19 ก.พ. เวลา 02:09 • ยานยนต์

Nissan Leaf จาก ‘ผู้บุกเบิก’ สู่ ‘ผู้แพ้’ บทเรียนสำคัญสำหรับทุกธุรกิจในยุคเปลี่ยนผ่าน

เรื่องราวของ Nissan เป็นบทเรียนที่น่าเจ็บปวดในวงการยานยนต์โลก จากที่เคยเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าที่เจ๋งมากๆ กลับต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ไม่มีใครคาดคิด
ย้อนกลับไปเมื่อ 14 ปีก่อน Nissan เป็นที่เชิดหน้าชูตาด้วยการผลิตรถยนต์อย่าง Nissan Leaf ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดรุ่นแรกสำหรับตลาดแมส
สิ่งที่น่าตะหงิดใจคือ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกมาหลังยุคของ Nissan Leaf มันดูไม่เข้าท่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ทั้งที่มีประสบการณ์โชกโชนถึง 14 ปี ยอดขายและมูลค่าบริษัทก็ดิ่งลงเหวแบบฉุดไม่อยู่
เงินทุนรอนในมือก็มีน้อยเกินไปสำหรับบริษัทระดับพี่ใหญ่อย่าง Nissan และดูเหมือนว่า Nissan จะมัวแต่เทิดทูนความสำเร็จในอดีต จนอาจต้องดับสูญก่อนใครเพื่อนในวงการ
Tesla ดาวรุ่งพุ่งแรงที่พุ่งทะยานขึ้นมาในวงการยานยนต์ไฟฟ้า เรียกได้ว่าถีบส่ง Nissan จนแทบกระอักเลือด เริ่มจาก Nissan Ariya รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปี 2022 ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 91 KWh แต่วิ่งได้แค่ 447 กิโลเมตร
ในขณะที่ Tesla Model Y ที่มีขนาดใหญ่กว่า กลับใช้แบตเตอรี่น้อยกว่าแต่วิ่งได้ไกลถึง 493 กิโลเมตร ความเทพของ Tesla ไม่ได้อยู่แค่นี้ ทั้งสมรรถนะ ความเร็วในการชาร์จ และพื้นที่ใช้สอยก็เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ตัวเลขยอดขายยิ่งทำให้เจ็บปวด Leaf ขายได้แค่ 577,000 คันตลอด 12ปี (นับถึงปี 2022) เฉลี่ยปีละ 48,000 คัน แต่ Model Y จัดหนักด้วยยอดขายที่ทะลุ 850,000 คันในปี 2022 ปีเดียว
สถานการณ์การเงินก็ร่อยหรอสุดๆ ยอดขายลดฮวบจาก 5.8 ล้านคันในปี 2017 เหลือแค่ 3.3 ล้านคันในปี 2024 กำไรก็แทบจะมลายหายไปหมดสิ้น แถม Renault พันธมิตรเก่าแก่ก็กำลังจะแทงข้างหลังด้วยการขายหุ้น 75% ทิ้ง
2
ที่น่าปวดหัวไปกว่านั้นคือการตัดสินใจของ Nissan ก่อนหน้านี้ที่ไปจับมือกับ GM ซึ่งก็กำลังเจอปัญหาไม่แพ้กัน ทั้งเรื่องการเรียกคืนรถและยอดขายที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า
GM เองก็มีความฝันว่าจะผลิตรถไฟฟ้าให้ได้ 1 ล้านคันในปี 2025 ทั้งที่ปี 2022 ยังทำได้แค่ 50,000 คัน แถมรถที่ผลิตออกมาก็มีปัญหาจนต้องเรียกคืนทั้ง Cadillac Lyriq และ Hummer EV
ในขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกกำลังบูมสุดขีด ยอดขายพุ่งกระฉูดถึง 17.1 ล้านคันในปี 2024 เติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปี 2023 แต่ GM กลับผลิตได้แค่หยิบมือ ไม่ถึง 3% ของยอดขายทั้งหมด
Toyota ก็ไม่ต่างกัน เพิ่งจะตื่นจากความฝันที่คิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะยังไม่มาเร็วขนาดนี้ พอรู้ตัวว่าแพ้ Tesla เรื่องต้นทุนการผลิต ก็รีบปรับกลยุทธ์กันจนหัวปั่น แต่ดูเหมือนว่าอาจจะสายเกินแก้
ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นทั้งหลายกำลังเจอวิกฤติครั้งใหญ่ มีหนี้สินมากโข แถมธุรกิจรถยนต์แบบเดิมก็กำลังสั่นคลอน ขณะที่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังล้าหลังทั้ง Tesla และบริษัทจากจีนอย่าง BYD ที่กำลังมาแรงแซงโค้ง
Leaf ที่เคยเป็นความหวังของวงการรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ที่ผู้คนต่างเคยชายตามองกันทั่วโลก วันนี้กลับต้องจบชีวิตลงอย่างไม่สมศักดิ์ศรี Nissan ที่เคยมีประสบการณ์ในการทำรถยนต์ไฟฟ้ามาก่อนใครเพื่อน กลับหมดความเจ๋งไปซะอย่างงั้น แม้ว่าจะมีประสบการณ์มานานนับทศวรรษ
รอยร้าวเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หุ้นร่วงลงกว่า 70% ในช่วง 5 ปี Renault กำลังจะถีบส่งออกจากการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ขีดชะตาของ Nissan ที่กำลังจะถึงจุดที่น่ากลัวที่สุด
ยิ่งข่าวการควบรวมกับ Honda ล่าสุดก็ดูเหมือนจะเละเทะไม่เป็นท่า ด้วยท่าทีที่เย่อหยิ่งของ Nissan ที่คิดว่าตัวเองเป็นแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่ ควรมีศักดิ์มีศรีเทียบเท่ากับ Honda หลังการควบรวม ก็เจอการ Say No จาก Honda ไปแบบไม่ใยดี
ถ้ารัฐบาลญี่ปุ่นไม่รีบอัดฉีดเงินช่วยเหลือ Nissan อาจเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ต้องสูญสิ้นทุกสิ่ง แต่คำถามคือรัฐบาลญี่ปุ่นจะมีปัญญาช่วยได้หรือไม่ ในเมื่อต้องแบกรับบริษัทยานยนต์อีกหลายบริษัทที่กำลังเจอปัญหาคล้ายๆ กัน
นี่คือบทเรียนราคาแพงที่แสดงให้เห็นว่า การหยุดพัฒนาและพอใจกับความสำเร็จในอดีต อาจนำไปสู่การจบเห่ทางธุรกิจได้ แม้จะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เคยแสนภาคภูมิใจในอดีตก็ตามที
ตอนนี้ Nissan กำลังฝ่าฝันต่อสู้กับวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท จากผู้นำนวัตกรรมที่เคยเป็นที่เทิดทูน อาจต้องมาเจอจุดจบที่แสนเจ็บปวดรวดร้าว
เหลือเพียงแต่รอดูว่า พรหมลิขิตจะขีดเขียนชะตาชีวิตของ Nissan ไว้อย่างไร จะสามารถพลิกฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง ผ่านการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ หรือจะต้องจบลงด้วยการเป็นตำนานอีกหนึ่งบทในประวัติศาสตร์วงการยานยนต์โลก
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา