เมื่อวาน เวลา 14:40 • ธุรกิจ

ศึกภาษีสหรัฐ-จีน เมื่อช้างชนกัน ใครจะเจ็บกว่ากัน?

ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 10% และจีนตอบโต้กลับทันทีด้วยการเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ 15% ความตึงเครียดนี้อาจลุกลามกลายเป็นสงครามเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ และส่งผลกระทบต่อทั้งสองประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลก
ทำไมจีนไม่ยอมเหมือนแคนาดาและเม็กซิโก?
• แคนาดาและเม็กซิโกเลือกใช้แนวทางเจรจาและยอมตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ
• จีนเลือกตอบโต้ทันที ไม่รอให้มีการตกลง
• การดำเนินนโยบายแบบ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ของจีน สะท้อนถึงแนวทางของรัฐบาลสีจิ้นผิง ที่ต้องการรักษาผลประโยชน์ของประเทศให้ได้มากที่สุด
มาตรการตอบโต้ของจีน
• ขึ้นภาษีนำเข้า 15% สำหรับสินค้าสำคัญ เช่น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติเหลว
• ขึ้นภาษี 10% สำหรับน้ำมันดิบ เครื่องจักรกลเกษตร และรถยนต์บางประเภท
• เปิดการสอบสวนบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐ เช่น Google
• ควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเทคโนโลยีระดับสูง
สหรัฐฯ จะตอบโต้กลับอย่างไร?
• ทรัมป์เคยประกาศว่าเขาต้องการขึ้นภาษีจีนให้สูงถึง 60%
• อาจมีมาตรการกีดกันเพิ่มเติม เช่น การจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี หรือการแทรกแซงในตลาดโลก
ใครจะเจ็บหนักกว่ากัน?
• นักวิเคราะห์มองว่าทั้งสองฝ่ายได้รับผลกระทบ แต่สหรัฐฯ อาจเจ็บหนักกว่าหากสงครามภาษียืดเยื้อ
• จีนสามารถหันไปนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่น เช่น รัสเซีย บราซิล และตะวันออกกลาง
• ผู้บริโภคอเมริกันอาจเผชิญกับราคาสินค้าที่สูงขึ้น เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ไม่สามารถหาทดแทนซัพพลายจากจีนได้ทันที
โอกาสและความท้าทายของไทย
• ไทยอาจได้รับประโยชน์จากการที่จีนกระจายฐานการผลิตมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
• การส่งออกของไทยอาจได้รับผลกระทบ หากเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ ชะลอตัว
• ไทยต้องเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก
ศึกภาษีครั้งนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อระหว่างสองมหาอำนาจ โลกกำลังจับตามองว่าสงครามการค้าระลอกใหม่นี้จะเดินไปในทิศทางไหน และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไรต่อไป
ขอขอบคุณ The Money Chat ที่โพส content ดี ๆ และ DALL E
ถ้ามีอะไรผิดพลาดสามารถให้คำแนะนำได้ และ ขอบคุณที่ติดตามครับ
โฆษณา