Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เสียบสามเหลี่ยม
•
ติดตาม
22 ก.พ. เวลา 09:43 • กีฬา
หมดโปรโมชั่น "พี่ม้า" จากเริ่มต้นดี ตอนนี้แย่กว่าทุกทีม
กระแสแฟนบอล เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ต่างประเทศตอนนี้ ส่วนใหญ่ดูจะมีความเห็นตรงกันแล้วว่า รุด ฟาน นิสเตลรอย ไม่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่คุมทีมจิ้งจอกสยามอีกต่อไป เพราะผลงานฟ้องชัดว่าแย่ยิ่งกว่าตอนที่ สตีฟ คูเปอร์ ยังเป็นกุนซือเสียอีก
นับตั้งแต่อดีตตำนานดาวยิงทีมชาติเนเธอร์แลนด์เข้ามาเป็นนายใหญ่แห่งถิ่น คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นมา เขาคุมทีมลงสนามไปแล้ว 13 นัดในพรีเมียร์ลีก พาทีมเก็บได้แค่ 7 แต้มจากผลงานชนะ 2 เสมอ 1 โดยแพ้มากถึง 10 นัด
นี่ถือเป็นผลงานที่แย่กว่าช่วงก่อนที่เขาจะเข้ามาเริ่มงานเสียอีก เพราะ 13 นัดแรกของพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ เลสเตอร์เก็บได้ 10 แต้มจากผลงานชนะ 2 เสมอ 4 แพ้ 7
สถิติที่เลวร้ายยังไม่ใช่แค่นั้น เพราะนับตั้งแต่ “พี่ม้า” เริ่มต้นเป็นนายใหญ่ของทีมจิ้งจอกสยาม พวกเขายังไม่เคยเก็บคลีนชีตได้เลยแม้แต่นัดเดียว โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2024 จนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2025 พวกเขาเสียประตูในพรีเมียร์ลีกมากถึง 32 ลูก ถือว่าเป็นทีมที่โดนยิงเยอะที่สุดของลีกเทียบเท่ากับทีมบ๊วยอย่างเซาธ์แฮมป์ตัน
เกมรับว่าแย่แล้ว เกมรุกกลับแย่ยิ่งกว่า เพราะตั้งแต่ ฟาน นิสเตลรอย มาคุมทีม มีถึง 8 นัดในพรีเมียร์ลีกที่เลสเตอร์จบเกมโดยยิงคู่แข่งไม่ได้ ผิดกับตอนที่ สตีฟ คูเปอร์ คุมทีม 12 นัดแรก ถึงแม้ผลการแข่งขันอาจจะแพ้บ่อย แต่ก็ยิงคู่แข่งได้ถึง 11 เกม
ล่าสุด รุด ฟาน นิสเตลรอย เพิ่งจารึกสถิติเลวร้ายให้ตัวเอง เมื่อกลายเป็นกุนซือคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่พาทีมแพ้คาบ้าน 6 นัดติดต่อกันโดยยิงไม่ได้เลย หลังจากพาทีมแพ้เบรนท์ฟอร์ดยับคาบ้าน 0-4 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ชนิดที่แฟนบอลเดินกลับบ้านตั้งแต่ 32 นาทีแรกเมื่อเห็นทีมผึ้งพิฆาตนำห่าง 3-0 เลยด้วยซ้ำ
เลสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่แพ้คาบ้าน 6 นัดติดต่อกันโดยยิงไม่ได้เลย หลังล่าสุดแพ้เบรนท์ฟอร์ด 0-4 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2025
ถ้าย้อนไปเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม 2024 ชื่อของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ถูกยกว่าเป็นกุนซือหนุ่มที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก เพราะตอนนั้นเขาเพิ่งมีผลงานยอดเยี่ยมในการคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบขัดตาทัพ 4 นัดรวมทุกรายการ แล้วพาทีมปีศาจแดงไม่แพ้ใครเลย
