25 ก.พ. เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุป 5 ขั้นตอน หาหุ้นดีเข้าพอร์ต จากชีวิตประจำวัน ด้วยกลยุทธ์เลือกหุ้น ที่ง่ายที่สุดในโลก

เอกสารยาวหลายหน้า อันเต็มไปด้วยศัพท์เกี่ยวกับการเงินและธุรกิจ ที่ทั้งชีวิตนี้เราไม่เคยเจอมาก่อน และตัวเลขทางการเงินอันแสนซับซ้อน
คือสิ่งแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง ในการจะใช้เฟ้นหาหุ้นดี ๆ สักตัวมาเข้าพอร์ตการลงทุน สำหรับสร้างความมั่งคั่งให้แก่เราในอนาคต
แต่รู้หรือไม่ว่าที่จริงแล้ว หุ้นดีหลากหลาย กลับอยู่ให้เราเห็นแบบตำตาในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในร้านสะดวกซื้อ หรือห้างสรรพสินค้าที่เราชอบเดิน
ซึ่งคุณ Edward W. Ryan ผู้เขียนหนังสือ The World’s Simplest Stock Picking Strategy หรือในชื่อไทยคือ “กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ง่ายที่สุดในโลก” ก็ได้มองเห็นสิ่งนี้เช่นกัน
เขาจึงได้คิดค้นกลยุทธ์การเลือกหุ้นแบบที่เข้าใจได้ง่ายที่สุด สำหรับใช้ในการเฟ้นหาหุ้นดี จากชีวิตประจำวัน เพื่อจะได้ลงทุนสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง
แล้วขั้นตอนเหล่านั้น มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ปกติแล้วทั้งตัวคุณ Ryan เอง ซึ่งทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการเงินอยู่ในบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของโลก และนักวิเคราะห์ รวมถึงเทรดเดอร์ต่าง ๆ ในที่ทำงาน
มักจะพยายามงมหาหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าตลาด ด้วยวิธีการสุดแสนซับซ้อน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูง ๆ
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การลงทุนกับบริษัทในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นธุรกิจแข็งแกร่งที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว และเขาก็เห็นอยู่ตำตาในทุกวัน
กลับสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน แต่ใช้ความพยายามน้อยกว่ามาก
เขาจึงได้ปรับกลยุทธ์การลงทุนของตัวเองใหม่ จนออกมาเป็นสิ่งที่เขาเรียกว่า “กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ง่ายที่สุดในโลก” เพื่อให้ตัวเองไม่พลาดโอกาสในการลงทุนกับบริษัทดี ๆ ในชีวิตประจำวันเหล่านี้อีก
โดยกลยุทธ์เลือกหุ้นที่ง่ายที่สุดในโลก ประกอบไปด้วย 5 ขั้นตอน
1. สร้างรายการกิจกรรมในชีวิต
โดยให้เราสำรวจดูว่าในกิจวัตรประจำวันของเรานั้น เราได้ใช้สินค้าหรือบริการของบริษัทอะไรบ้าง
จากนั้นก็แบ่งกิจกรรมเหล่านั้นที่เราทำ ออกเป็น 5 ประเภท ตามความถี่ที่เราใช้สินค้าหรือบริการของบริษัทนั้น ๆ ได้แก่
- ใช้ทุกวัน ก็คือสินค้าหรือบริการที่เราซื้อหรือใช้เป็นประจำทุกวัน
- ใช้ประจำ ก็คือสินค้าหรือบริการที่เราอาจจะใช้อาทิตย์ละครั้ง หรือเดือนละครั้ง
- ใช้ไม่ประจำ ก็คือสินค้าหรือบริการที่เรายังต้องใช้ แต่กว่าจะใช้ก็ทิ้งช่วงนานมาก ๆ และไม่ต่อเนื่อง
- นาน ๆ ใช้ที ก็คือสินค้าหรือบริการที่เราเคยใช้ แต่ไม่คิดว่าจะต้องใช้เป็นประจำ หรือกว่าจะกลับไปใช้ทีก็นานมาก
- อยากได้แต่ยังไม่มี ก็คือสินค้าหรือบริการที่เราอยากใช้ หรืออยากมี แต่ยังไม่ได้ซื้อมาสักที
