21 ก.พ. เวลา 12:40 • การ์ตูน

EP : 1,306 ถ้ำปีศาจแดนสวรรค์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พล็อตเรื่องแนว "โลกหลังกำแพง" ที่ตัวเอกมาค้นพบความจริงว่าที่ที่เขาอยู่นั้น ไม่ใช่โลกใบเดียวๆอย่างที่เขาเคยได้รับรู้นั้น ถูกนำเสนอออกมาอย่างต่อเนื่อง เน้นๆบ้าง ผสมกับพล็อตเรื่องอื่นบ้าง ซึ่งเอาเข้าจริง มีอยู่หลายเรื่องเลย ที่ถูกคนอ่านดักทางไว้ได้ จนทำให้ความสนุกของเรื่องนั้นลดลงไปเลยะครับ
เรื่องนี้ก็เช่นกันครับ คือเป็นมังงะแนว โลก 2 ใบตามที่ว่าไว้
เพียงแต่ว่า ในแง่การดำเนินเรื่องนั้น จะมีวิธีการที่แตกต่างจากลักษณะหลักที่เราเคยเห็นในแนวนี้ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้นั้น “เอาเรื่อง” อยู่นะครับ กับมังงะที่เปิดตัวมาช่วงปลายปี 67 ที่ผมเพิ่งหยิบมาอ่าน "ถ้าปีศาจแดนสวรรค์"
.... เติบโตมาอย่างดี ในพื้นที่ที่ได้รับการดูแลอย่างมีระบบ มีทั้งอาหาร การศึกษาและเพื่อนพ้อง... เพราะแบบนั้น "โทคิโอะ" เด็กสาววัย 14 ปี จึงไม่เคยสนใจเลยว่านอกหลังกำแพงโรงเรียนของตัวเองนั้น "ข้างนอก" จะมีโลกที่เธอไม่รู้จักอยู่หรือเปล่า จริงๆสิ่งนี้ไม่ใช่ความลับอะไรนัก เพราะเมื่อเธอได้รับข้อความปริศนาระหว่างการทำข้อสอบว่า "อยากออกไปข้างนอกของข้างนอกไหม" เธอก็นำความสงสัยนี้ไป
สอบถามกับอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน และคำตอบที่ได้คือ"ใช่"... "ข้างนอกจากที่นี่ ยังมีข้างนอกอยู่อีก ... แต่ว่า ... ข้างนอกนั้นเป็นโลกที่สกปรกโสมม เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว เป็นดังนรกค่ะ" และนี่คือเรื่องราวของโลกข้างใน ของโทคิโอะ และ โลกข้างนอกที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยจุดประสงค์ปริศนา ใน "ถ้ำปีศาจแดนสวรรค์" ครับ
“ถ้ำปีศาจแดนสวรรค์” เป็นมังงะที่เล่าเรื่อง “โลกหลังกำแพง” ที่เปลี่ยนไปจากที่เรารู้จักจากเหตุการณ์ “บางอย่าง” จนโลกไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิม ที่ถ้าจะให้ผมบอกว่าจุดเด่นของเรื่องนี้คืออะไรนั้น สิ่งแรกที่รู้สึกว่าเป็นจุดเด่นและสิ่งที่แตกต่างจากพล็อตเรื่องแนวนี้ก็คือ “วิธีการเล่า” ครับ
เพราะปกติเวลาเราอ่านเรื่องแนวนี้สิ่งที่เรื่องพยายามจะปกปิดก็คือ การมีอยู่ของโลกหลังกำแพงที่ถูกปิดบังโดยอะไรบางอย่างไปพร้อมๆกับการสร้างสังคมของโลกในกำแพงและเรื่องราวของตัวเอกเพื่อสร้างการรับรู้และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครพร้อมกับคนอ่าน รวมถึงสร้างชุดคำถามที่เกิดขึ้นระหว่างเราได้เห็นเรื่องราวจนก่อเกิดความสงสัยที่มากพอ และเมื่อถึงจังหวะที่สมควร เรื่องก็จะเฉลยปริศนา เพื่อเดินสู่เนื้อหาต่อไปของเรื่องนั้นๆ