การที่ “พี่ม้า” สามารถพา แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 3 เสมอ 1 โดยยิงรวมกันได้ 11 ประตู และเสียประตูรวมกันแค่ 3 ลูก ทำให้แฟนผีจำนวนไม่น้อยเชียร์ให้สโมสรแต่งตั้งตำนานดาวยิงทีมชาติเนเธอร์แลนด์รายนี้คุมทีมยาวๆ จนจบฤดูกาลเลยด้วยซ้ำ แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจเริ่มต้นยุคใหม่กับ รูเบน อโมริม แทน ซึ่งอโมริมต้องการใช้ทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชของตนเองเท่านั้น ทำให้ ฟาน นิสเตลรอย จำเป็นต้องเก็บข้าวของออกจากถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
แต่ ฟาน นิสเตลรอย ว่างงานได้ไม่นาน ก็ไปได้งานใหม่กับตำแหน่งผู้จัดการทีมถาวรของ เลสเตอร์ ซิตี้ แทนที่ สตีฟ คูเปอร์ ที่โดนปลดออกหลังพาทีมเก็บได้แค่ 10 แต้มจาก 12 นัดแรกของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
เลสเตอร์ ซิตี้ ประกาศยืนยันว่า รุด ฟาน นิสเตลรอย จะเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว โดยเริ่มคุมทีมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024
ช่วง 2 นัดแรกที่ตำนานดาวยิงชาวดัตช์มาคุมทัพจิ้งจอกถือว่าออกสตาร์ทได้น่าประทับใจ เขาเปิดตัวเกมแรกด้วยการพาทีมเปิดบ้านชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2024 จากนั้นในเกมถัดมาที่เปิดบ้านพบไบรท์ตัน เขาสามารถพาทีมพลิกสถานการณ์จากตามหลัง 2 ประตู กลับมาตีเสมอ 2-2 ได้ในช่วง 5 นาทีสุดท้าย
แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา มาตรฐานที่แท้จริงก็ปรากฏ ทีมจิ้งจอกสยามแพ้ไปถึง 10 นัดจาก 11 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก มีแค่เกมบุกชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาเท่านั้นที่คว้า 3 คะแนนได้
เลสเตอร์อาจจะตกรอบ 4 เอฟเอ คัพ แบบน่าเห็นใจก็จริง เพราะโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฉือนชนะ 2-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บด้วยประตูชัยของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่น่าจะล้ำหน้า แต่โชคร้ายที่เกมนั้นไม่มีวีเออาร์ ทว่าผลงานโดยรวมของพวกเขาในยุคที่คุมทีมโดย รุด ฟาน ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าแย่กว่าที่หลายคนคาดหวังจากเขามากทีเดียว
ผลงานที่ย่ำแย่ต่อเนื่องไม่เลิกทำให้แฟนบอล เลสเตอร์ ซิตี้ ที่อังกฤษเริ่มไม่เชื่อใจในตัว รุด ฟาน นิสเตลรอย มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอันที่จริงกระแสต่อต้านอดีตตำนานกองหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด รายนี้มีมานานกว่า 1 เดือนแล้ว
