20 ก.พ. เวลา 22:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ

🛒 วอลมาร์ทเผยแนวโน้มกำไรต่ำกว่าคาด แม้ยอดขายในสหรัฐฯ ยังโตต่อเนื่อง

วอลมาร์ท (Walmart Inc.) กลายเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่รายแรกที่ประกาศผลประกอบการหลังช่วงเทศกาลวันหยุด และสร้างความประหลาดใจให้ตลาดด้วยการคาดการณ์กำไรตลอดปีที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงถึงประมาณ 6.5% สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโดยรวม
💸 กำไรต่อหุ้นต่ำกว่าคาด แม้อาจจะเป็นการวางเป้าแบบ “อนุรักษ์นิยม”
วอลมาร์ทคาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) แบบปรับปรุงทั้งปีว่าจะอยู่ในช่วง 2.50-2.60 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคาดการณ์ของวอลล์สตรีท
อย่างไรก็ตาม ตามปกติแล้ว วอลมาร์ทมักเริ่มปีงบประมาณด้วยแนวโน้มที่ค่อนข้าง “ระมัดระวัง” แต่การที่ราคาหุ้นพุ่งแรงมาตั้งแต่ปี 2023 (เพิ่มขึ้นกว่า 77% ภายใน 12 เดือน หรือเกือบ “เพิ่มเท่าตัว” ตั้งแต่ปลายปี 2023) ทำให้ “พื้นที่” สำหรับข่าวลบยิ่งลดน้อยลง ส่งผลให้หุ้นรูดทันทีที่บริษัทประกาศตัวเลขแนวโน้มไม่สดใส
👉🏻 เจนนิเฟอร์ บาร์ตาชัส นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ระบุว่า วอลมาร์ท “ทำแบบนี้ทุกปี” คือมักตั้งเป้าแบบอนุรักษ์นิยมก่อนแล้วจึงปรับเพิ่มภายหลัง แต่บรรดานักลงทุนคาดหวังสูงขึ้นมากเมื่อเห็นราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงในปีที่ผ่านมา
💪🏻 พฤติกรรมผู้บริโภคยังยืดหยุ่น” แต่ความเสี่ยงยังมี
จอห์น เดวิด เรนนีย์ (John David Rainey) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของวอลมาร์ท กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าปีนี้บนสมมุติฐานที่ว่า ยังมี “ความไม่แน่นอนในพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงภาวะเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลก” แต่ย้ำว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยัง “คงที่” และ “ยืนหยัด” เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า
เขาเผยอีกด้วยว่า “เดือนมกราคม” กลับเป็นเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดของไตรมาสล่าสุด สะท้อนว่าภาพรวมไม่ได้แย่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์นี้ยังไม่ได้รวม “ผลกระทบจากภาษีนำเข้า (Tariffs)” หากมีการบังคับใช้นโยบายดังกล่าวในอนาคต
🔼 ยอดขายสาขาเดิมโตสูงกว่าคาด ดึงดูดกลุ่มรายได้สูง
ในไตรมาสสิ้นสุด 31 ม.ค. วอลมาร์ทรายงานว่า “ยอดขายสาขาเดิมในสหรัฐฯ (ไม่รวมเชื้อเพลิง)” เพิ่มขึ้นประมาณ 4.6% เทียบกับปีก่อน ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
นอกจากนี้บริษัทยังระบุอีกว่า ส่วนแบ่งตลาดเติบโตขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งหันมาจับจ่ายที่วอลมาร์ทมากขึ้น เนื่องจากจุดเด่นเรื่อง “ราคาถูก” และ “บริการอีคอมเมิร์ซ” ที่สามารถส่งสินค้าได้เร็วขึ้น
วอลมาร์ทยังสามารถทำกำไรต่อหุ้น (EPS) ปรับปรุงในไตรมาสล่าสุดที่ 0.66 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เล็กน้อย (0.65 ดอลลาร์)
โดยทางด้าน ดั๊ก แมคมิลลอน (Doug McMillon) ซีอีโอของวอลมาร์ท กล่าวว่าบริษัทยังมี “แรงส่ง” จากการตั้งราคาต่ำ มีสินค้าหลากหลาย และขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มอบทางเลือกจัดส่งที่รวดเร็วขึ้น จนทำให้ลูกค้ากว่าร้อยละ 30 ยินดีจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเพื่อให้ได้สินค้ารับถึงมือไวขึ้น
🔻คาดยอดขายโต 3%-4% ปีนี้ ชะลอลงจากปีก่อน
แม้ยอดขายในไตรมาสที่ผ่านมาจะดี แต่สำหรับทั้งปีหน้า วอลมาร์ทคาดว่า “ยอดขายรวมทั่วโลก” จะเติบโตในกรอบ 3%-4% ซึ่งต่ำกว่าปีงบประมาณก่อนหน้าที่โตถึง 5% โดยปัจจัยเสี่ยงหลักมาจากต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนทางนโยบาย เช่น ภาษีนำเข้าใหม่ๆ
✅ ยังเป็น “ทางเลือก” ช่วงเศรษฐกิจผันผวน
ด้วยตำแหน่ง “ร้านค้าราคาประหยัด” ที่คุ้นเคยกันดี วอลมาร์ทมักยืนระยะได้ดีในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากผู้คนมักมองหาร้านที่ “คุ้มค่า” เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ยิ่งไปกว่านั้น การมีธุรกิจออนไลน์เสริมช่วยดึงดูดกลุ่มผู้มีรายได้สูงที่หันมาใช้บริการส่งของถึงบ้านตามไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม การประกาศประมาณการกำไรต่ำกว่าคาดรอบนี้ได้ส่งสัญญาณว่าแม้แต่บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ไม่อาจสามารถ “ต้านทาน” ความผันผวนทั้งหมดจากภาวะเศรษฐกิจและราคาสินค้าได้ตลอดเวลา
“เรามีแรงส่งจากราคาถูก สินค้าหลากหลาย และอีคอมเมิร์ซที่จัดส่งเร็วขึ้น” - ดั๊ก แมคมิลลอน ซีอีโอวอลมาร์ท
🎯 สรุป
วอลมาร์ทยังคงแสดงศักยภาพที่แข็งแกร่งจากยอดขายสาขาเดิมและกำไรต่อหุ้นที่เหนือความคาดหมาย แต่ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมามากก่อนหน้านี้ และการคาดการณ์กำไรทั้งปีที่ “ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด” ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นทันที เหตุเพราะกังวลต่อความไม่แน่นอนในพฤติกรรมผู้บริโภค นโยบายภาษี และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยรวม
อย่างไรก็ดี วอลมาร์ทยืนยันว่ายังสามารถบริหารต้นทุนและสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าได้ต่อไป ผ่านการคงราคาสินค้าให้เข้าถึงได้ และพัฒนา “ช่องทางออนไลน์” ให้ตอบโจทย์การใช้จ่ายในยุคปัจจุบันค่ะ
โฆษณา