24 ก.พ. เวลา 05:02 • การเมือง

ท่าทีและความคาดหวังระยะยาวของมหาอำนาจอย่างอเมริกา ต่อจินตนาการ MAGA ของ Trump

การเปรียบเทียบกับ Sino-Soviet Split และแนวทางฉวยโอกาส รวมถึงการครอบงำทรัพยากรยูเครน
ในประวัติศาสตร์การเมืองโลก ท่าทีของผู้นำแต่ละคนสะท้อนถึงทั้งวิสัยทัศน์ส่วนตัวและบริบทยุคสมัย Donald Trump ด้วยแนวคิด "Make America Great Again" (MAGA) ได้นำเสนอภาพฝันของอเมริกาที่แข็งแกร่ง เป็นอิสระ และครองอำนาจโลกโดยไม่พึ่งพาคู่แข่งหรือพันธมิตร ท่าทีของเขาในช่วงที่รัสเซียอ่อนแอจากสงครามยูเครนและการคว่ำบาตรถูกมองว่าเป็นการฉวยโอกาสมากกว่าการวางยุทธศาสตร์ระยะยาว ซึ่งแตกต่างจากยุทธศาสตร์ Sino-Soviet Split ของ Richard Nixon
บทความนี้จะวิเคราะห์ความคาดหวังระยะยาวของอเมริกา ในฐานะมหาอำนาจต่อจินตนาการของ Trump เปรียบเทียบกับแนวทางของ Nixon และเน้นย้ำการฉวยโอกาสของอเมริกา ในการเข้าไปมีอิทธิพลเหนือยูเครนเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากร หลังจากการทำให้ยูเครนเป็นกลาง ก่อนที่จีนและยุโรปจะทันตั้งตัว
จินตนาการ MAGA ของ Trump ภาพฝันแห่งความยิ่งใหญ่ในอดีต
MAGA ของ Trump ไม่ได้ยึดโยงกับช่วงเวลาใดอย่างเจาะจง แต่ผสมผสานภาพจำจากทศวรรษ 1950-1960 ที่อเมริกา เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมและทหาร กับทศวรรษ 1980 ที่เน้นความมั่งคั่งส่วนบุคคลและความฝันแบบอเมริกัน เขามองว่าอเมริกาที่ยิ่งใหญ่คือชาติที่พึ่งพาตัวเองได้ ไม่สูญเสียงานให้ต่างชาติ และมีอำนาจเหนือคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย
ท่าทีของเขาจึงเน้นการลดการพัวพันในต่างแดน (Isolationism) และการปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกา (Protectionism) เช่น การผลักดันกำแพงชายแดนเม็กซิโก การกีดกันการค้ากับจีน และการเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติสงครามยูเครน
อย่างไรก็ตาม จินตนาการนี้ขาดความชัดเจนในเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาว และดูเหมือนเป็นการดึงดูดอารมณ์มากกว่าแผน ที่รอบคอบ
ความคาดหวังระยะยาวของอเมริกา ความสมดุลระหว่างอิทธิพลและผลประโยชน์
ในฐานะมหาอำนาจ อเมริกามีความคาดหวังระยะยาวในการรักษาอิทธิพลในระเบียบโลก สนับสนุนพันธมิตร (เช่น NATO) และจำกัดการขยายตัวของจีนและรัสเซีย สงครามยูเครนเป็นตัวอย่าง โดยอเมริกาต้องการให้ยูเครนเป็นกำแพงยุทธศาสตร์ต่อต้านรัสเซียและรักษาความน่าเชื่อถือของระเบียบโลกที่นำโดยตะวันตก ทว่าท่าทีของ Trump เร่งเร้าจนเสี่ยงที่จะทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมายนี้
เขาเสนอการเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติสงคราม โดยอาจยอมให้รัสเซียครองดินแดนบางส่วน (เช่น ไครเมีย, ดอนบาส) และบังคับให้ยูเครนเป็น "รัฐเป็นกลาง" ซึ่งสอดคล้องกับ America First ที่ต้องการลดภาระของอเมริกา (เช่น การช่วยเหลือยูเครนกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์) แต่การให้รางวัลรัสเซียในช่วงที่รัสเซียไม่ต้องการบทบาทของอเมริกาอาจนำไปสู่ความร่วมมือกับจีนที่ใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งไม่ตอบโจทย์ความมั่นคงถาวรของอเมริกา
Sino-Soviet Split ของ Nixon การวางยุทธศาสตร์ที่รอบคอบ
ในทศวรรษ 1970 Nixon ใช้การทูตสามเส้าเพื่อแยกจีนออกจากสหภาพโซเวียต ด้วยการเยือนจีนในปี 1972 ซึ่งเป็นผลจากการวางแผนอย่างเป็นระบบโดยเขาและ Henry Kissinger บริบทขณะนั้นเอื้ออำนวย จีนและโซเวียตแตกหักกันจาก Sino-Soviet Split (ปลายทศวรรษ 1950s) และจีนต้องการพันธมิตรใหม่เพื่อต่อต้านโซเวียต
กลยุทธ์นี้สำเร็จเพราะตอบโจทย์การถ่วงดุลอำนาจ (ทำให้โซเวียตอ่อนแอ) และการสร้างพันธมิตรระยะยาว (จีน) ซึ่งช่วยให้อเมริกา รักษาความเป็นผู้นำในสงครามเย็น Nixon มองการณ์ไกลและประสานงานอย่างรอบคอบ ทำให้การแยกจีน-โซเวียตเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจโลกอย่างถาวร
