7 ชั่วโมงที่แล้ว • เกม

Umbrella บรรษัทเปลี่ยน(โรค)​โลก

เมื่อเรานึกถึงองค์กรวายร้ายแห่งวิดีโอเกม บริษัทเภสัชกรรมอย่าง Umbrella Corporation จะถูกระลึกขึ้นมาเสมอในหมู่คนเล่นเกม เพราะความที่มีองค์ประกอบเหมาะสมทุกประการ Umbrella จึงจัดว่าเป็นองค์กรตัวร้ายที่คลาสสิกและเป็นตำนาน แม้เกม Resident Evil จะเล่าเรื่องไปไกลจากจุดตั้งต้นของมันไปก็ตาม
Umbrella เป็นบรรษัทข้ามชาติที่ตั้งอยู่หลายประเทศทั่วโลก แต่สาขาที่ถือว่าเป็นบ้านของ Umbrella อยู่เมืองแรคคูน ที่นี่พวกเขามีอิทธิพลล้นเหลือ จากการสร้างความสัมพันธ์​ระหว่างพลเมือง​ในเมือง และการติดสินบนลับ ๆ กับ​ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หรือการปรับปรุงเมือง หรือว่าจ้างคนในเมืองนี้หรือว่าจะนำเงินช่วยเมืองจากภาวะเศรษฐกิจช่วยต้น 90s ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจ จนอาจกล่าวได้ว่า Umbrella ได้เปลี่ยนพลเมืองแห่งนี้ไปเป็นพล-พนักงานของบริษัท
Umbrella มีเทคโนโลยีชีวภาพที่ล้ำหน้า ซึ่งเกิดจากหัวกะทิทั้งสาม อย่าง Oswell E. Spencer, James Marcus, และ Edward Ashford ที่เป็นผู้ก่อตั้งและผู้พัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ เป้าหมายของพวกเขาคือการพัฒนาวิวัฒนาการของมนุษย์ขึ้นไปอีกขั้น ให้แข็งแกร่ง ฉลาด อายุยืนยาว ซึ่งการก่อตั้ง Umbrella ก็มีไว้เพียงหาเงินทุนวิจัยโครงการดังกล่าว
ตอนนี้ Umbrella มีทั้งอำนาจทางการเงิน อำนาจทางการปกครองเมือง และอำนาจทางเทคโนโลยีชีวภาพที่ก้าวล้ำ ซึ่งเทคโนโลยีที่พวกเขามี ไม่มีไว้เพื่อนำคุณประโยชน์แก่มนุษยชาติในทางที่ดี แต่วิจัยและพัฒนาอาวุธชีวภาพเพื่อขายแก่รัฐบาลสหรัฐฯ เหตุนี้พวกเขาจึงไม่อยากให้ใครล่วงรู้กิจกรรมภายในรวมถึงการมีอยู่ของเทคโนโลยีดังกล่าว
โดยพฤติกรรมทั่วไป บริษัท/องค์กรเมื่อพวกเขากระทำบางอย่างที่ตั้งอยู่บนความประมาทหรือจงใจก็ดี สิ่งแรกคือการปกปิดการมีส่วนของพวกเขามากกว่าการรับผิดชอบออกมาตรง ๆ ทั้งนี้เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทหรือการลอยนวลพ้นผิดในกิจกรรมที่พวกเขาก่อ
กรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริงคือบริษัท Chisso Corporation บริษัทผู้ผลิตปุ๋ยเคมีได้ทิ้งสารปรอทลงสู่แหล่งน้ำ ซึ่งบริษัทต่างพยายามปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ให้ออกสู่สาธารณชน ทั้งยัดเงินให้แพทย์ที่ระบุสาเหตุและนักช่างภาพอย่างคุณยูจีน สมิธ ทั้งการแบ่งแยกและปกครองผู้คนท้องถิ่นให้แตกออกเป็นสองขั้ว กว่าสาธารณชนจะรับรู้ก็กินเวลาไปเป็น 10 ปี ทำให้ชาวบ้านที่บริโภคปลาได้รับสารปรอทสะสมในร่างกายจนส่งผลสู่เด็กแรกเกิด​ กลายเป็นโรคเรื้อรังอีกชนิดในชื่อโรคมินามาตะ
แต่สิ่งที่ Umbrella ปกปิดไว้ร้ายแรงกว่า​นั้น เพราะเทคโนโลยีชีวภาพของพวกเขา สามารถพลิกโฉมโลกจากหน้ามือเป็นหลังมือไปตลอดกาล
ข้อเทียบเคียงจากบริษัทที่มีอยู่จริงซึ่งปลายทางคือการเกิดขึ้นของโรคอุบัติ​ใหม่ กับบริษัทสมมุติขึ้นมาเพื่อเป็นองค์กรตัวร้ายในวิดีโอเกมที่บทสรุปคือการกลายพันธุ์ในตัวมนุษย์ไปสู่สิ่งอื่น จุดร่วมที่มีโมเดลเดียวกันคือชีวอำนาจที่มีเหนือเนื้อตัวร่างกายผู้คน
คำว่า ชีวอำนาจ (Biopower) ถูกกล่าวขึ้นโดย มิเชล ฟูโก้ นักปรัชญาชาว​ฝรั่งเศส ชีวอำนาจคือการเกิดขึ้นของความสัมพันธ์เชิงอำนาจรูปแบบใหม่ นับจากช่วงศตวรรษที่ 18 ที่ผู้คนเริ่มตระหนักเรื่องร่างกายมนุษย์ในฐานะเป็นสิ่งซึ่งสามารถกำหนด ควบคุม จัดระเบียบได้ ฉะนั้น ร่างกายของมนุษย์สามารถเป็นกลไกเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางอำนาจทั้งหลายได้
เช่นเดียวกับ Umbrella ร่างกายถูกดัดแปลงควบคุมเพื่อวัตถุประสงค์ทางความรู้และผลิตสร้างมนุษย์สายพันธุ์ใหม่เพื่ออำนาจทางการทหาร สร้างบรรทัดฐานใหม่ในศักยภาพของมนุษย์ขึ้นผ่านเทคโนโลยีชีวภาพ ร่างกายจึงเสมือนสนามพลังทางชีวภาพที่ Umbrella วางเป้าหมายควบคุมชีวิตจากภายในเพื่อบรรลุผลปรากฏให้เห็นสู่ภายนอก
ในทางหนึ่งของชีวอำนาจที่น่ากลัวกว่าการควบคุมร่างกายคือการที่มันไม่ได้ควบคุมอะไรเรา ชีวอำนาจลักษณะนี้อยู่ที่การ'คงอยู่'​ของมันผ่านการทำให้เป็นเรื่องสามัญและสถาปนาเป็นสถาบันทางสังคม เราจะพึงสังเกตมันได้ควรพิจารณาอีกอย่างที่สำคัญนั่นคือเทคโนโลยีชีวภาพ(หรือเทคโนโลยีที่ก่อผลกระทบทางชีวภาพ)​
บริษัท/องค์กรที่ถือครองเทคโนโลยีเช่นว่า หากกำกับควบคุมเป็นไปตามมาตรฐานไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาวะอื่นใด เพียงว่าถ้าปฏิเสธอันตรายไปทั้งหมดเราจะขาดความตระหนักรู้ต่อชีวอำนาจไปทั้งยวง กรณี Umbrella (และ Chisso) กับเทคโนโลยีชีวภาพของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ทำตามมาตรฐานแต่ยังยิ่งปกปิดจนสุดตัวราวกับเรื่องชั่ว ๆ ถูกฉาบด้วยสีพาสเทลและสิ่งที่อันตรธานด้วยคือชีวอำนาจ อันที่จริง ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว แต่อำพรางสายตาสาธารณชน
ควรพิจารณาอีกทีด้วยว่า ชีวอำนาจผลิตสร้างความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่มุ่งตรงควบคุมร่างกายผ่านเทคโนโลยีชีวภาพ ส่วนการมีเทคโนโลยีชีวภาพในมือของบริษัทเหล่านี้เท่ากับมีชีวอำนาจอันคงอยู่บนเนื้อตัวร่างกายปัจเจกหรือบนสังคมใดสักสังคม
ฉะนั้น ขอเพียงมีเทคโนโลยีอยู่อย่างเดียว แม้ไม่ได้กำกับควบคุมใด ๆ หากแต่เทคโนโลยีเช่นว่าสำแดงนัยแห่งความเสี่ยงทางกายภาพหรือสังคมโดยรอบ ก็พอที่จะให้อำนาจคงอยู่เหนือร่างกายของใครได้หลายคน
ถ้าพูดแบบกำปั้นทุบดินด้วยเจตคติของปัจเจกบุคคลล้วน ๆ ลองสมมุติว่าทีโรงงานอุตสาหกรรมใกล้บ้านที่ใช้เทคโนโลยีทางเคมีภัณฑ์ ก็เพียงพอให้เราตื่นกังวลชีวอำนาจที่คงอยู่บนชุมชนเมืองอยู่เอง เวลาเราเห็นข่าวชาวบ้านรวมตัวกันประท้วงโรงงาน อย่าได้เพิ่งแปลกใจเกี่ยวกับความไม่อยากได้การจ้างงานในชุมชน เหตุผลของมันลึก ๆ คือต่อต้านเทคโนโลยีที่ภายในตัว มันมีชีวอำนาจที่คงอยู่เหนือสุขภาวะและระบบนิเวศ
ความจองหองในตัวมนุษย์ที่คิดว่าสามารถรับมือได้ทำให้เราล้ำเส้นสู่ความผิดพลาด อย่างเหตุการณ์เมืองแรคคูนนั้นก็เพราะความไม่ไว้ใจระหว่างคนในองค์กรเกิดอุบัติเหตุรั่วไหลเชื้อ T-Virus ลงสู่ท่อระบายน้ำ หรือเมืองมินามาตะที่ย่ามใจปลอยสารปรอท​ลงสู่แหล่งน้ำโดยไม่ใส่ใจชาวบ้านแม้แต่น้อย
หรือว่าเหตุการณ์ทำนองเดียวกันกับเหตุการณ์ก๊าซรั่วเมืองโภพาล เกิดขึ้นเพราะต้องการลดต้นทุนเครื่องผลิตหน่วย MIC เท่ากับลดระดับความปลอดภัยไม่รู้ตัว​ หรือเหตุการณ์เมืองเชอร์โนบิล สารตั้งต้นเกิดจากการออกแบบที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานผนวกกับความผิดพลาดจากการทดสอบระบบที่สนใจแต่ความก้าวหน้าทางตำแหน่งและภาพลักษณ์จนละเลยความปลอดภัย ความผิดพลาดเหล่านี้ปลายทางของมันมุ่งสู่หายนะที่ทิ้งโรคร้ายไว้บนเรือนร่างผู้คนอีกหลายชั่วอายุคน
แม้หายนะหลังเหตุการณ์ทำลายล้างเมืองแรคคูนสิ้นสุดลงไปพร้อมกับ Umbrella แต่ว่ากลับไม่หมดสิ้นอำนาจอีกขยักนึง มันคือชีวอำนาจที่'คงเหลือ'​จากภัยพิบัติ เช่น โรคภัยรูปแบบใหม่ เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ วิถีชีวิตใหม่ ผู้เขียนคงไม่สาธยายใด ๆ ว่าหลังจบ Resident Evil 3 เหตุการณ์อาวุธชีวภาพเป็นไปอย่างไร เลยขอสรุปเพียงว่า Umbrella ได้ทิ้งภัยคุกคามต่อมรดกชีวภาพชั่วอสงไขย
สรุป
ผู้เขียนนำแนวคิดชีวอำนาจมาทำความเข้าใจวิธีการของ Umbrella ใช้กำหนด ควบคุม จัดระเบียบในร่างกายอย่างไร แต่พบข้อจำกัดแนวคิดดังกล่าวต่อการอธิบายกรณีบริษัท Umbrella ตรงที่ Umbrella มิได้สร้างระเบียบวินัยพลเมืองจากชีววิทยาโดยตรงที่ลงในปัจเจก แต่พวกเขาเลือกควบคุมสังคมและการเมืองเป็นวงกว้างมากกว่า แม้ด้านการโฆษณาจะถูกใช้อยู่บ้าง แต่ในฐานะการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์/ผลิตภัณฑ์มากกว่าชวนเชื่อในผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้บริโภคใช้ตาม
ถึงกระนั้น ชีวอำนาจของ Umbrella มิอาจถูกปัดตกไปได้ ผู้เขียนพยายามผลิตคำอธิบายให้สอดคล้องกับกรณีและทฤษฎี ว่าด้วยอำนาจ/ชีวอำนาจที่คงอยู่บนเนื้อตัวร่างกายผู้คนในวงกว้าง ทว่าอำนาจนี้ไม่ปรากฏจากการกระทำที่เด่นชัด คงอยู่ในระดับที่มองข้ามจนเลือนลาง ซึ่งสังคมจะรับรู้ต่อเมื่อเกิดโศกนาฏกรรมไปแล้ว
มิติอำนาจคงเหลือเป็นผลสืบเนื่องจากอำนาจคงอยู่ เช่น โควิด-19 ที่เราอยู่ในยุคหลังโควิดแล้ว แต่โรคนี้ยังมีผลและดำรงอยู่ต่อไป อำนาจคงเหลืออธิบายว่า กลุ่มหรือองค์กรแม้ยุบสลายไปนานแล้วก็ตาม แต่อำนาจของพวกเขายังคงมีผลจนถึงยุคสมัยของเรา และไม่แตกต่างอะไรกับที่ Umbrella ทิ้งไว้ให้โลกเผชิญกับโรค
อ้างอิง
Ádám Takács
Chapter 1
Biopolitics and Biopower: The Foucauldian
Approach and Its Contemporary Relevance
กราฟิก: confleckz
เขียน: เบอร์ตองไรท์เตอร์
โฆษณา