19 ก.พ. เวลา 00:30 • ธุรกิจ

การจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Management)

เป็นกระบวนการที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้ามีเพียงพอสำหรับการขายในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายสินค้าคงคลังที่ไม่จำเป็น นี่คือหลักการและวิธีการบางประการในการจัดการสินค้าคงคลัง:
หลักการพื้นฐาน:
1 การคาดการณ์ความต้องการ (Demand Forecasting):
◦ ใช้ข้อมูลย้อนหลังและแนวโน้มในปัจจุบันเพื่อคาดการณ์ความต้องการในอนาคต
2 การจัดเก็บ (Storage):
◦ จัดระเบียบสินค้าให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย ลดเวลาในการหยิบสินค้า
3 การควบคุม (Inventory Control):
◦ ใช้ระบบตรวจนับสินค้าเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลสินค้าตรงกับสินค้าที่มีจริง
4 การจัดการการสั่งซื้อ (Ordering Management):
◦ กำหนดจุดสั่งซื้อ (Reorder Point) และปริมาณสั่งซื้อ (Order Quantity) ที่เหมาะสม
วิธีการจัดการ:
1 ระบบ FIFO (First-In, First-Out):
◦ สินค้าที่เข้ามาก่อนจะถูกนำออกไปขายก่อน เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของสินค้า
2 ระบบ LIFO (Last-In, First-Out):
◦ ใช้ในกรณีที่สินค้าไม่มีวันหมดอายุ หรือเพื่อการจัดการภาษี
3 ABC Analysis:
◦ แบ่งสินค้าออกเป็น 3 กลุ่มตามความสำคัญและปริมาณการใช้ (A - สำคัญมาก, B - ปานกลาง, C - น้อย)
4 Just-In-Time (JIT):
◦ การสั่งซื้อสินค้าเมื่อต้องการเท่านั้น เพื่อลดการเก็บสต็อกที่ไม่จำเป็น
5 การใช้เทคโนโลยี:
◦ ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) หรือซอฟต์แวร์จัดการสินค้าคงคลังเฉพาะทางเพื่อติดตามและวิเคราะห์สินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6 การจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse Management):
◦ ใช้หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติในการจัดเก็บและหยิบสินค้า
ปัญหาที่พบบ่อย:
• การสั่งซื้อมากเกินไปหรือน้อยเกินไป: ส่งผลต่อต้นทุนและการบริการลูกค้า
• สินค้าหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ: จากการเก็บสต็อกนานเกินไป
• การขาดทุนจากการขโมยหรือความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล
การจัดการสินค้าคงคลังที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน, ลดต้นทุน, และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและการใช้เทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ.
1
โฆษณา