เจาะลึก 6 สิ่งที่ควรดู ในงบการเงิน MIXUE เจ้าของร้านไอศกรีม-ชานม ชื่อดัง ที่จะเข้าตลาดหุ้นจีน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากการพบปะระหว่าง คุณสี จิ้นผิง และบรรดาผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังของจีน
ซึ่งเพิ่มความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน เพราะทำให้ราคาหุ้นกลุ่มทศเทพของจีน เช่น Alibaba และ Xiaomi เพิ่มขึ้นอย่างมาก
แต่อีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นข่าวดังของตลาดหุ้นจีนก็คือ บริษัท MIXUE GROUP เจ้าของแบรนด์ร้านไอศกรีม-ชานม ชื่อดังจากจีน ได้ยื่นไฟลิ่ง เพื่อเตรียมเข้าตลาดหุ้นฮ่องกง
MIXUE (อ่านว่า มี่เสวี่ย) เอง ก็นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ จากประเทศจีน ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนสามารถขยายสาขา ออกไปได้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย
และหากสงสัยว่า ผลประกอบการที่ผ่านมาของ MIXUE มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจประวัติของ MIXUE กันก่อนสักนิด
ย้อนกลับไปในปี 1997 คุณ Zhang Hongchao ผู้ก่อตั้ง MIXUE ได้เปิดร้านขายน้ำแข็งไสและเครื่องดื่ม ที่เป็นร้านแผงลอยเล็ก ๆ บริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองเจิ้งโจว
พอถึงปี 2007 ก็ได้มีการปรับโมเดลธุรกิจครั้งใหญ่ โดยเน้นการเติบโตผ่านการขายแฟรนไชส์ เริ่มจากขายภายในประเทศจีนก่อน และพอถึงปี 2018 ก็ขยายออกไปต่างประเทศ
นับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา หลังจากได้ใช้กลยุทธ์นี้ จำนวนสาขาของแบรนด์ MIXUE ก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก จนตอนนี้ทะลุ 45,000 สาขาไปแล้ว
จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2024 จำนวนสาขาของ MIXUE แบ่งได้ดังนี้
- ในประเทศจีน มากกว่า 40,000 สาขา
- และในอีก 11 ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม และไทย ประมาณ 4,800 สาขา
ทีนี้เรามาดูสิ่งที่น่าสนใจ ที่อยู่ในงบการเงินของ MIXUE กันบ้าง มีทั้งหมด 6 ข้อ
1. การเติบโตของรายได้และกำไร
โดยที่ผ่านมา MIXUE มีรายได้และกำไร เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ปี 2021 รายได้ 48,028 ล้านบาท กำไร 8,871 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 62,992 ล้านบาท กำไร 9,340 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 94,201 ล้านบาท กำไร 14,787 ล้านบาท
และล่าสุดคือ 9 เดือนแรกของปี 2024 MIXUE มีรายได้ 86,582 ล้านบาท กำไร 16,198 ล้านบาท
หากสังเกตดี ๆ จะพบว่า แค่กำไร 9 เดือนแรกของปี 2024 ก็มากกว่า กำไรของปี 2023 ทั้งปีแล้ว
แสดงให้เห็นว่า ในปี 2024 ความสามารถในการทำกำไรของ MIXUE มีการเร่งตัวขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งเหตุผลจะอธิบายอยู่ในข้อที่ 3
2. อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)
คือสิ่งที่จะบอกว่า บริษัทมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิตสินค้าดีแค่ไหน
ถ้าอัตรากำไรขั้นต้นสูงอย่างสม่ำเสมอ แสดงว่าบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี
คำนวณหาโดย
[(รายได้จากการขาย - ต้นทุนการขาย) / รายได้] x 100
ปี 2021 มี GPM เท่ากับ 31.34%
ปี 2022 มี GPM เท่ากับ 28.34%
