24 ก.พ. เวลา 09:28 • คริปโทเคอร์เรนซี

แฮกเกอร์ขโมยเงินคริปโต 1.5 พันล้านดอลลาร์ – การปล้นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ในเหตุการณ์โจรกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการคริปโตเคอเรนซี กลุ่มแฮกเกอร์สามารถขโมยเงินดิจิทัลมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์จากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่มีชื่อเสียง การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นจากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของระบบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ใช้และทำการโอนเงินออกไปได้โดยไม่ถูกตรวจจับในช่วงแรก
นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยเชื่อว่าการโจรกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นโดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า "Exploit Smart Contract" ซึ่งเป็นการเจาะระบบสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เพื่อดึงเงินออกจากแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ แฮกเกอร์ยังใช้วิธี "Bridge Attack" ซึ่งเป็นการโจมตีช่องโหว่ของระบบเชื่อมต่อระหว่างบล็อกเชนเพื่อเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ดิจิทัลข้ามเครือข่ายโดยไม่มีการตรวจสอบที่เพียงพอ
ในขณะที่การสืบสวนยังคงดำเนินต่อไป นักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เชื่อว่าการโจมตีอาจมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือที่รู้จักกันในชื่อ "Lazarus Group" ซึ่งเคยก่อเหตุโจรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์มาแล้วในอดีต อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่ากลุ่มนี้เป็นผู้ลงมือในเหตุการณ์ครั้งนี้
หลังจากข่าวการโจรกรรมถูกเปิดเผย ราคาของสกุลเงินดิจิทัลหลายตัว เช่น Bitcoin และ Ethereum ลดลงอย่างรวดเร็ว นักลงทุนเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน และมีการเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลเพิ่มมาตรการคุ้มครองนักลงทุนให้เข้มงวดขึ้น
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลเพิ่มการตรวจสอบระบบความปลอดภัย ใช้โครงสร้างแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance – DeFi) เพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มระบบยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication – MFA) เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงบัญชีของผู้ใช้ได้ง่าย
การปล้นเงินคริปโตครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อวงการคริปโตเคอเรนซี และเป็นสัญญาณเตือนให้ทั้งแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและนักลงทุนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ขณะที่การสืบสวนยังคงดำเนินต่อไป นักวิเคราะห์คาดว่าเหตุการณ์นี้อาจกระตุ้นให้มีการออกกฎหมายควบคุมคริปโตที่เข้มงวดขึ้นในอนาคต
Reference:
โฆษณา