ย้อนไปในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่เลสเตอร์แพ้ฟูแล่มคาบ้าน 0-2 เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา แฟนบอลทีมจิ้งจอกจำนวนหนึ่งที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ถึงกับตะโกนด่ากุนซือชาวดัตช์ว่า “you don’t know what you’re doing” หรือแปลเป็นไทยว่า “แกไม่รู้หรอกว่ากำลังทำอะไรอยู่”
ในเกมดังกล่าว แฟนบอลเลสเตอร์หัวร้อนมากๆ ที่เห็น ฟาน นิสเตลรอย ตัดสินใจเปลี่ยนตัวรุกที่ดูวูบวาบที่สุดในทีมอย่าง บิลาล เอล คานนูส ออกจากสนามเป็นคนแรก แล้วส่งปีกที่ทำอะไรไม่ได้อย่าง เคซี่ย์ แม็คเคเทียร์ ลงไปแทนทั้งที่ทีมต้องการทวงประตูคืน แถมยังถอดกองกลางอย่าง แฮร์รี่ วิงค์ส แล้วส่งมิดฟิลด์ที่ถนัดเกมรับมากกว่าอย่าง โอลิเวอร์ สคิปป์ ลงแทนอีกต่างหาก
นอกเหนือจากการเปลี่ยนตัวที่ขัดใจแฟนบอลแล้ว กองเชียร์เลสเตอร์จำนวนไม่น้อยก็ไม่เข้าใจการตัดสินใจจัดทีมของ ฟาน นิสเตลรอย เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่ยอมให้ ฟาคุนโด้ บัวนาน็อตเต้ กองกลางตัวรุกดาวรุ่งทีมชาติอาร์เจนตินาได้ลงตัวจริงให้สม่ำเสมอกว่านี้ ทั้งที่เคยเป็นตัวหลักตอนที่ สตีฟ คูเปอร์ คุมทีม และมีผลงานยิงได้ถึง 4 ประตูในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ น้อยกว่าดาวซัลโวประจำทีมอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ แค่คนเดียวเท่านั้นในทีมแท้ๆ
ฟาคุนโด้ บัวนาน็อตเต้ ดาวรุ่งชาวอาร์เจนไตน์ที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย มักจะให้เป็นตัวสำรองประจำ ทั้งที่ยิงไป 4 ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
ในช่วงหลังมานี้ กระแส Ruud Out หรือกระแสขับไล่ รุด ฟาน นิสเตลรอย ให้พ้นกุนซือจากแฟนบอลเลสเตอร์ที่ต่างประเทศในโลกโซเชียลถือว่ากำลังดุเดือดพอสมควร
โดย แดเนียล สโตรี่ย์ ซึ่งเป็นหัวหน้านักข่าวฟุตบอลของสื่อที่ชื่อว่า The i Paper วิพากษ์วิจารณ์ว่า “ผมคิดว่าเราน่าจะต้องสรุปแล้วว่า รุด ฟาน นิสเตลรอย ค่อนข้างโชคดี ที่เวสต์แฮมพลาดโอกาสลุ้นประตูไปถึง 15 ครั้งในเกมแรกที่เขาคุมทีมในบ้าน”
ทางด้าน เคลวิน โอวูซู อันซาห์ นักข่าวฟุตบอลในประเทศกานาทวีตว่า “รุด ฟาน นิสเตลรอย ควรปลดตัวเองออกจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ได้แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด รู้ดีว่าผลงานตอนเขาคุมทีมมันแค่ฟอร์มวิบๆ วับๆ เท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย เลสเตอร์ต้องการผู้จัดการทีมคนใหม่แล้ว”
ขณะที่สื่อเจ้าดังอย่างบีบีซี ก็เปิดโอกาสให้แฟนบอลเลสเตอร์ที่ชื่อว่า คริส ฟอร์เรียน เขียนคอลัมน์บ่นถึงสถานการณ์ของทีมรักภายใต้การคุมทีมของ ฟาน นิสเตลรอย อย่างเต็มที่ โดยชี้ว่าช่วง 12 นัดแรกที่ สตีฟ คูเปอร์ ยังคุมทีม ผลงานยังดูดีกว่าตอนนี้ด้วยซ้ำ