อย่างเช่น ตัวคุณ Ryan เอง จะมีสินค้าที่ใช้ทุกวันเป็น iPhone ที่มีเจ้าของเป็นบริษัท Apple พร้อมใช้ Word และ Excel ที่มีเจ้าของเป็นบริษัท Microsoft ทำงานทุกวัน
มีสินค้าที่ใช้ประจำ เป็นการเรียกรถไปสถานที่ต่าง ๆ ด้วยบริการของบริษัท Uber และอาหารที่ซื้อจากร้าน Trader Joe’s ที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น
มีสินค้าที่ใช้ไม่ประจำคือ เหล่าของปรับปรุงบ้านจากร้านของบริษัท Home Depot และมีสินค้าที่นาน ๆ ใช้ทีอย่างเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ที่ซื้อจากห้างค้าปลีกของบริษัท Target
พร้อมทั้งมีสินค้าที่อยากได้แต่ยังไม่มีอย่างรถ Tesla ที่เขาอยากจะซื้อมาขับ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เจ๋งมาก เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า เพียงแค่ในขั้นตอนแรกนี้ เราก็จะได้รายชื่อหุ้นเป็นจำนวนหนึ่งมาอยู่ในมือแล้ว
รวมถึงชื่อบริษัทที่ยังไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นด้วย ซึ่งคุณ Ryan นั้น แนะนำให้เราจดชื่อบริษัทเหล่านี้ไว้ด้วย เผื่อว่าในวันหนึ่งถ้าหากบริษัทนั้นจะเข้าตลาดหุ้น เราก็สามารถรอซื้อได้นั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนไปกับทุกบริษัทที่เข้ามาพัวพันในชีวิตเรา ย่อมไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เราจึงต้องมีการคัดกรองอีกในขั้นตอนต่อไป
2. จัดอันดับกิจกรรมในชีวิต
เพื่อให้ได้ลงทุนกับบริษัทที่มีความสำคัญกับเราที่สุด คุณ Ryan จึงคัดกรองรายชื่อหุ้นที่ได้มาจากขั้นตอนแรก ออกเป็นอีก 3 ประเภท หรือที่คุณ Ryan เรียกว่าถังสีเขียว สีเหลือง และสีน้ำเงิน
- ถังหุ้นสีเขียว
เป็นสินค้าหรือบริการที่เราใช้บ่อย ใช้แล้วชอบหรือมีประโยชน์มาก หาอย่างอื่นมาแทนไม่ได้ แถมอยากจะใช้ต่อไปเรื่อย ๆ และจะเสียดายมากถ้าไม่มีขายแล้ว
- ถังหุ้นสีเหลือง
เป็นสินค้าหรือบริการที่เราใช้เป็นประจำ ใช้แล้วชอบหรือมีประโยชน์มาก แถมอยากจะใช้ต่อไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าจะไม่มีขายแล้วก็สามารถหาอย่างอื่นมาใช้แทนได้
- ถังหุ้นสีน้ำเงิน
เป็นสินค้าหรือบริการที่เราใช้อยู่ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าชอบหรือมีประโยชน์มากขนาดนั้น สามารถหาอย่างอื่นมาใช้แทนได้โดยไม่รู้สึกเสียดาย
ส่วนสินค้าหรือบริการ ประเภทที่เราอยากได้แต่ยังไม่มี ก็ให้ใช้วิจารณญาณส่วนตัวว่า สินค้าหรือบริการเหล่านั้น จะสร้างประโยชน์ให้เราแค่ไหน และคิดว่ามีอะไรจะแทนได้หรือไม่ แล้วก็จัดลงถังแต่ละสีไป
อย่างไรก็ตาม บางบริษัทอาจมีบริการหลายอย่าง ที่เราให้ความสำคัญ หรือความชอบ แตกต่างกัน เช่น บริษัท Amazon ที่มีหลากหลายบริการ ทำให้หุ้นหนึ่งตัว อาจจะอยู่ได้มากกว่า 1 ถังได้
ซึ่งคุณ Ryan เองก็แนะนำว่า ถ้าหากเราไม่แน่ใจว่าจะอยู่ถังไหน ให้ใช้วิธีปัดลงเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย เช่น ถ้าอยู่ทั้งสีเขียวและสีเหลือง ให้ปัดลงเป็นสีเหลือง เป็นต้น
3. จัดอันดับหุ้นจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
หลังจากแยกบริษัทออกเป็นถังแต่ละสี ตามคุณค่าที่บริษัทนั้นมีต่อเราแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการจัดอันดับหุ้นในถังแต่ละสี ด้วยความถี่ที่เราใช้อีกทีหนึ่ง
