่างในต่างจังหวัด
สรุปโดยรวม เศรษฐกิจไทยเผชิญภาวะโตต่ำต่อเนื่องจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นเอกชนที่ยังไม่ฟื้น การแข่งขันสินค้าอุตสาหกรรมกับจีน โครงสร้างเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแกร่งพอ และภาระหนี้ของภาคครัวเรือน ขณะเดียวกัน ตลาดทุนเองก็พยายามออกมาตรการกระตุ้น ผ่านโครงการ Jump Plus และการปรับวิธีคำนวณดัชนี เพื่อลดความผันผวนจากหุ้นขนาดใหญ่และดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ให้เข้ามาในระบบ
ขอขอบคุณ The Standard Wealth ที่โพส content ดี ๆ และ DALL E
ถ้ามีอะไรผิดพลาดสามารถให้คำแนะนำได้ และ ขอบคุณที่ติดตามครับ
โฆษณา