เมื่อวาน เวลา 06:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

AOT เอาไงดี? เดือนเดียวร่วง 25%

โบรกฯ ยังแนะ “ถือ” และ “ทยอยสะสม” หวังท่องเที่ยวฟื้น หนุนคิงเพาเวอร์จ่ายหนี้
ช่วงที่ผ่านมา AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เผชิญกับแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง ทั้งผลประกอบการไตรมาส 1/68 (ต.ค.-ธ.ค. 67) ที่ออกมาต่ำคาด และ King Power ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานหลักในธุรกิจดิวตี้ฟรีกำลังมีปัญหาสภาพคล่องและขอเลื่อนจ่ายค่า Minimum Guarantee (MG) ออกไป 18 เดือน ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลและเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก โดยราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 43.50 บาท (21 ก.พ. 68) หรือปรับลดลงไปแล้วถึง 25%
ในขณะที่นักวิเคราะห์ให้มุมมองทั้ง “ถือ” และ “ทยอยสะสม” หุ้น AOT โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในการประชุมชี้แจงงบไตรมาส 1/68 AOT กล่าวถึงปัญหาสภาพคล่องของ King Power Duty Free Co., Ltd. ซึ่งเป็นคู่สัญญาในธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีของ AOT โดย King Power เจรจากับ AOT เพื่อขอเลื่อนชำระค่าตอบแทน และขอปรับสัญญาใหม่
ทั้งนี้ คู่สัญญาของ AOT ประสบปัญหาสภาพคล่องมาตั้งแต่ช่วงที่ COVID-19 ระบาด และ King Power ได้เสนอให้มีการเจรจาลดค่าปรับสำหรับกรณีที่ชำระค่าตอบแทนล่าช้า ซึ่งตามข้อมูลที่ AOT เปิดเผยออกมามีผู้ประกอบการที่ยังจ่ายค่าตอบแทนคิดเป็นมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท ซึ่ง 4 พันล้านบาทเป็นของ King Power
โดยเดือนม.ค. 68 คณะกรรมการของ AOT มีมติให้ช่วยบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการและสายการบินจากภาวะเศรษฐกิจขาลงที่เกิดจากสถานการณ์ COVID-19 โดยมีโครงการขยายระยะเวลาการชำระค่าตอบแทนของผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ และสายการบินที่ดำเนินการที่สนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT ซึ่งขาดแคลนสภาพคล่อง
โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนี้ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันตามสัญญาและมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันตามสัญญาจะต้องครอบคลุมเงินต้นบวกดอกเบี้ยปรับในกรณีผิดนัดชำระหนี้ซึ่งคิดที่ 18% (MLR ของ 5 ธนาคารใหญ่บวก 2% ต่อปี) ฝ่ายวิเคราะห์คิดว่า AOT จะสามารถบริหารจัดการปัญหาสภาพคล่องของ King Power ได้ เนื่องจากยังมี bank guarantee อยู่
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอเกินคาดในไตรมาส 1/68 ฝ่ายวิเคราะห์พบว่าประเด็นหลักคือ รายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่การบินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรายได้ค่าเช่าและสัมปทานต่ำกว่าที่คาดเอาไว้ ดังนั้น จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ลง 10.9% เหลือ 2.08 หมื่นล้านบาท (โต 8.5% จากปีก่อน) และปี 2569 ลง 10.8% เหลือ 2.35 หมื่นล้านบาท (โต 12.8% จากปีก่อน)
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์จึงปรับลดคำแนะนำลง เป็น “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ปี 2568 ที่ 50 บาท จากคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายเดิมที่ 71.50 บาท
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า คาดการฟื้นตัวต่อเนื่องของปริมาณผู้โดยสารในปี 2567 เพิ่ม 19% เป็น 119 ล้านคนและปี 2568 เพิ่ม 18% เป็น 140.8 ล้านคน (คิดเป็นสัดส่วน 99% to pre COVID) หนุนให้ King Power มีความสามารถในการชำระหนี้ดีขึ้นและหากผ่านช่วงไตรมาส 4/67-3/68 ที่มีภาระหนี้สูงกว่าปกติไปได้ ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าสภาพคล่อง King Power จะยิ่งคล่องตัวมากขึ้น
ส่วนการตั้งสำรองหนี้ฝ่ายวิเคราะห์มองว่ามีความเสี่ยงต่ำเช่นกัน เนื่องจากตามสัญญา AOT กำหนดให้ผู้รับสัมปทานต้องวาง Bank Guarantee (AOT ไม่มีการเปิดเผยระยะเวลา Bank Guarantee สัญญาปัจจุบัน แต่บอกว่าหนี้ค้างจ่ายปัจจุบันยังไม่เกินระยะเวลา Bank Guarantee ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์พบว่าสัญญาสัมปทานก่อนหน้าระยะเวลา Bank Guarantee อยู่ที่ 2ปี และคาดหนี้ค้างจ่าย ณ สิ้น 1Q25 มีระยะเวลาอยู่ที่ราว 3-6 เดือน)
นอกจากนี้ AOT ยังมี Upside 10-20% จากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร (Passenger Service Charge หรือ PSC) transit/transfer และการขึ้นค่า PSC อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์มองราคาหุ้นAOT ที่ลดลงจากความกังวลข้างต้นเป็นโอกาส “ทยอยสะสม” หุ้น AOT ที่เป็นผู้ให้บริการสนามบินหลักของประเทศซึ่งมีโอกาสเติบโตตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
โฆษณา