20 ก.พ. เวลา 08:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ

🦟 MaoBusters EP.2 ทฤษฎีล่อเม่า: ทำไม SET ถึงไปไม่สุด?

วันนี้เราจะมาคุยเรื่อง “ทฤษฎีล่อเม่า” ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทย หรือ SET ดูเหมือนจะ “ไปไม่สุด” อย่างที่หลายคนคาดหวังกันค่ะ
1️⃣ จุดเริ่มต้นของทฤษฎีล่อเม่า (ดูจากรูปที่ 1)
ในอุดมคติแล้ว ตลาดหุ้นควรขับเคลื่อนด้วยการเติบโตของกำไร (Earnings Growth) ของบริษัทจดทะเบียน เมื่อบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นก็ควรจะตามขึ้นไปด้วย แต่จากข้อมูลในรูปที่ 1 เราจะเห็นว่าการขยับขึ้น-ลงของ SET นั้นไม่ได้มาจากการเติบโตของกำไรจริงๆ เสมอไป แต่เกิดจาก การเปลี่ยนแปลงของ P/E (Multiple Expansion) นั่นเอง
โดยเราสามารถดูได้ในกรอบสีม่วง ที่เราจะเห็นว่าขนาดของแท่งสีเหลืองเท่าเดิมมาเป็น 10 ปีแล้ว ส่วนแท่งที่ขยับคือ สีฟ้า นั่นเองค่ะ
👉🏻 Multiple Expansion: คือการที่ราคาหุ้นเปลี่ยนไปโดยไม่ได้สัมพันธ์กับการเติบโตของกำไร แต่เป็นผลจากการ “ลากราคา” หรือเปลี่ยนแปลงของตัวคูณ P/E ผลคือ แม้บริษัทจะไม่มีการเติบโตของกำไร แต่ราคาอาจขึ้นลงได้จากความคาดหวังและความอยากซื้อของนักลงทุน
นิคกี้จึงนิยามปรากฏการณ์นี้ว่าเป็น “Zero-Sum Game” ซึ่งก็คือ ถ้านักลงทุนรายใหญ่จะได้กำไรเต็มที่ ผู้รับซื้อในฝั่งตรงข้าม (รายย่อย) ก็จะต้องตกเป็น “เหยื่อ” ของการลากราคา ทำให้เกิดความไม่สมดุลในตลาด
2️⃣ สะท้อนภาพ EPS ที่นิ่งและไม่มี S-Curve (ดูจากรูปที่ 2)
ในรูปที่ 2 เราจะเห็นกราฟ EPS History ของ SET ตั้งแต่ปี 2009 จนถึงประมาณการณ์ปี 2025
จากกราฟนี้จะเห็นว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ไม่ได้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลข EPS มักจะวนอยู่ในช่วงประมาณ 70-90 บาทต่อหุ้น ซึ่งไม่มีช่วงใดที่แสดงถึงการเติบโตแบบ S-Curve (ช่วงการเติบโตแบบก้าวกระโดด)
สิ่งนี้บ่งบอกว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมไม่ได้มีปัจจัยใหม่ๆ มาผลักดันให้เติบโตอย่างชัดเจน และเมื่อไม่มีการเติบโตของ EPS ที่แท้จริง ตลาดจึงต้องอาศัยการ “ลากราคา” โดยการปรับเปลี่ยนค่า P/E ในการคำนวณ SET Index
ซึ่งนั่นก็คือ สาเหตุที่เห็นราคาหุ้นเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกำไรที่แท้จริง แต่ขึ้นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงของ P/E นั่นเองค่ะ
ส่วนของปีนี้ก็อย่างที่เห็นในรูปว่าได้ถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ 95 บาทต่อหุ้นแล้ว และยังมีแนวโน้มร่วงต่อหากเศรษฐกิจยังแย่แบบนี้ต่อไป
3️⃣ แนวโน้มการคาดการณ์ EPS ที่เริ่มสูงแล้วค่อยลด (ดูจากรูปที่ 3)
ในรูปที่ 3 เราจะเห็นกราฟที่แสดง “คาดการณ์ EPS” ของแต่ละปีโดยมีลักษณะเด่นคือ การตั้งต้นปีด้วยการคาด EPS สูง โดยนักวิเคราะห์หรือสื่อมวลชนมักจะคาดการณ์ให้ EPS สูงตั้งแต่ต้นปี เพื่อคำนวณเป้าหมาย SET Index ให้สูงตามสูตร
👉🏻 SET Index = EPS x P/E
ผลคือ เมื่อใช้ EPS ที่คาดการณ์สูงตั้งแต่ต้นปี ผลคูณกับ P/E ก็จะออกมาสูงตามไปด้วย ทำให้เกิดภาพความหวังว่า “ปีนี้หุ้นจะเติบโตดี”
แต่ความเป็นจริงคือ เมื่อเวลาผ่านไป EPS มักจะมีการปรับลดลง ทำให้ดัชนีกลับแกว่งลง และในช่วงปลายปีกลับมาให้ความหวังใหม่ว่า “ปีหน้า EPS จะกลับมาเกินเดิม”