แนวทางของ Trump การฉวยโอกาสในช่วงที่รัสเซียอ่อนแอ
ท่าทีของ Trump ต่อรัสเซียในช่วงสงครามยูเครน (ถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2025) บ่งบอกถึงแนวทางที่ต่างจาก Nixon เขามองว่ารัสเซียอ่อนแอจากการคว่ำบาตรและความสูญเสียในสงคราม จึงเป็นโอกาสที่อเมริกาเข้าไปเจรจาเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น
- หยุดสงครามเพื่อลดภาระ การยุติความขัดแย้งช่วยประหยัดทรัพยากรของอเมริกา และสร้างภาพลักษณ์ของ Trump ในฐานะ "นักเจรจา"
- ควบคุมการเข้าถึงรัสเซีย การเป็น "ตัวกลาง" ในการเจรจาทำให้ยุโรป (ที่ต้องการความมั่นคง) และจีน (ที่ได้ประโยชน์จากพลังงานรัสเซีย) ต้องดูท่าทีของอเมริกาก่อนติดต่อกับรัสเซีย
- ชัยชนะส่วนตัว การทำ "ดีล" กับ Putin ตอบโจทย์การยกย่องตัวเองในฐานะผู้นำที่เด็ดขาด
Trump อาจฉวยโอกาสจากความอ่อนแอของรัสเซียเพื่อเข้าไปมีอิทธิพลเหนือยูเครนหลังสงคราม โดยเฉพาะเมื่อยูเครนถูกทำให้เป็น "รัฐเป็นกลาง" ซึ่งปิดโอกาสการเข้าเป็นสมาชิก NATO หรือ EU ในระยะสั้น อเมริกาภายใต้ Trump สามารถใช้โอกาสนี้ครอบงำทรัพยากรอันมหาศาลของยูเครนเช่น ดินแดนเกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ (ตะกร้าขนมปังของยุโรป), แร่ธาตุหายาก (เช่น ลิเธียม, ไทเทเนียม) และอุตสาหกรรมหนัก ก่อนที่จีนและยุโรปจะทันตั้งตัว
การลงทุนของบริษัทอเมริกันในยูเครนหลังสงคราม หรือการเจรจาข้อตกลงพิเศษด้านพลังงานและอาหาร อาจเป็นเครื่องมือที่ Trump ใช้เพื่อให้อเมริกา ได้เปรียบทางเศรษฐกิจ โดยที่ยุโรปยังจมอยู่กับการฟื้นฟู และจีนถูกตัดออกจากการเข้าถึงทรัพยากรเหล่านี้โดยตรง
แนวทางนี้ขาดความรอบคอบเชิงยุทธศาสตร์เมื่อเทียบกับ Nixon ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียในปัจจุบันไม่ใช่ "พันธมิตรที่ต้องแยก" เหมือนจีน-โซเวียต จีนไม่ได้พึ่งพารัสเซียมาก และยังคงเป็นกลางในยูเครน การที่ Trump เข้าหารัสเซียและยูเครนจึงไม่น่าจะมุ่งแยกจีน-รัสเซีย แต่เป็นการฉวยโอกาสเพื่อผลประโยชน์ของอเมริกาเท่านั้น
ความแตกต่างและผลกระทบต่อจีน-ยุโรป
- Nixon มุ่งแยกจีน-โซเวียตเพื่อถ่วงดุลโลก มีการวางแผนที่เป็นระบบ และใช้ประโยชน์จากรอยร้าวที่ชัดเจน
- Trump เน้นเจรจาแบบฉับพลันกับรัสเซียและครอบงำยูเครนเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ขาดการประสานงาน และไม่สนใจการแยกจีน-รัสเซียที่ไม่มีรอยร้าวสำคัญ
ผลกระทบจากแนวทางของ Trump
- ยุโรป เสียโอกาสกำหนดทิศทางสงครามยูเครน และอาจถูกตัดออกจากการเข้าถึงทรัพยากรยูเครนในระยะแรก ต้องพึ่งพาข้อตกลงที่อเมริกาเจรจา ซึ่งไม่ตอบโจทย์ความมั่นคงของ NATO
- จีน หากอเมริกาควบคุมการเข้าถึงรัสเซียและยูเครนได้ก่อน จีนอาจเสียโอกาสในพลังงานรัสเซียและทรัพยากรยูเครน (เช่น ธัญพืช, แร่ธาตุ) และต้องปรับนโยบายตามหลัง ซึ่งอาจทำให้ระวังตัวมากขึ้นในการแข่งขันกับอเมริกา และผลักดันให้ใกล้ชิดกับรัสเซียมากขึ้น
ความท้าทายต่อระเบียบโลกและการฉวยโอกาสเหนือยูเครน
ท่าทีของ Trump ในจินตนาการ MAGA อาจนำมาซึ่งผลประโยชน์ระยะสั้น เช่น การหยุดสงครามยูเครน ลดภาระของอเมริกา และการครอบงำทรัพยากรยูเครนก่อนคู่แข่ง แต่ขาดวิสัยทัศน์ระยะยาวที่อเมริกาในฐานะมหาอำนาจต้องการ แตกต่างจาก Nixon ที่เปลี่ยนโครงสร้างอำนาจโลก
Trump ฉวยโอกาสจากความอ่อนแอของรัสเซียเพื่อให้อเมริกา เป็นศูนย์กลางการเจรจา และใช้ยูเครนเป็นแหล่งทรัพยากรที่เอื้อประโยชน์แก่อเมริกา โดยบังคับให้จีนและยุโรปตามหลัง การเคลื่อนไหวนี้ อาจสร้าง "ชัยชนะชั่วคราว" แต่เสี่ยงต่อการล้มเหลว ผลักดันให้รัสเซียและจีนใกล้กันกว่าเดิม และพันธมิตรของอเมริกาสูญเสียความเชื่อมั่นในระยะยาว
โฆษณา