19 ก.พ. เวลา 02:05 • ข่าวรอบโลก

วิกฤติหนี้แองโกลา: ความไม่เป็นธรรมในระบบการเงินโลก

วิกฤติหนี้แองโกลาสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมในระบบการเงินโลกได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของประเทศกำลังพัฒนาที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก แองโกลาซึ่งเคยเป็นประเทศที่มีความมั่งคั่งจากทรัพยากรน้ำมัน กำลังเผชิญกับวิกฤติหนี้ครั้งใหญ่ที่ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบการเงินระหว่างประเทศ
การพึ่งพาน้ำมันและการกู้ยืมจากต่างประเทศ
เศรษฐกิจของแองโกลาพึ่งพาการส่งออกน้ำมันเป็นหลัก โดยรายได้จากน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 90 ของการส่งออกทั้งหมด ความเปราะบางนี้ปรากฏชัดเจนในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกตกต่ำในปี 2557 ส่งผลให้ประเทศต้องพึ่งพาการกู้ยืมจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การกู้ยืมส่วนใหญ่มาจากธนาคาร VTB ของรัสเซีย ซึ่งเสนอเงินกู้ที่มาพร้อมกับเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมและอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ
ราคาน้ำมันโลกลดลงตั้งแต่ปี 2557
การซื้อดาวเทียมและการผิดนัดชำระหนี้
หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดคือการกู้ยืมเงินจำนวน 278 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2554 จากธนาคาร VTB และสถาบันการเงินอื่นๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซีย เพื่อนำมาซื้อดาวเทียมจากรัสเซีย ซึ่งมีจุดประสงค์หลักในการสนับสนุนการสื่อสารและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีในประเทศ
การลงทุนนี้ถือเป็นการยกระดับเทคโนโลยีในยุคที่โลกกำลังพัฒนาไปในทิศทางของการเชื่อมต่อและดิจิทัล แต่ภาระหนี้จากเงินกู้นี้กลายเป็นปัญหาใหญ่เมื่อราคาน้ำมันลดลง ทำให้แองโกลาไม่สามารถชำระหนี้ได้ในปี 2563 และนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ที่กลายเป็นข้อพิพาททางกฎหมายกับเจ้าหนี้ต่างประเทศ
สถานการณ์ที่ซับซ้อนจากการคว่ำบาตรรัสเซีย
สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเมื่อชาติตะวันตกเริ่มคว่ำบาตรสถาบันการเงินรัสเซีย ทำให้ธนาคาร VTB ต้องปรับโครงสร้างการดำเนินงาน โดยส่วนหนึ่งของธนาคารได้แยกตัวออกมาเป็น OWH (เดิมคือ VTB Europe) เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการคว่ำบาตร การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้การจัดการหนี้ของแองโกลายิ่งซับซ้อนขึ้น เนื่องจากความไม่ชัดเจนในเรื่องของการโอนสิทธิเรียกร้องและผลกระทบของการคว่ำบาตรต่อภาระผูกพันทางการเงินที่มีอยู่เดิม
ข่าวล่าสุดจาก Financial Times ระบุว่า บริษัทผู้บริหารสินทรัพย์ของ VTB (ที่เดิมคือ VTB Europe) ได้กล่าวหาแองโกลาเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้จากเงินกู้ที่ได้รับจากธนาคาร VTB โดยมีการฟ้องร้องและเริ่มกระบวนการอนุญาโตตุลาการเพื่อเรียกร้องให้แองโกลาชำระหนี้ ความไม่แน่นอนทางการเงินและการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกต่อธนาคารรัสเซีย ส่งผลให้แองโกลาต้องเผชิญกับการดำเนินการทางกฎหมายในขณะที่กำลังพยายามเข้าถึงตลาดการเงินโลกอีกครั้ง
หนี้สาธารณะและอัตราส่วนหนี้ต่อ GDP
ปัจจุบัน หนี้สาธารณะของแองโกลามีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 80.4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่ประมาณการไว้ที่ 74,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 การผิดนัดชำระหนี้ทำให้แองโกลาต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายประการ เช่น การถูกยึดทรัพย์สินในต่างประเทศ การสูญเสียความสามารถในการเข้าถึงตลาดการเงินระหว่างประเทศ การลดค่าเงินกวานซา และการลดลงของการลงทุนจากต่างประเทศ
วิกฤติหนี้แองโกลาไม่เพียงแต่สะท้อนถึงปัญหาของการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความไม่เป็นธรรมในระบบการเงินระหว่างประเทศด้วย ประการแรกคืออัตราดอกเบี้ยที่สูง โดยในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วสามารถกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าร้อยละ 2 ต่อปี แองโกลาและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 8-12 ต่อปี
แม้ว่าจะเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงินเดียวกัน อีกทั้งยังทำให้เห็นถึงระบบการเงินโลกที่มักให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของเจ้าหนี้และประเทศพัฒนาแล้ว มากกว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้ ประเทศที่พึ่งพาทรัพยากรเดียวมักเสี่ยงที่จะตกอยู่ในวงจรหนี้สินที่ไม่สามารถหลุดพ้นได้
ทั้งนี้ แองโกลาและประเทศกำลังพัฒนา ยังขาดกลไกที่สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ในกรณีที่มีวิกฤติหรือการเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจโลกเหมือนกับที่ประเทศพัฒนาแล้ว ที่ได้รับโอกาสในการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ที่ผ่อนปรนกว่า ซึ่งคงไม่ต้องยกตัวอย่างที่ผ่านๆ มากับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในทุกๆ ปีค่ะ
สามารถติดตามคลิป VDO ได้ที่ https://youtu.be/3BoPBZkLcF4?si=wvDUEkemJb54uJR6
โฆษณา