Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Vate's Pharma Scope
•
ติดตาม
21 ก.พ. เวลา 12:20 • สุขภาพ
ไขปริศนาพาร์กินสันผ่านกลไก “คอเลสเตอรอล” ในสมอง
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ในบทความนี้ ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปสำรวจงานวิจัยที่น่าตื่นเต้น ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาโรคพาร์กินสัน โรคที่คร่าชีวิตและคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน เรื่องราวนี้เริ่มต้นจากการสังเกตปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในห้องทดลอง และค่อยๆ ขยายผลไปสู่ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับกลไกของโรค และความเป็นไปได้ในการรักษา
จุดเริ่มต้น: ความเชื่อมโยงที่น่าสงสัย
โรคพาร์กินสัน เป็นโรคความเสื่อมของระบบประสาทที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว ทำให้เกิดอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า และแข็งเกร็ง สิ่งที่เรารู้มานานคือ โรคนี้เกิดจากการเสื่อมของเซลล์สมองที่สร้างสารโดปามีน และการสะสมของโปรตีน “แอลฟา-ไซนูคลีอิน” ในสมอง แต่กลไกที่แท้จริงที่นำไปสู่การเสื่อมเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนา
ทีมนักวิจัยกลุ่มหนึ่งเริ่มสนใจประเด็นที่ว่า “คอเลสเตอรอล” ซึ่งเป็นไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย อาจมีบทบาทในโรคพาร์กินสันหรือไม่? ทำไมถึงคิดเช่นนั้น? เพราะมีงานวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่า เอนไซม์ “CYP46A1” ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนคอเลสเตอรอลในสมองให้เป็นสาร “24-OHC” มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงในการเกิดโรคพาร์กินสัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่าระดับ 24-OHC ในน้ำไขสันหลังของผู้ป่วยพาร์กินสันสูงขึ้นอีกด้วย
การทดลองแรก: สำรวจระดับ CYP46A1 และ 24-OHC ในผู้ป่วยและหนูทดลอง
เพื่อตรวจสอบสมมติฐานนี้ นักวิจัยจึงเริ่มต้นการทดลองแรก โดยเปรียบเทียบระดับ CYP46A1 ในสมองของผู้ป่วยพาร์กินสันที่เสียชีวิตแล้ว กับสมองของคนปกติ ผลปรากฏว่า ระดับ CYP46A1 ในสมองส่วน “ซับสแตนเชีย ไนกรา” (substantia nigra - SN) ซึ่งเป็นบริเวณที่เซลล์ประสาทโดปามีนเสื่อมในโรคพาร์กินสัน สูงกว่าในคนปกติอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ พวกเขายังวัดระดับ 24-OHC ในพลาสมาของผู้ป่วยพาร์กินสัน และพบว่า ระดับ 24-OHC ในพลาสมาของผู้ป่วยก็สูงกว่าคนปกติ เช่นกัน เพื่อยืนยันผลลัพธ์ในสัตว์ทดลอง นักวิจัยได้ศึกษาหนูทดลองที่เป็นแบบจำลองโรคพาร์กินสัน และพบว่า ระดับ CYP46A1 และ 24-OHC ในสมองและพลาสมาของหนูทดลองเหล่านี้เพิ่มขึ้นตามอายุ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ว่าอายุเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคพาร์กินสัน
ผลการทดลองนี้เป็นเหมือนสัญญาณแรกที่บ่งชี้ว่า CYP46A1 และ 24-OHC อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคพาร์กินสันจริง
การทดลองที่สอง: บทบาทของ CYP46A1 ในหนูทดลอง
เพื่อเจาะลึกบทบาทของ CYP46A1 นักวิจัยได้ทำการทดลองที่สอง โดยใช้ หนูทดลองที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมให้ยีน CYP46A1 ทำงานลดลง (CYP46A1 knockout mice) พวกเขาฉีดโปรตีน α-synuclein ที่จับตัวกันเป็นเส้นใย (α-Syn PFFs) เข้าไปในสมองของหนูทดลองเหล่านี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดพยาธิสภาพของโรคพาร์กินสัน จากนั้นเปรียบเทียบพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นกับหนูทดลองปกติ
ผลลัพธ์ที่ได้น่าทึ่งมากครับ หนูทดลองที่ถูกตัดต่อยีน CYP46A1 มีการสะสมของโปรตีน α-synuclein ในสมองน้อยลง เซลล์ประสาทโดปามีนในสมองส่วน SNpc เสียหายน้อยลง และ การทำงานของระบบประสาทโดปามีนดีขึ้น พูดง่ายๆ คือ การลดการทำงานของ CYP46A1 ช่วยลดความรุนแรงของโรคพาร์กินสันในหนูทดลอง
การทดลองที่สาม: 24-OHC เร่งการรวมตัวของ α-synuclein ในหลอดทดลอง
จากผลการทดลองที่สอง นักวิจัยเริ่มสงสัยว่า สาร 24-OHC ซึ่งเป็นผลผลิตของ CYP46A1 อาจเป็นตัวการสำคัญที่ส่งเสริมพยาธิสภาพของโรคพาร์กินสัน พวกเขาจึงทำการทดลองในหลอดทดลอง โดยนำโปรตีน α-synuclein มาเขย่าในสภาวะที่เหมาะสม เพื่อให้โปรตีนรวมตัวกันเป็นเส้นใย ทั้งในสภาวะที่มีและไม่มี 24-OHC
ผลปรากฏว่า ในสภาวะที่มี 24-OHC การรวมตัวของโปรตีน α-synuclein เกิดขึ้นเร็วขึ้นอย่างมาก เมื่อนำเส้นใย α-synuclein ที่ได้ไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (TEM) พบว่า เส้นใยที่สร้างในที่ที่มี 24-OHC มีลักษณะที่แตกต่างจากเส้นใยทั่วไป และเมื่อนำเส้นใยเหล่านี้ไปทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์ประสาท พบว่า เส้นใยที่สร้างในที่ที่มี 24-OHC มีความเป็นพิษต่อเซลล์ประสาทมากกว่า
การทดลองที่สี่: 24-OHC PFFs รุนแรงกว่า α-Syn PFFs ในหนูทดลอง
เพื่อยืนยันผลลัพธ์ในหลอดทดลอง นักวิจัยได้ทำการทดลองในหนูทดลองอีกครั้ง โดยเปรียบเทียบผลของการฉีด เส้นใย α-synuclein ทั่วไป (α-Syn PFFs) กับ เส้นใย α-synuclein ที่สร้างในที่ที่มี 24-OHC (24-OHC PFFs) เข้าไปในสมองของหนูทดลอง
ผลการทดลองชี้ให้เห็นว่า หนูทดลองที่ได้รับ 24-OHC PFFs มีพยาธิสภาพของโรคพาร์กินสันรุนแรงกว่าหนูที่ได้รับ α-Syn PFFs ทั่วไป เซลล์ประสาทโดปามีนในสมองส่วน SNpc เสียหายมากกว่า และ มีความผิดปกติในการเคลื่อนไหวมากกว่า ผลลัพธ์นี้ตอกย้ำว่า 24-OHC มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความรุนแรงของโรคพาร์กินสัน
การทดลองที่ห้าถึงเจ็ด: กลไกการทำงานของ 24-OHC
จากการทดลองก่อนหน้านี้ นักวิจัยเริ่มสนใจที่จะค้นหากลไกการทำงานของ 24-OHC พวกเขาพบว่า 24-OHC ส่งเสริมการแพร่กระจายของโปรตีน α-synuclein และ ทำให้การทำงานของไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของเซลล์ผิดปกติมากขึ้น นอกจากนี้ เมื่อฉีด 24-OHC เข้าไปในสมองของหนูทดลองที่เป็นแบบจำลองพาร์กินสัน พบว่า พยาธิสภาพของโรคแย่ลง เซลล์ประสาทโดปามีนเสียหายมากขึ้น และ มีความผิดปกติในการเคลื่อนไหวมากขึ้น
การทดลองที่แปดและเก้า: กลไก XBP1/LAG3
ในการค้นหากลไกที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น นักวิจัยพบว่า 24-OHC กระตุ้นการทำงานของโปรตีน “XBP1” และ “LAG3” ซึ่งโปรตีน LAG3 นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายของโปรตีน α-synuclein จากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง และเมื่อทำการ ยับยั้งการทำงานของ XBP1 พบว่า สามารถบรรเทาความเสียหายของไมโทคอนเดรียที่เกิดจาก 24-OHC ได้
บทสรุป: ความหวังใหม่ในการรักษาพาร์กินสัน?
จากการทดลองทั้งหมดนี้ นักวิจัยได้รวบรวมหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า CYP46A1 และ 24-OHC มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมพยาธิสภาพของโรคพาร์กินสัน โดย 24-OHC สามารถเร่งการรวมตัวของโปรตีน α-synuclein เพิ่มความเป็นพิษต่อเซลล์ประสาท ส่งเสริมการแพร่กระจายของโปรตีน และทำให้การทำงานของไมโทคอนเดรียผิดปกติ กลไกสำคัญที่ 24-OHC ใช้ในการส่งเสริมพยาธิสภาพนี้คือ การกระตุ้นกลไก XBP1/LAG3 ซึ่งมีส่วนในการแพร่กระจายของโปรตีน α-synuclein
งานวิจัยนี้เปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ในการรักษาโรคพาร์กินสัน โดยมุ่งเป้าไปที่ การยับยั้งการทำงานของ CYP46A1 หรือการลดระดับ 24-OHC ในสมอง หรือแม้แต่การยับยั้งโปรตีน LAG3 ซึ่งอาจเป็นแนวทางใหม่ในการชะลอหรือหยุดยั้งการดำเนินโรคพาร์กินสันได้ในอนาคต
หากท่านผู้อ่านสนใจที่จะติดตามความก้าวหน้าของการวิจัยนี้ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน ผมแนบเอกสารอ่านเพิ่มเติมไว้ด้านล่างนี้นะครับ
เอกสารอ่านเพิ่มเติม
1.
https://journals.plos.org/plosbiology/article?id=10.1371/journal.pbio.3002974
สุขภาพ
ความรู้รอบตัว
ข่าวรอบโลก
บันทึก
2
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย