20 ก.พ. เวลา 12:22 • ดนตรี เพลง

เดินทางผ่านบทบรรเลง Ironside อัลบั้มที่เชื่อมโยงอารมณ์ และจินตนาการ ผ่านการกลับมาของ UK Jazz Revival

"Ironside" คืออัลบั้มที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของ Ruby Rushton วงแจ๊สแนวหน้าแห่งกระแสเพลง UK Jazz Revival ยุคใหม่ ที่สามารถถ่ายทอดดนตรีออกมาได้หลากหลายอารมณ์และเต็มไปด้วยทักษะทางดนตรีในเวลาเดียวกัน
อัลบั้มนี้เต็มไปด้วยสีสันของดนตรีแจ๊ส หลายยุคสมัยที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น Hard Bop, Fusion, Latin Jazz, Afrobeat และ Spiritual Jazz ซึ่งทั้งหมดถูกเรียบเรียงอย่างประณีตในรูปแบบที่ให้ทั้งอารมณ์ดิบและความไพเราะไปพร้อม ๆ กัน
นอกจากทักษะทางดนตรีที่เป็นเลิศ สิ่งที่ทำให้ "Ironside" มีเสน่ห์ก็คืออารมณ์ของแต่ละเพลง ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางผ่านฉากชีวิตหลากหลาย ทั้งกระฉับกระเฉง เต็มไปด้วยพลัง สงบนิ่ง สะท้อนอารมณ์ และพลังของดนตรีที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปินระดับตำนานอย่าง John Coltrane, Yusef Lateef, Herbie Hancock และ Weather Report เป็นต้น
อัลบั้มเปิดตัวด้วยเสียงเพอร์คัชชั่นที่หนักแน่นและไลน์เครื่องเป่าที่พุ่งทะยานเหมือนเสียงเรียกให้ลุกขึ้นมาเต้นผ่าน "One Mo’ Dram" เบสไลน์ที่ต่อเนื่องสร้างจังหวะที่มั่นคง ขณะที่แซกโซโฟนโซโล่ไปตามอารมณ์ร้อนแรงของเพลง ให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในคลับแจ๊สเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหว ราวกับการเริ่มต้นการเดินทาง เปรียบเสมือน "Giant Steps" ของ John Coltrane แต่เพิ่มจังหวะเร่งเร้าตามแบบฉบับ Afrobeat ที่ช่วยสร้างความรู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่แรกสัมผัส
John Coltrane นักแซกโซโฟนชาวอเมริกันระดับตำนาน ในยุครุ่งเรืองของแจ๊ส ช่วงปี 50s-60s
หลังจากความเร่าร้อนของเพลงเปิดอารมณ์อัลบั้ม "Where Are You Now?" ก็ลดระดับลงสู่ความลื่นไหลที่นุ่มนวลขึ้น เสียงฟลูตและแซกโซโฟนพูดคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติ คลอไปกับเสียงเปียโนที่เล่นโน้ตแบบโปร่งโล่ง และจังหวะกลองที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ คล้ายกับงานของ Wayne Shorter ใน "Speak No Evil" ที่ซ่อนความเศร้าปนความหวังอยู่ในท่วงทำนองที่ซับซ้อน เปิดพื้นที่ให้ผู้ฟังจมดิ่งสู่ความรู้สึกของเพลง ก่อนที่จังหวะเพลงจะค่อย ๆ เปลี่ยนไดนามิกเร็วขึ้น จนเข้าสู่จุดพีคสุดในช่วงท้ายเพลง
ตามด้วย "The Target" ที่เริ่มต้นเพลงด้วยเสียงเพอร์คัชชั่นแบบละติน ก่อนที่เครื่องเป่าจะค่อย ๆ เข้ามาเติมสีสัน สร้างจังหวะที่ทั้งเร่งเร้าและพุ่งทะยานไปข้างหน้าในเวลาเดียวกัน เสียงฟลูตเป็นตัวเอกในเพลงนี้ โดยมีช่วงที่เล่นโซโล่อย่างอิสระ ขณะที่พื้นหลังของเพลงยังคงความหนักแน่นของจังหวะอยู่ตลอดเวลา การจัดวางเสียงเครื่องดนตรีในเพลงนี้ชวนให้นึกถึงยุคสมัย "Headhunters" ของ Herbie Hancock อยู่ไม่น้อยทีเดียว
"Return of the Hero" ให้บรรยากาศที่แตกต่างออกอีกครั้ง ด้วยอารมณ์และความลุ่มลึก จังหวะของเพลงที่ช่วยสร้าง Groove ที่หนักแน่นและคงที่ เบสไลน์ที่เดินเป็นเส้นตรงแต่หนักแน่น ขณะที่เครื่องเป่าใช้โน้ตยาวลากเสียงให้เกิดอารมณ์ของความมุ่งมั่นและการเดินทาง ฟลูตและเปียโนเล่นโซโล่สลับกันเหมือนกำลังบอกเล่าเรื่องราวของ “ฮีโร่” ที่กลับมาจากการเดินทางอันไกลโพ้น
"Eleven Grapes" อีกหนึ่งเพลงที่มีจังหวะสนุกที่สุดของอัลบั้มนี้ ด้วยเบสไลน์ที่ไหลลื่นและการจัดวางจังหวะของกลองที่แน่นเป็นพิเศษ เสียงฟลูตและแซกโซโฟนโต้ตอบกันเหมือนกำลังเล่นเกมดนตรีที่เต็มไปด้วยพลัง ช่วงกลางเพลงมีการเปลี่ยนจังหวะเล็กน้อย สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ผ่านทักษะอันยอดเยี่ยมของวง และสไตล์การเล่นที่ผสมผสาน Bebop กับแจ๊สร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
"Lara’s Theme" เพลงที่นำทำนองจาก Doctor Zhivago มาตีความใหม่ในรูปแบบแจ๊สฟังค์ เสียงเปียโนที่ไหลลื่นไปตามจังหวะเบส และเครื่องเป่าที่ค่อย ๆ เติมรายละเอียดลงไป ทำให้เพลงนี้มีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเอง แม้ว่าจะเป็นเมโลดี้ที่หลายคนคุ้นเคย แต่เวอร์ชั่นนี้กลับนำเสนอมุมมองที่แตกต่างออกไป ให้ความรู้สึกถึงความคิดถึงและความโรแมนติกที่ซ่อนไว้อยู่ใต้ท่วงทำนองรื่นเริง
Doctor Zhivago ปี 1965 แรงบันดาลใจของวงจากเพลง Lara's Theme โดย มอริส ฌาร์
"Prayer for Grenfell" บทเพลงที่บรรจงแต่งขึ้นเพื่อไว้อาลัยให้กับเหตุการณ์ Grenfell Tower โศกนาฏกรรมที่สะเทือนอารมณ์ของผู้คนมากมายในลอนดอน ท่วงทำนองของฟลูตที่ค่อย ๆ ไต่ระดับอย่างช้า ๆ เปรียบเหมือนเสียงภาวนาที่ค่อย ๆ ถูกเปล่งออกมาโดยไม่ต้องใช้คำพูด โน้ตแต่ละตัวให้ความรู้สึกเศร้าแต่ยังแฝงความหวัง ขณะที่จังหวะกลองและเพอร์คัชชั่นเบา ๆ ช่วยเสริมอารมณ์ของเพลงให้มีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เพลงไตเติลอัลบั้มอย่าง "Ironside" เป็นเพลงที่แสดงให้เห็นถึงพลังของวงได้อย่างเต็มที่ การผสมผสานของจังหวะหนักแน่นจากกลอง เบสที่เดินหน้าอย่างมั่นคง และเสียงเครื่องเป่ากับฟลูตที่ตัดกันอย่างชัดเจน ทำให้เพลงนี้มีความสมดุลระหว่างความดิบและความละเอียดอ่อน ช่วงกลางเพลงมีการเปลี่ยนจังหวะเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพาผู้ฟังเดินผ่านฉากใหม่ของการเล่าเรื่องที่ยิ่งใหญ่นี้
"Triceratops/The Caller" บทเพลงที่มีทำนองแยกออกเป็นสองส่วนกันอย่างชัดเจน ส่วนแรก "Triceratops" ที่มีจังหวะหนักและแน่น เน้นเสียงฟลูตที่มีไดนามิกสูง คลอไปกับจังหวะเปียโนและกลองที่เร็ว กับส่วนที่สอง "The Caller" ที่เปลี่ยนโทนไปสู่ความลึกซึ้งและอารมณ์ที่สงบลง เมโลดี้ที่ลื่นไหลของทรัมเป็ตเคล้าไปกับจังหวะกลองและเพอร์คัชชั่น ผ่านโน้ตของคีย์บอร์ดที่เปลี่ยนไปมาอย่างเป็นธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์เพลงจากความตื่นเต้นไปสู่การไตร่ตรอง ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับบทเพลงนี้ได้อย่างแยบยลและลงตัว
สมาชิกของวงปัจจุบัน (ซ้ายไปขวา): Tim Carnegie (กลอง), Tenderlonious (ฟลูต/แซกโซโฟน), Aidan Shepherd (เปียโน) และ Nick Walters (ทรัมเป็ต)
โดยรวมแล้ว "Ironside" จึงถือเป็นอัลบั้มที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความสามารถทางดนตรีที่น่าประทับใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนแจ๊สมาอย่างยาวนานหรือเพิ่งเริ่มต้นฟัง อัลบั้มนี้ก็สามารถพาคุณเดินทางผ่านอารมณ์และจังหวะที่แตกต่างกันได้อย่างน่าทึ่ง
Cr. AllAboutJazz / Bandcamp
Support the Artist @Bandcamp
---
โฆษณา