19 ก.พ. เวลา 14:00 • อสังหาริมทรัพย์

อสังหาฯ เมืองท่องเที่ยว พุ่งแรง! เล็งโอกาสรอด ท่ามกลางตลาด กทม. แผ่ว

อสังหาฯ เบนเข็มมุ่งหน้าเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต พัทยา หัวหิน พบยังมีดีมานด์สูงจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุน ด้วยกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง ขณะที่อสังหากทม. ชะลอตัว บรรดาผู้พัฒนาแห่เปิดโครงการใหม่มากสุดรอบ 15 ปี
1
ท่ามตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้พัฒนารายใหญ่จึงเบนเข็มมุ่งหน้าสู่เมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ต พัทยา หัวหิน และเกาะสมุย ซึ่งยังคงมีดีมานด์สูงจากทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุน
โดยเฉพาะภูเก็ตที่กลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนสำคัญ ด้วยกำลังซื้อที่แข็งแกร่งจากทั้งไทยและต่างชาติ ทำให้บรรดาผู้พัฒนาแห่เปิดโครงการใหม่เป็นจำนวนมากที่สุดในรอบ 15 ปี
ข้อมูลจากแผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย โดยนายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการแผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ระบุว่า ในปี 2567 ภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 14 ล้านคน สร้างรายได้สูงถึง 400,000 ล้านบาท ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ เติบโตแบบก้าวกระโดด
โดยเฉพาะจากกลุ่มนักลงทุนรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย จีน และคาซัคสถาน ที่ให้ความสนใจซื้ออสังหาฯ ทั้งแบบยูนิตเดียวและซื้อเหมาอาคาร ขณะที่ผู้พัฒนาหลายรายมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องและบางแห่งก่อสร้างไม่ทันต่อความต้องการ
  • ภูเก็ต หมุดหมายใหม่ของผู้พัฒนา
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เช่น บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, บมจ. ศุภาลัย, บมจ. แสนสิริ, บมจ. แอสเซทไวส์, บจ. โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต และ บจ. โบ๊ทพัฒนา จำกัด ต่างเร่งเปิดโครงการใหม่ในจังหวัดภูเก็ต ส่งผลให้มีอุปทานเปิดขายใหม่ทั้งในกลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศรวมกว่า 140 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมสูงถึง 158,638 ล้านบาท
สำหรับตลาดคอนโดมิเนียม ในปี 2567 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ถึง 14,718 ยูนิต จาก 54 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 102,033 ล้านบาท มากที่สุดในรอบ 15 ปี ทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ บางเทา เชิงทะเล กะตะ และใจกลางเมืองภูเก็ต ซึ่งยังคงเป็นพื้นที่สำคัญที่นักพัฒนาทุกกลุ่มต้องการจับจอง
แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ยังคาดการณ์ว่า ปี 2568 ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้อุปทานเปิดขายใหม่อาจลดลงอยู่ที่ 8,000 - 10,000 ยูนิต
เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดกว่า 20,000 ยูนิต ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก โดยกำลังซื้อจากชาวรัสเซียยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันตลาด ขณะที่คาดว่าจะมีผู้พัฒนาใหม่จากกรุงเทพฯ เข้ามาแข่งขันเพิ่มขึ้น
  • วิลล่าหรู ดันตลาดลักชัวรีเติบโตแข็งแกร่ง
ตลาดบ้านพักตากอากาศในภูเก็ตยังคงเป็นที่ต้องการของกลุ่มเศรษฐีทั้งไทยและต่างชาติ เนื่องจากเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูง ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หันมาพัฒนาโครงการในระดับลักชัวรีมากขึ้น โดยเฉพาะทำเลที่มีวิวทะเลและความเป็นส่วนตัวสูง เช่น บางเทา ลายัน กมลา และราไวย์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่มองหาทรัพย์สินเพื่อการลงทุนและอยู่อาศัยระยะยาว
ทั้งนี้ แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตจะยังคงคึกคักตลอดปี 2568 โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลักชัวรี และตลาดให้เช่าระยะยาวที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการขยายฐานลูกค้าต่างชาติ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการในอนาคต
  • พัทยา และชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี ท่องเที่ยวที่ยังน่าจับตามอง
นอกจากภูเก็ตแล้ว พัทยาและพื้นที่ชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี ก็เป็นทำเลที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ ให้ความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะพัทยาที่กำลังได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศขยายตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมากถึง 20 โครงการ 10,443 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมถึง 40,865 ล้านบาท โดยจำแนกเป็นคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยาจำนวน  13 โครงการ 7,897 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 36,060 ล้านบาท
และนอกเขตพื้นที่พัทยาจำนวน 7 โครงการ 2,546 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 4,585 ล้านบาท จากอุปทานการเปิดตัวดังกล่าวนับว่าเป็นอุปทานเปิดขายใหม่ที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปีของตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยา
และเมื่อสิ้นปี 2567 จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 47,800 ยูนิต สามารถขายออกไปแล้วประมาณ 36,471 ยูนิตคิดเป็น 76.29% เหลืออุปทานรอการขายอีก 11,329 ยูนิตคิดเป็น 23.71%
ในขณะที่พื้นที่ชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ซื้อที่มองหาบ้านพักตากอากาศใกล้กรุงเทพฯ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการอยู่อาศัยระยะยาวและนักลงทุนที่มองหาโอกาสปล่อยเช่าระยะยาว ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในปีที่ผ่านมามีอุปทานเปิดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในพื้นที่หัวหิน ชะอำ และปราณบุรี จำนวน 3 โครงการ 753 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 6,460 ล้านบาท ทั้งหมดตั้งอยู่ในพื้นที่หัวหินฝั่งทะเล ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมที่สุดในพื้นที่นี้
สำหรับในปีพ.ศ. 2568 ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่หัวหิน ชะอำ และปราณบุรีจะยังคงได้รับความสนใจจากผู้พัฒนาเข้าพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องอีกมากกว่า 1,000 ยูนิต และส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้พัฒนารายใหญ่ที่เคยพัฒนาโครงการในพื้นที่มาแล้ว
และในอนาคตอาจมีความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Leasehold ในพื้นที่นี้ เนื่องจากปัจจุบันที่ดินติดชายหาดในพื้นที่หัวหิน ชะอำ และปราณบุรี หาได้ค่อนข้างยากและมีราคาเสนอขายที่สูงเป็นอย่างมาก
โฆษณา