โดยในแต่ละถังนั้นให้เรียงลำดับรายชื่อหุ้นตามความถี่ที่ใช้สินค้าหรือบริการดังนี้
- ใช้ทุกวัน
- ใช้ประจำ
- ใช้ไม่ประจำ
- อยากได้แต่ยังไม่มี
- นาน ๆ ใช้ที
จะเห็นได้ว่าคุณ Ryan ให้ความสำคัญกับหุ้นของสินค้าและบริการ ประเภทอยากได้แต่ยังไม่มี มากกว่าสินค้าและบริการที่นาน ๆ เราใช้ทีเสียอีก
นั่นก็เป็นเพราะว่าสินค้าที่นาน ๆ เราใช้ที มักจะไม่ได้อยู่ในความสนใจของเรา เหมือนกับสินค้าที่เราอยากได้มาก แต่ยังไม่มี ทำให้เรามีความเข้าใจหุ้นของสินค้าเหล่านั้นน้อยกว่า แม้จะเคยใช้มาแล้วก็ตาม
4. แบ่งเงินลงทุนหุ้นจากกิจกรรมในชีวิต
คุณ Ryan ได้แนะนำการจัดสัดส่วนของพอร์ตว่า ให้ลงทุนในหุ้นสีเขียวเป็นสัดส่วนประมาณ 85% และหุ้นสีเหลืองประมาณ 15%
โดยหุ้นสีเขียวนั้น สามารถลงทุนในสัดส่วนเท่า ๆ กันในแต่ละตัว หรืออาจจะลงทุนให้สัดส่วนมากน้อย ตามลำดับความสำคัญ ที่แบ่งไว้จากขั้นตอนที่ 3 ก็ได้เช่นกัน
 
5. บริหารพอร์ตหุ้นจากกิจกรรมในชีวิต
หลังจากได้พอร์ตการลงทุนหุ้นจากชีวิตประจำวันมาแล้ว ให้ทำการทบทวนรายการกิจกรรมในชีวิต ตาม 3 ขั้นตอนแรก ทุก ๆ 3 เดือน เพราะวิถีชีวิตของเราก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ทำให้สินค้าหรือบริการที่เคยสำคัญกับเราในวันนี้ อาจจะไม่ได้มีความสำคัญกับเราแล้วในวันหน้าก็เป็นได้
ซึ่งถ้าในระหว่างนี้หุ้นตัวไหนตกจากถังสีเขียว ไปอยู่ในถังสีเหลือง คุณ Ryan แนะนำว่าให้ขายออกไปเลยครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าหุ้นตัวไหนตกไปอยู่ในถังสีน้ำเงินแล้ว ให้ขายออกไปให้หมดทันที
ส่วนการปรับสัดส่วนของพอร์ตการลงทุนนั้น คุณ Ryan แนะนำว่า ถ้าหากมูลค่าหุ้นสีเหลืองเพิ่มขึ้นจนเกิน 15% ก็ให้ปรับสัดส่วนลง และไปเพิ่มให้กับหุ้นสีเขียว
แต่อย่าขายหุ้นสีเขียว เพื่อไปเพิ่มให้หุ้นสีเหลืองเด็ดขาด ถ้าหากเหล่าหุ้นสีเขียวยังทำกำไรให้เราได้ ก็ควรจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นต่อไป
จากทั้งหมดนี้เองจะเห็นได้ว่า ขั้นตอนการลงทุนด้วย กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ง่ายที่สุดในโลก แม้จะเรียบง่าย แต่ก็ดูเป็นระบบระเบียบ จนทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
โดยคุณ Ryan ก็ได้แนะนำวิธีบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติม อย่างเช่น รอเข้าซื้อช่วงที่ตลาดปรับตัว เพื่อให้ได้หุ้นราคาถูก, ซื้อกองทุนอิงดัชนีควบคู่กันไป และกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อช่วยลดความผันผวน
แต่ถึงอย่างนั้น การคัดแยกแต่ละบริษัทในขั้นตอนแรก ๆ เป็นการพึ่งพาวิจารณญาณของตัวเราเองมาก ๆ ทำให้เราต้องคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยไม่มีอคติ และรับรู้ข้อมูลรอบด้านจริง ๆ ก่อนตัดสินใจ
นอกจากนี้ เราก็ยังคงต้องเรียนรู้วิธีการอ่านงบการเงินเอาไว้ด้วย เพื่อตรวจสอบสถานะทางการเงิน และความเป็นไปของบริษัทควบคู่กัน
เพื่อให้พอร์ตการลงทุนที่เราได้จากชีวิตประจำวันนี้ ช่วยสร้างความมั่งคั่งให้กับเราได้อย่างแท้จริง..
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#กลยุทธ์เลือกหุ้น
Reference
- หนังสือ กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ง่ายที่สุดในโลก : The World’s Simplest Stock Picking Strategy (2021) โดย Edward W. Ryan
โฆษณา