จริงอยู่ รุด ฟาน นิสเตลรอย อาจจะอ้างได้ว่าเขาไม่มีโอกาสเตรียมทีมช่วงปรีซีซั่นเหมือนกับคูเปอร์ แต่คูเปอร์ยังมีแท็กติกการเล่นที่ชัดเจน นั่นคือหาทางทำให้คู่ต่อสู้อึดอัดที่สุดแล้วเน้นสวนกลับ แต่สไตล์ของ ฟาน นิสเตลรอย มันเหมือนกับพร้อมแจก 3 แต้มให้ฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา เพราะพยายามจะวัดกันด้วยความสามารถนักเตะ แต่ผู้เล่นของเลสเตอร์มีศักยภาพด้อยกว่า
คริส ฟอร์เรียน ชี้ว่าการอ้างเรื่องปัญหานักเตะบาดเจ็บมากมายนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะ อันโดนี่ อิราโอล่า สามารถพาทีมอย่างบอร์นมัธทำผลงานบินสูงได้ แม้จะมีนักเตะทีมชุดใหญ่บาดเจ็บหลายราย
แล้วสิ่งที่เขาไม่พอใจก็คือ ฟาน นิสเตลรอย มักจะยึดนักเตะที่ผลงานแย่ต่อเนื่องลงตัวจริงทุกนัด อย่างเช่น จอร์แดน อายิว ทำอะไรไม่ได้มาหลายนัดติดต่อกัน แต่ก็ยังได้ออกสตาร์ทอยู่เรื่อยๆ ส่วนนักเตะอย่าง สเตฟี่ มาวิดิดี้ หรือ ฟาคุนโด้ บัวนาน็อตเต้ ที่น่าจะวูบวาบกว่า กลับนั่งสำรองประจำแทบทุกสัปดาห์
ผลงานย่ำแย่ต่อเนื่องของ เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ยิ่งทำให้เขาถูกตั้งคำถามว่าเป็นกุนซือที่ดีมากจริงหรือไม่ เพราะบารมีของเขาส่วนใหญ่มาจากชื่อเสียงสมัยเป็นนักเตะ แต่ประสบการณ์ในฐานะโค้ชถือว่ายังมีน้อยมากๆ
บางทีผลงานการคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบขัดตาทัพ 4 นัดก็อาจจะชี้วัดอะไรไม่ได้มากด้วยซ้ำ เพราะอย่าลืมว่าทั้ง 4 เกมล้วนเป็นการเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทั้งหมด และ 3 เกมที่เขาพาทีมชนะ ถ้าจะว่ากันตามตรงมันคือโปรแกรมที่เบามากๆ
2 จาก 3 นัดที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย คุมทีมปีศาจแดงชนะในบทบาทกุนซือชั่วคราว คือการเปิดบ้านถล่ม เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เห็นกันแล้วว่าในฤดูกาลนี้ ทีมจิ้งจอกสยามย่ำแย่และแพ้ง่ายขนาดไหน ส่วนอีกเกมที่คว้าชัยได้ในศึก ยูโรปา ลีก คือการเปิดบ้านชนะทีมระดับเกรดบีของลีกกรีซอย่าง พีเอโอเค 2-0 ซึ่งยังไม่ถือว่าเป็นบททดสอบที่หนักอะไร
บางทีโปรแกรมง่ายๆ แบบนั้น ถ้าหากให้ อีริค เทน ฮาค หรือ รูเบน อโมริม คุมทีมลงสนาม ก็อาจจะเก็บผลการแข่งขันได้เช่นกัน และช่วงเวลาที่ ฟาน นิสเตลรอย ขัดตาทัพ คือแค่รักษาการพาทีมคว้าผลการแข่งขันเท่านั้น แต่เขาไม่ใช่คนที่จะวางระบบการเล่นให้ทีมในระยะยาวได้ และตัวของรุดเองก็ไม่ต้องการเป็นกุนซือใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทันทีโดยเช่นกันด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะให้ ฟาน นิสเตลรอย ได้นั่งเก้าอี้คุมทีมปีศาจแดงยาวๆ มันไม่เหมาะสมแต่แรกแล้ว
เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีรายงานข่าวเผยว่า รุด ฟาน นิสเตลรอย ไม่แฮปปี้กับทิศทางการบริหารของสโมสรที่ไม่สามารถเสริมทัพแก้จุดอ่อนของทีมได้มากพอ
เลสเตอร์มีการเซ็นสัญญาคว้าแข้งใหม่เข้ามาแค่คนเดียวในช่วงตลาดหน้าหนาว นั่นคือ โวโย่ คูลิบาลี่ แบ็กขวาที่ซื้อจากปาร์ม่าด้วยราคาแค่ 3 ล้านปอนด์ ซึ่งแน่นอนว่านั่นไม่เพียงพอต่อการช่วยทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นได้
รายงานข่าวจากสื่อที่น่าเชื่อถือได้ของอังกฤษทั้ง ดิ แอธเลติก และ เดลี่ เมล ต่างเผยว่าตอนที่ ฟาน นิสเตลรอย พูดคุยกับตัวแทนของ เลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนเข้ามารับตำแหน่งคุมทีมเมื่อเดือนพฤศจิกายน เขาได้รับคำมั่นสัญญาว่าสโมสรจะช่วยสนับสนุนเม็ดเงินสำหรับการปรับปรุงขุมกำลังในเดือนมกราคม แต่สุดท้ายเมื่อไม่แบบนั้น ทำให้รุดไม่พอใจอย่างยิ่ง
เขาให้สัมภาษณ์หลังจบเกมนัดที่แพ้ฟูแล่มคาบ้าน 0-2 ด้วยการโจมตีขุมกำลังชุดปัจจุบันว่าไม่ดีพอสำหรับการเล่นในพรีเมียร์ลีก เพราะที่ทีมต้องตกชั้นเมื่อ 2 ปีก่อนก็เพราะพวกผู้เล่นเหล่านี้เป็นแกนหลักนั่นแหละ
รุดบอกว่า “คุณดูได้จากทีมของเรา และคุณก็รู้ดีว่านักเตะคนไหนบ้างที่มีส่วนกับการตกชั้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไม่ใช่แค่แผงแบ็กโฟร์เท่านั้น ในพื้นที่ตรงกลางสนาม, แดนหน้า และผู้รักษาประตูก็เช่นกัน”
“มีนักเตะจำนวนไม่น้อยเลยที่เคยอยู่ในสถานการณ์นั้น และไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และสิ่งที่จะตามมาคืออะไร”
หรืออย่างบทสัมภาษณ์ล่าสุดหลังจบเกมแพ้เบรนท์ฟอร์ดยับเยิน 0-4 เขาก็โยนความผิดให้คุณภาพลูกทีมอีก ด้วยการบอกว่า “คุณต้องยอมรับว่ามันเป็นการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่ ภาพรวมของระดับโดยทั่วไป และความแตกต่างระหว่างระดับของเบรนท์ฟอร์ดกับเรานั้นมันมีนัยสำคัญมาก และน่ากังวลสำหรับความหวังในอนาคตของเรา”
“ด้วยทีมที่เรามี มันเป็นภูเขาลูกที่ใหญ่มากๆ ที่จะต้องปีนขึ้นไปเพื่ออยู่รอดในลีกนี้ นั่นคือความจริง วันนี้มันแสดงให้เห็นแล้ว”
“สถานการณ์ที่เราอยู่ในตอนนี้มันน่าตกใจ และภูเขาที่เราต้องปีนมันใหญ่จริงๆ”
แต่ปัญหาก็คือ เลสเตอร์ ซิตี้ มีสภาวะขาดทุนมานานเกิน 2 ปีแล้ว จากการที่ใช้เงินจำนวนมากไปกับการสร้างสนามซ้อมใหม่ โดยที่ในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ พวกเขาซื้อนักเตะเข้ามาแล้วทำผลงานไม่คุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้การจะลงทุนเสริมทัพอย่างที่ ฟาน นิสเตลรอย ต้องการ กลายเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้อย่างที่ให้สัญญากับกุนซือชาวดัตช์ไว้ เนื่องจากมีกฎการเงินพรีเมียร์ลีกมาขัดขวาง
