วันนี้ เวลา 01:00 • ปรัชญา

เราทุกคนเป็นแค่ตัวประกอบในชีวิตของกันและกัน

ถ้าชีวิตคือภาพยนตร์ เราคงเป็นตัวเอกในเรื่องของตัวเอง และเป็นแค่ตัวประกอบในเรื่องของคนอื่น ตัวประกอบที่อาจมีบทพูดหนึ่งหรือสองประโยค หรืออาจเป็นแค่เงาที่เดินผ่านฉาก ไม่มีใครจำได้ ไม่มีใครใส่ใจ
เราล้วนเคยเป็นใครสักคนที่คนอื่นลืม
เราจำหน้าพนักงานร้านสะดวกซื้อที่เพิ่งยื่นถุงพลาสติกให้ฉันเมื่อเช้าได้ไหม?
เราจำเสียงของคนขับแท็กซี่ที่เคยพาฉันกลับบ้านเมื่อปีที่แล้วได้หรือเปล่า?
เราจำเพื่อนร่วมชั้นที่เคยนั่งข้างกันตอนประถมได้ครบทุกคนหรือเปล่า?
ไม่… ฉันจำไม่ได้ และคนอื่นก็คงจำฉันไม่ได้เช่นกัน
ตอนเด็ก เคยคิดว่ทุกการกระทำของฉันสำคัญ ทุกคำพูดของต้องมีคนจดจำ เคยคิดว่า ฉันจะมีบทบาทยิ่งใหญ่ในเรื่องราวของทุกคนที่ฉันพบ
แต่วันหนึ่ง ฉันได้เดินผ่านคนที่เคยรักกันสุดหัวใจ... และเราทำได้แค่เดินเลยไปเหมือนไม่เคยรู้จักกัน
นั่นเป็นครั้งแรกที่ตระหนักว่า ฉันไม่ใช่ตัวละครหลักในชีวิตของเขาอีกแล้ว บางทีอาจไม่เคยเป็นด้วยซ้ำ
โลกนี้เต็มไปด้วยตัวประกอบ คนเดินผ่าน กลุ่มคนที่ถูกเบลออยู่ในฉากหลังของกันและกัน
เด็กชายที่นั่งริมหน้าต่างบนรถเมล์เป็นเพียงเงาสะท้อนของเมือง
ในสายตาของเขา ฉันเป็นเพียงคนที่เดินผ่านไป ไม่มีความหมาย ไม่มีชื่อ
บางครั้ง เราอาจเคยเป็นแค่ “ใครบางคน” ที่เคยให้คำพูดหนึ่งประโยคที่เปลี่ยนชีวิตของใครอีกคน
แต่สุดท้าย เราก็ยังเป็นแค่ “ใครบางคน” ที่เขาจำไม่ได้อยู่ดี
เคยได้ยินเรื่องของชายชราคนหนึ่ง เขาใช้ชีวิตเรียบง่าย เงียบเหงา ไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อนสนิท และเมื่อเขาตายไป ศพของเขาถูกพบในห้องเช่าเล็กๆ ห่างจากวันที่เขาสิ้นใจไปแล้วหลายสัปดาห์ ไม่มีใครคิดถึงเขา ไม่มีใครสังเกตว่าเขาหายไปจากโลกนี้
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองไม่ใช่เขา
บางทีเราอาจคิดว่าตัวเองสำคัญ แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้า อาจไม่มีใครแม้แต่จะพูดถึงชื่อของเราอีกแล้ว
หากเป็นเช่นนั้น... การเป็นตัวประกอบจะมีความหมายอะไร
บางที คำตอบอาจไม่ใช่การพยายามเป็นตัวเอกในเรื่องของทุกคน
แต่คือการยอมรับว่า แม้จะเป็นเพียงตัวประกอบ แต่ในฉากหนึ่ง เราก็อาจทำให้เรื่องราวของใครบางคนสวยงามขึ้นมาได้
บางที การได้เป็นตัวประกอบในชีวิตของกันและกันก็คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
โฆษณา