ปี 2023 มี GPM เท่ากับ 29.55%
และล่าสุดคือ 9 เดือนแรกของปี 2024 มี GPM เท่ากับ 32.37%
3. อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)
ไว้ใช้ดูว่า เมื่อนำรายได้มาหักกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว จะเหลือเป็นกำไรกลับมาถึงมือเจ้าของบริษัท เป็นสัดส่วนมากน้อยแค่ไหน
คำนวณหาโดย
(กำไรสุทธิ / รายได้รวม) x 100
ปี 2021 มี NPM เท่ากับ 18.47%
ปี 2022 มี NPM เท่ากับ 14.83%
ปี 2023 มี NPM เท่ากับ 15.70%
และล่าสุดคือ 9 เดือนแรกของปี 2024 มี NPM เท่ากับ 18.71%
หากเราลองสังเกตให้ดี จะพบว่า ในปี 2022 และ 2023 ทาง MIXUE มี GPM และ NPM น้อยกว่าปี 2021 ซึ่งหมายความว่า ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดน้อยลง ซึ่งน่าจะเป็นผลกระทบจากการล็อกดาวน์รอบ 2 ด้วยส่วนหนึ่ง
แต่เมื่อมาดูที่ 9 เดือนแรกของปี 2024 ทั้ง GPM และ NPM ก็ฟื้นตัวกลับมา สูงกว่าในปี 2021 ไปแล้ว
ตรงนี้ก็พอจะพูดได้ว่า ความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ฟื้นตัวดีขึ้น ก็เลยส่งผลให้ กำไร 9 เดือนแรกของปี 2024 ของ MIXUE มีการเติบโตขึ้น เป็นอย่างมากนั่นเอง
4. วงจรเงินสด
วงจรเงินสด หรือ Cash Cycle จะใช้วิเคราะห์ว่า บริษัทมีสภาพคล่อง ในการหมุนเวียนของเงินสด ดีหรือไม่
คำนวณหาโดย
ระยะเวลาขายสินค้าเฉลี่ย + ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย - ระยะเวลาชำระคืนเจ้าหนี้การค้าเฉลี่ย
ถ้าบริษัทมีวงจรเงินสดสั้น ก็หมายความว่า มีสภาพคล่องที่ดีมาก เพราะทำธุรกิจแล้วได้เงินสดกลับเข้ามาบริษัทเร็ว
แต่ถ้าเกิดวงจรเงินสดยาวเกินไป ก็อาจจะส่งผลให้บริษัท เจอปัญหากับสภาพคล่องในอนาคตได้
โดย 3 ปีที่ผ่านมา MIXUE มีวงจรเงินสด สั้นลงเรื่อย ๆ
ปี 2021 มีวงจรเงินสด เท่ากับ 33 วัน
ปี 2022 มีวงจรเงินสด เท่ากับ 25 วัน
ปี 2023 มีวงจรเงินสด เท่ากับ 23 วัน
หากเราเจาะลึกไปที่งบการเงินของ MIXUE ให้ละเอียดขึ้น จะพบว่า ที่บริษัทมีวงจรเงินสดสั้นลง ก็เพราะว่า
- ระยะเวลาในการขายสินค้าของบริษัทสั้นลง จากการที่สินค้าของบริษัทขายดีขึ้น เพราะการหมุนเวียนของสินค้า มีจำนวนรอบมากขึ้น
- ระยะเวลาในการจ่ายคืนหนี้ของบริษัท เปลี่ยนแปลงน้อยมาก
- โมเดลธุรกิจของบริษัท คือการขายแฟรนไชส์ แบรนด์ MIXUE และขายวัตถุดิบให้กับลูกค้าที่ซื้อแฟรนไชส์ โดยลูกค้าจะต้องจ่ายเงินให้กับบริษัททันที
ทำให้วงจรเงินสดของบริษัทสั้นลงเรื่อย ๆ เพราะขายสินค้าออกได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งเก็บเงินจากลูกหนี้ ซึ่งเป็นเหล่าร้านค้าแฟรนไชส์ได้ทันทีโดยตลอด แต่ยังสามารถดึงเวลาจ่ายเงินกับ Supplier ต่าง ๆ ได้เหมือนเดิม
5. กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow)
กระแสเงินสดอิสระ หรือ Free Cash Flow ก็คือ เงินสดที่บริษัทเหลืออยู่ หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการลงทุนทำธุรกิจไปหมดแล้ว
เงินส่วนนี้ บริษัทสามารถนำไปจ่ายคืนหนี้เงินกู้ หรือจ่ายเงินปันผล หรือซื้อหุ้นคืน ก็ได้
ถ้ามีกระแสเงินสดอิสระเป็นบวกมาก ๆ ก็หมายความว่า บริษัทนี้เป็นเครื่องจักรผลิตเงินสด ให้กับเจ้าของบริษัท
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงาน - รายจ่ายเพื่อการลงทุน
ปี 2021 มีกระแสเงินสดอิสระ เท่ากับ 3,433 ล้านบาท
ปี 2022 มีกระแสเงินสดอิสระ เท่ากับ 5,431 ล้านบาท
ปี 2023 มีกระแสเงินสดอิสระ เท่ากับ 9,758 ล้านบาท
6. CFROI
และสุดท้าย เราจะวิเคราะห์ MIXUE ด้วย Cash Flow Return on Investment หรือ CFROI
CFROI คือสิ่งที่จะช่วยบอกเราว่า ในการลงทุนทำธุรกิจของบริษัทนั้น สามารถสร้างเป็นกระแสเงินสดจริง ๆ กลับมา ได้คุ้มค่าหรือไม่
ถ้ามากกว่า 15% ขึ้นไป ก็ถือว่าคุ้มค่า
แต่ถ้าน้อยกว่า 15% ก็ดูจะยังไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก
คำนวณหาโดย
(เงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน / เงินลงทุนในธุรกิจ) x 100%
และสำหรับเงินลงทุนในธุรกิจ หรือ Invested Capital จะคำนวณหาโดย
Invested Capital = ส่วนของผู้ถือหุ้น + หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย - เงินสดและสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด
พอเรารู้วิธีแล้ว เราก็จะคำนวณหา CFROI ของ MIXUE ออกมาได้
ปี 2021 CFROI เท่ากับ 87.99%
ปี 2022 CFROI เท่ากับ 83.45%
ปี 2023 CFROI เท่ากับ 86.99%
สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทมี CFROI สูงมากขนาดนี้ ก็เป็นเพราะว่า บริษัทมีหนี้สินประเภทเงินกู้ยืมน้อยมาก แต่กลับมีเงินสดและสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด ซ่อนอยู่เยอะมาก
ตรงนี้ก็เลยทำให้ เงินลงทุนในธุรกิจ ที่คำนวณออกมา ไม่สูงมากเท่าไรนัก
หรือจะให้แปลความหมายเพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ธุรกิจของ MIXUE จริง ๆ แล้ว สามารถเติบโตได้ ด้วยการใช้เงินลงทุนไม่มาก แต่สามารถทำผลตอบแทนในรูปของกระแสเงินสดกลับมา ได้สูงมากนั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจกันดีขึ้นแล้วว่า ผลประกอบการที่ผ่านมาของ MIXUE มีอะไรน่าสนใจบ้าง
อย่างไรก็ตาม การดูแค่งบการเงินเพียงอย่างเดียว ก็ยังถือว่า กระบวนการวิเคราะห์การลงทุนของเรา ยังไม่สมบูรณ์ดีนัก
เพราะผลประกอบการที่เราเห็น คือสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ซึ่งไม่ได้การันตีว่า ในอนาคตบริษัทยังจะทำได้ดีแบบนี้ต่อไป
ดังนั้น นอกจากวิเคราะห์งบการเงินแล้ว เราก็ต้องอย่าลืมวิเคราะห์ด้านคุณภาพการเติบโต และความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางธุรกิจของบริษัท ต่อจากนี้ด้วย
เพราะหากเราลองหมั่นสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว อยู่เสมอ เราก็น่าจะพบความจริงว่า สิ่งต่าง ๆ มักจะผ่านเข้ามา และเปลี่ยนแปลงไป อย่างรวดเร็ว
ร้านชื่อดังที่เคยมีคนต่อคิวเข้ากันอย่างล้นหลาม เคยได้รับคะแนนรีวิว แบบถล่มทลาย
มาวันนี้ หลายร้านเอง ก็ได้เจอกับคู่แข่งหน้าใหม่ ๆ ที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกัน เข้ามาแย่งลูกค้าไป
จากร้านดังที่เคยขายดี ก็ได้เจอกับบรรยากาศที่เงียบเหงา และเริ่มมีการทยอยปิดบางสาขาลง
หากเรามองแต่ผลประกอบการที่ผ่านไปแล้ว ก็จะทำให้เรา ลืมมองสิ่งที่สำคัญบางอย่างไป
เพราะหลายครั้ง พื้นฐานของธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ยังไม่ได้สะท้อนออกมาในงบการเงิน ทว่าเราก็สามารถรู้ก่อนได้ ผ่านการสังเกตสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเราเอง
ซึ่งกรณีของ MIXUE ก็ไม่ต่างกัน เราก็คงจะต้องติดตามดูกันต่อไปว่า การเติบโตและการแข่งขันในธุรกิจขนมหวาน ที่ดุเดือดนี้ จะมีผู้ชนะที่แท้จริง อยู่หรือไม่..
#ลงทุน
#หุ้นจีน
#MIXUE
- 63
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
