20 ก.พ. เวลา 12:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทำไมนักลงทุนตลาดสหรัฐถึง "ดูไม่กังวล" แม้มีปัจจัยกดดันมากมาย

David Mazza ซีอีโอของ Roundhill Investments เข้าร่วมรายการ Market Domination Overtime เพื่อแบ่งปันมุมมองของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดสหรัฐในปี 2025
"ตอนนี้เราอยู่ในช่วงที่ 'ยิงก่อน ถามคำถามทีหลัง' (shoot first, ask later)" Mazza กล่าวกับ Yahoo Finance
เขาอธิบายว่า เมื่อตลาดเข้าสู่ปีที่สามของตลาดกระทิงรอบปัจจุบัน "ความท้าทายคือ เนื่องจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงหลีกเลี่ยงที่จะตอบสนองต่อข่าวร้ายเพราะพวกเขาต้องการปกป้องผลกำไรที่ได้มา... อาจมีคนพยายามทำตัวเป็นเจ้ามือโดยการดึงจนกว่าพวกเขาจะขายทำกำไรก่อน แล้วค่อยปล่อยให้ตลาดโกลาหล"
แม้จะมีแนวโน้มเชิงระมัดระวังเช่นนี้ ดัชนีสำคัญๆ ก็ยังคงพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้เกิดคำถามสำคัญ "ตอนนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ยังคงมองหุ้นและตลาดในแง่บวกคือ 'รายย่อย' และความมั่นใจโดยรวมของพวกเขายังดูดี แต่อย่าลืมว่าตลาดมีปัจจัยเปราะบางเยอะแยะมากมายให้ยกขึ้นมาพูดได้" Mazza สังเกต
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน Mazza แนะนำวิธีการใช้ covered-call เขาอธิบายว่ากลยุทธ์นี้ช่วยให้นักลงทุน สามารถรักษาโอกาสในการเติบโต แต่มีการป้องกันด้วย covered call "เป็นวิธีที่ยังคงให้คุณได้รับผลกระทบจากตลาด ลดความเสี่ยงบางส่วนออก และทำเช่นนั้นโดยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ตโฟลิโอ" Mazza กล่าว
Covered call คือ กลยุทธ์การลงทุนที่ผู้ลงทุนขายสิทธิในการซื้อหุ้นของตนเองให้กับนักลงทุนคนอื่น ๆ โดยมีเงื่อนไขว่า นักลงทุนคนนั้นสามารถซื้อหุ้นเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ต้องซื้อในราคาที่ผู้ลงทุนกำหนดไว้ล่วงหน้า และต้องซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด
หลักการง่าย ๆ ของ Covered Call
1. เรามีหุ้นอยู่ในมือ: เหมือนเรามีของที่เราอยากขาย แต่ยังไม่อยากขายตอนนี้
2. ขายใบจอง: เราเอาหุ้นของเรามาทำเป็น "ใบจอง" ให้คนอื่น (นักลงทุน) สามารถมาซื้อหุ้นเราได้ในอนาคต แต่ต้องซื้อในราคาที่เรากำหนดไว้ (เหมือนเราตั้งราคาขายล่วงหน้า)
3. ได้เงินค่าใบจอง: คนที่มาขอ "ใบจอง" หุ้นเรา ก็ต้องจ่ายเงินให้เราก่อน (เหมือนค่ามัดจำ) ซึ่งเราก็รับเงินนี้ไว้เลย
4. รอคนมาซื้อหุ้น: ถ้าถึงเวลาที่กำหนด แล้วราคาหุ้นสูงกว่าราคาที่เราตั้งไว้ คนที่ถือ "ใบจอง" ก็จะมาซื้อหุ้นเราไป แต่ถ้า ราคาหุ้นไม่สูงเท่าราคาที่เราตั้งไว้ คนที่ถือ "ใบจอง" ก็จะไม่มาซื้อหุ้นเรา
โฆษณา