วงจรนี้เป็น “เทรนด์ล่อเม่า” ที่ทำให้นักลงทุนรายย่อยเข้ามาซื้อในช่วงที่ตลาดปรับตัวสูง จากนั้นกลับพบว่ากำไรที่แท้จริงไม่ตอบสนองกับราคาที่คาดหวัง ทำให้ “เม่าติดดอย”
4️⃣ มุมมองการประเมิน SET ด้วย P/E ที่ต่ำกว่าเฉลี่ย (ดูจากรูปที่ 4)
จากข้อมูลในรูปที่ 4 หลายคนมักคำนวณ SET Index โดยใช้อัตรา P/E เฉลี่ย 10 ปีที่ประมาณ 16-17 เท่า แต่ถ้าเรามองว่าตลาดไทย ไม่มีการเติบโตของกำไรที่ชัดเจน เราอาจจะต้องพิจารณาให้ตลาดเทรดในระดับ P/E ที่ต่ำกว่านั้น เช่น 14-15 เท่า หรือแม้แต่ 12 เท่า เพราะประเทศอื่นๆ ที่กำไรเติบโตมากกว่าไทย ก็เทรดที่ P/E ประมาณนี้ เช่น จีน อินโดฯ เวียดนาม หรือแม้กระทั่งเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น เป็นต้น
ดังนั้นหาก สมมติว่า ใช้ EPS = 85 บาทต่อหุ้น (ตัวเลขที่ใกล้เคียงกับผลงานในช่วงหลังๆ)
- P/E 12 เท่า: SET ≈ 85 x 12 = 1,020 จุด
- P/E 14 เท่า: SET ≈ 85 x 14 = 1,190 จุด
- P/E 15 เท่า: SET ≈ 85 x 15 = 1,275 จุด
หรือถ้าคาดว่า EPS = 95 บาทต่อหุ้น (เท่าการคาดการณ์ตอนนี้)
- P/E 12 เท่า: SET ≈ 95 x 12 = 1,140 จุด
- P/E 14 เท่า: SET ≈ 95 x 14 = 1,330 จุด
- P/E 15 เท่า: SET ≈ 95 x 15 = 1,425 จุด
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ถ้าตลาดเทรดด้วย P/E ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย (เพราะไม่มีการเติบโตของกำไรจริงๆ) เป้าหมายของ SET Index ก็จะต่ำลงตามไปด้วย ซึ่งเป็นการประเมินที่สมเหตุสมผลสำหรับนักลงทุนที่ต้องการมองพื้นฐานและไม่ติดตามแค่การลากราคาเท่านั้น
🎯 สรุป
“ทฤษฎีล่อเม่า” คือแนวคิดที่อธิบายว่าตลาดหุ้นไทยมักจะขับเคลื่อนด้วยการ “ลากราคา” ผ่านการปรับเปลี่ยนค่า P/E มากกว่าการเติบโตของกำไรจริงๆ
- รูปที่ 1: แสดงให้เห็นว่าตลาดขยับขึ้นลงจากการเปลี่ยนแปลงของ P/E ไม่ใช่จากการเติบโตของ EPS
- รูปที่ 2: สะท้อนภาพความนิ่งของ EPS ที่ไม่มีการเติบโตแบบ S-Curve จึงไม่สามารถดึงดูดให้ราคาขยับขึ้นอย่างแท้จริงได้
- รูปที่ 3: อธิบายการคาดการณ์ EPS ที่เริ่มต้นสูงเพื่อดึงดูดความหวัง แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับปรับลด ทำให้เกิดวงจรล่อเม่า
- รูปที่ 4: ถ้าตลาดไม่มีการเติบโตจริงๆ เราอาจจะให้เทรดในระดับ P/E ที่ต่ำกว่า เช่น 12-15 เท่า ทำให้เป้าหมาย SET Index อยู่ในระดับที่ต่ำลงกว่าที่คำนวณด้วย P/E เฉลี่ย 16-17 เท่า
สำหรับนักลงทุนหุ้นไทยควร จับตาดูพื้นฐานของ EPS และ P/E ว่าตัวเลขที่บอกกล่าวไว้ในตอนต้นปีนั้นสอดคล้องกับผลประกอบการจริงหรือไม่ อย่าติดตามเพียงตัวเลขที่คาดการณ์ไว้แบบ “วาดฝัน” เพราะถ้า EPS ไม่เติบโตตามที่คาด ก็อาจทำให้คุณตกเป็น “เหยื่อ” ของทฤษฎีล่อเม่าได้ค่ะ
การลงทุนที่ดีควรอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานอย่างละเอียด และประเมินว่าตลาดนั้นมีการเติบโตที่แท้จริงหรือแค่ “ลากราคา” ด้วยความคาดหวังที่สูงเกินจริง อย่าลืมติดตามข่าวสารและอัปเดตตัวเลข EPS อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การตัดสินใจลงทุนของคุณมีความรอบคอบและเหมาะสมกับสภาพตลาดจริงๆ
ปล. ใครลงทุนหุ้นรายตัว เลือกหุ้นเก่ง ลงทุนได้ไม่ว่ากัน แต่ถ้าใครลงทุนผ่านกองทุนรวม ให้พิจารณว่าทฤษฎีเป็นจริงหรือไม่ค่ะ
โฆษณา