ไม่ว่าจะช้าหรือจะเร็ว การสร้างความรับรู้ของเรื่องราวและสิ่งแวดล้อมของตัวเอกก่อนเฉลยนั้น เป็นสิ่งที่แต่ละเรื่องต้องพยายามคิดวิธีการในการเล่าเรื่องให้สามารถสร้างคำถามให้กับตัวเอกและคนอ่านให้ได้ เพราะมันมีผลต่อความสนุกและน่าติดตามเรื่องราวในส่วนต่อๆไปอย่างมากครับ
แต่เรื่องนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้นครับ สิ่งที่เรื่องนี้เลือกทำก็คือ การเล่าเรื่องราวของทั้ง 2 โลกนั้นไป “พร้อมๆกัน” ทำให้ความสนุกไม่ใช่การที่เรามานั่งลุ้นเรื่องความลับว่าจะเปิดเผย แต่เป็นการเฝ้าดูการเล่าเรื่องแบบนี้ว่ามันจะออกมาในทางไหนและเรื่องราวมันจะบรรจบแบบใด โดยที่มีอีกหนึ่งสิ่งที่ยังคงเหมือนกันในเรื่องราวแนวนี้ก็คือ “มันเกิดอะไรขึ้น” บนโลกในเรื่องนี้ครับ
ด้วยวิธีการเล่าแบบ “ค่อยๆเล่า” เรื่องนี้ไม่ได้มุ่งเน้นให้เราตื่นเต้นไปกับสิ่งที่แตกต่างจากโลกในยุคปัจจุบัน หรือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจกลับไปเป็นแบบเดิม แต่กลับกลายเป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่มันได้เกิดขึ้นและกำลังเกิดขึ้นอยู่ผ่านรายละเอียดของการเดินทางสองตัวละครหลักที่จะทำให้เราได้เห็นและได้รู้ว่าโลก ณ เวลานี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เพราะแบบนั้นปัญหาแรกที่หลายๆคนน่าจะรู้สึกก็คือ เรื่องนี้ ไม่ได้มีความเร้าใจหรือเล่าอย่างตื่นเต้น หรือมีจุดเปลี่ยนอะไรให้รู้สึกตื่นตาแบบกระทันหัน ซึ่งแตกต่างจากเรื่องแนวนี้หลายๆเรื่องที่มักใช้ความอิมแพ็กของการเปลี่ยนแปลงเข้าโจมตีผู้อ่าน เอสร้างความสนุก รับรู้และร่วมไปกับการผจญภัยและการหาคำตอบของเรื่องราวว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้
นั่นเลยเป็นปัญหาที่ผมคิดว่าหลายคนต้องรู้สึกว่าเรื่องนี้หลายๆจังหวะมันเนิบ และเล่าอย่างราบเรียบไปซักนิดถ้ามองจากเนื้อเรื่องและเนื้อหาแบบนี้ จนผมเชื่อว่าบางคนอาจมีความรู้สึกว่าเมื่อไหร่เรื่องมันจะสนุกหรือมีอะไรมากระแทก
จากเรื่องย่อ สิ่งที่เราจะได้เห็นในเรื่องนี้ก็คือ การไม่เล่นกับความลับของโลก 2 ใบมากนักอย่างที่หลายๆเรื่องทำมาก่อน ซึ่งปกติการพยายามปิดบังว่ามีโลกทับซ้อนอยู่ และ โลกภายนอกเป็นอย่างไรนั้น ถือเป็นใจความที่เรื่องแนวนี้จะใช้งานในช่วงสำคัญเท่านั้น จะเรียกว่าเป็นจุดไคล์แม็กซ์ของเรื่องเลยก็ว่าได้
แต่เรื่องนี้กลับเลือกที่จะเล่าทั้ง 2 ด้านไปพร้อมๆกัน นี่เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้มีความต่าง
แต่จุดหนึ่งสำคัญสำหรับคนที่จะอ่านเรื่องนี้ต้องทำใจและเข้าใจไว้ก่อนอ่านก็คือ เรื่องนี้ไม่ได้จุดที่เรื่องนี้ทำได้ดีมากๆคือการค่อยๆเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านการเดินทางของตัวละครทั้งสองด้านไปพร้อมๆ กันได้อย่างลงตัว บอกราละเอียดให้เราค่อยๆประติประต่อว่าอะไรคืออะไร
เรื่องไม่เน้นเล่าไว้ เนื้อหาไม่เร่งรีบ ค่อยๆเล่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นผ่านรายละเอียดและสภาพแวดล้อมจากตัวละคร จากทั้ง 2 ด้าน ทั้งภายในและภายนอก ให้เราค่อยๆเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆจากทั้งสองฝ่าย แล้วก็ค่อยๆเสริมความแฟนตาซีของโลกหลังการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนโลกที่เรารู้จักไปเรื่อยๆ พร้อมรายละเอียดตัวละครในหลายๆแง่ เหล่านี้ทำให้เรื่องนี้เหมาะมากๆที่จะอ่านแบบต่อเนื่องมากกว่าเล่มต่อเล่มครับ
ในส่วนของลายเส้นแม้จะบอกไม่ได้ว่ามันสวยโดนใจตั้งแต่แรกเห็น แต่สำหรับผม ผมว่าเป็นลายเส้นที่อ่านง่ายดี แต่ในความง่ายมันก็มีเอกลักษณ์และการออกแบบที่ชวนจดจำครับ การสี่อสารโดยใช้ภาพเล่าเรื่อง เรื่องนี้ก็ทำออกมาได้เหมาะกับเรื่องราวดี ส่วนตัวชอบการนำเสนอและงานวาดในเรื่องนี้ไม่น้อยเลยครับ
“ถ้ำปีศาจแดนสวรรค์” เรื่องและภาพ โดย อ. MASAKAZU ISHIGURO ในไทยเจ้าของ LC คือ SIC ซึ่งออกมาทั้งหมด 3 เล่มแล้ว ใครสนใจอย่ารอตอนลดราคาครับ หามาอ่านได้เลยตอนนี้
เป็นอีกเรื่องนึงที่ผมชอบวิธีการนำเสนอที่ฉีกจากที่เราคุ้นเคยในพล็อตเรื่องแบบนี้ครับ รวมถึงการเล่าเรื่องที่ไม่เร่งรีบและบีบคนอ่านอย่างเรามากนัก การค่อยๆนวดคนอ่านให้รับรู้และเข้าใจบริบทของโลกในเวลานั้นเหมาะสมกับงานครั้งนี้ไม่น้อย ในทางกลับกันผมก็รู้สึกว่าถ้าอ่านเฉพาะเล่มแรก อาจรู้สึกว่าเรื่องมันช้าไปซักหน่อยก็ไม่แปลก คำแนะนำสำหรับผมตอนนี้ก็คือ ซื้อทั้งสามเล่มแล้วอ่านรวดเดียวน่าจะสนุกกว่าอ่านเล่มแรกเล่มเดียวนะครับ ใครชอบแนวนี้ไม่อยากให้พลาดเรื่องนี้ครับ
*** คะแนนที่ให้ไว้สำหรับอ่านจบแค่เล่ม 3 ในอนาคตหากได้อ่านจนจบอวสานจะมารีวิวให้คะแนนใหม่อีกครั้งครับ ***
ภาพ 8.6/10
เรื่อง 8.9/10
ความประทับใจ 8.9/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #ยังไม่จบ #SiamInterComics #การ์ตูนแนวโลกหลังกำแพง #การ์ตูนแนวแฟนตาซี #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนววิทยาศาสตร์ #8คะแนน #ถ้ำปีศาจแดนสวรรค์ #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #สยามอินเตอร์คอมมิค #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
โฆษณา