อย่างไรก็ตาม การที่ ฟาน นิสเตลรอย วิพากษ์วิจารณ์คุณภาพนักเตะเลสเตอร์ที่เขาคุมว่ามีคุณภาพระดับทีมตกชั้นออกสื่อ มันยิ่งทำให้เขาได้ใจลูกทีมยากขึ้นไปอีก และนับวันผลการแข่งขันของทีมจิ้งจอกสยามก็มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ เท่านั้น
รุด ฟาน นิสเตลรอย มักให้สัมภาษณ์ตำหนิคุณภาพนักเตะเลสเตอร์ชุดปัจจุบัน ทำให้เขายิ่งไม่ค่อยได้ใจผู้เล่นมากนัก
บางที รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่มีดีเอ็นเอฟุตบอลในการเป็นผู้ชนะ และคุ้นเคยกับการทำงานในทีมใหญ่ๆ มากกว่าทั้งสมัยเป็นนักเตะและโค้ช อาจไม่เหมาะกับภารกิจพา เลสเตอร์ ซิตี้ ให้อยู่รอดในพรีเมียร์ลีกต่อไปก็ได้
เผลอๆ กุนซือคนเก่าที่โดนปลดออกไปก่อนหน้านี้อย่าง สตีฟ คูเปอร์ ยังจะเหมาะกับการคุมทีมนี้มากกว่าด้วยซ้ำ
ความจริงก็คือตอนที่คูเปอร์ยังไม่โดนปลด เลสเตอร์ยังอยู่อันดับ 16 ยังไม่ได้หล่นมาอยู่ในโซนตกชั้น แต่ตอนนี้พวกเขากลายเป็นทีมรองบ๊วยที่มีโอกาสกลับไปเล่นในแชมเปี้ยนชิพฤดูกาลหน้าสูงมากๆ ไปแล้ว
และจากการที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ยังต้องระมัดระวังการใช้เงินไม่ให้ผิดกฎการทำกำไรและความยั่งยืนของพรีเมียร์ลีก การจะตัดสินใจปลด รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่มีสัญญาจนถึงปี 2027 กลางคัน แล้วไปแต่งตั้งกุนซือคนใหม่เข้ามาเป็นคนที่ 3 ของฤดูกาลนี้ ก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าหากเปลี่ยนโค้ชแล้วยังใช้ทีมชุดนี้ต่อไปแต่รอดตกชั้นไม่สำเร็จ สโมสรจะยิ่งขาดทุนหนักกว่าเดิมอีกมาก และการใช้เงินในอนาคตก็จะยิ่งถูกจำกัดมากขึ้น
เบื้องหลังผลงานย่ำแย่ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ตอนนี้คงไม่สามารถโทษการคุมทีมของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้เพียงอย่างเดียว แต่ผู้อำนวยการกีฬาอย่าง จอน รัดกิ้น ที่อยู่ในตำแหน่งมานานตั้งแต่ปี 2014 ก็มีส่วนต้องรับผิดชอบมากเช่นกัน
การตัดสินใจซื้อขายนักเตะหลายๆ คนในช่วงหลังที่นับวันยิ่งทำให้คุณภาพทีมแย่ลงเรื่อยๆ คือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้พลพรรค “เดอะ ฟ็อกซ์” กลายเป็นทีมที่พร้อมจะแพ้ให้กับทุกทีม
และการตัดสินใจปลด สตีฟ คูเปอร์ ออกจากตำแหน่งเร็วเกินไป แล้วเลือก รุด ฟาน นิสเตลรอย เข้ามาแล้วยิ่งทำให้ทีมมีผลงานแย่กว่าเดิมหนักมากๆ กลับกลายเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงอย่างแท้จริง
#เสียบสามเหลี่ยม #รุดฟานนิสเตลรอย #ฟานนิสเตลรอย #เลสเตอร์ #เลสเตอร์ซิตี้ #พรีเมียร์ลีก #จิ้งจอกสยาม #Leicester #RuudvanNistelrooy #LCFC
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย