6 มี.ค. เวลา 01:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

เครื่องยนต์รถยนต์ทำงานอย่างไร

เครื่องยนต์รถยนต์เปลี่ยนเชื้อเพลิงให้เป็นพลังงานขับเคลื่อนผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การเผาไหม้ภายใน (internal combustion) ซึ่งเกิดจากการจุดระเบิดที่ควบคุมภายในกระบอกสูบของเครื่องยนต์
รอบการเผาไหม้ 4 จังหวะ
เครื่องยนต์สันดาปภายในทำงานผ่าน รอบการทำงาน 4 จังหวะ ได้แก่ การดูด, การอัด, การเผาไหม้, และการคายไอเสีย
1. จังหวะดูด (Intake Stroke)
o วาล์วไอดีเปิดเพื่อให้ส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิง (เบนซินหรือดีเซล) ไหลเข้าสู่กระบอกสูบ ขณะที่ลูกสูบเลื่อนลงเพื่อเพิ่มปริมาตรและดูดส่วนผสมเข้า
2. จังหวะอัด (Compression Stroke)
o เมื่อลูกสูบเลื่อนขึ้น วาล์วไอดีปิด และส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิงถูกบีบอัด ทำให้เกิดความร้อนและแรงดันสูงขึ้น ทำให้เชื้อเพลิงระเหยได้ดีขึ้น
3. จังหวะเผาไหม้ (Combustion Stroke)
o เมื่อถึงจุดสูงสุดของการอัด หัวเทียนจะจุดระเบิดส่วนผสม (ในเครื่องยนต์เบนซิน) ทำให้เกิดการเผาไหม้และขยายตัวของก๊าซ ความร้อนและแรงดันที่เกิดขึ้นจะผลักลูกสูบลง ซึ่งเป็นกระบวนการเปลี่ยนพลังงานเคมีเป็นพลังงานกล
4. จังหวะคายไอเสีย (Exhaust Stroke)
o เมื่อลูกสูบเคลื่อนขึ้นอีกครั้ง วาล์วไอเสียเปิดเพื่อระบายก๊าซที่เผาไหม้แล้วออกจากกระบอกสูบผ่านระบบไอเสีย
การเปลี่ยนเป็นพลังงานขับเคลื่อน
การเคลื่อนที่ขึ้นลงของลูกสูบจะถูกถ่ายทอดผ่าน ก้านสูบ ไปยัง เพลาข้อเหวี่ยง (crankshaft) ซึ่งจะแปลงการเคลื่อนที่เชิงเส้นของลูกสูบให้เป็นการหมุนของเพลา จากนั้นพลังงานนี้จะถูกส่งไปยังระบบขับเคลื่อนของรถ ทำให้ล้อหมุนและรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
โดยสรุป เครื่องยนต์รถยนต์เปลี่ยนพลังงานเคมีจากเชื้อเพลิงเป็นพลังงานจลน์ผ่านกระบวนการเผาไหม้ภายในแบบ 4 จังหวะ ระบบนี้ไม่เพียงแต่ให้พลังงานขับเคลื่อนรถ แต่ยังมีการจัดการส่วนผสมอากาศ-เชื้อเพลิง และควบคุมไอเสียเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อ้างอิง:
เพราะความรู้สามารถมีการเปลี่ยนแปลง/เสริมเติมได้เสมอ หากมีท่านใดพบจุดที่ข้อมูลไม่ตรงกับที่ทราบมา สามารถถกและแบ่งปัญความรู้กันได้ค่ะ💖🥰
โฆษณา