25 ก.พ. เวลา 14:53 • บันเทิง

"ดอมบรา" เรื่องดนตรีอันเป็นอัตลักษณ์ของชาวคาซัค

ดอมบรา (Dombra) ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่มีความสำคัญที่สุดในวัฒนธรรมของชาวคาซัค และเป็นสัญลักษณ์แห่งอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของชนชาติที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคเอเชียกลางมานานนับพันปี ดอมบราไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องดนตรีสำหรับบรรเลงบทเพลง แต่ยังเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต ความเชื่อ และค่านิยมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นในสังคมคาซัค
เสียงของดอมบราได้รับการยกย่องว่าเป็น "เสียงของทุ่งหญ้าสเตปป์" ที่สะท้อนถึงความกว้างใหญ่ของธรรมชาติ ความเป็นอิสระเสรี และความภาคภูมิใจในรากเหง้าของชาวคาซัค
ดอมบราเป็นเครื่องสายที่มีลักษณะเฉพาะ โดยรูปลักษณ์ภายนอกของมันสะท้อนถึงความเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ตัวเครื่องทำจากไม้ทั้งชิ้น โดยใช้ไม้เนื้อแข็งเพื่อให้ได้เสียงที่กังวานและคมชัด ลักษณะภายนอกของเครื่องดนตรีนี้มีรูปร่างคล้ายลูกแพร์ยาวหรือหยดน้ำ โดยมีคอที่ยาวและบาง ทำให้เหมาะสมสำหรับการจับและดีดสาย
ลักษณะเด่นอีกอย่างของดอมบราก็คือการมีเพียงสองสาย ซึ่งในอดีตมักทำจากลำไส้สัตว์หรือเส้นใยธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันได้พัฒนาไปใช้วัสดุสังเคราะห์อย่างไนลอนหรือโลหะ สายทั้งสองถูกตั้งเสียงในลักษณะที่ให้เสียงเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง การดีดดอมบราใช้การดีดด้วยนิ้วมือแทนการใช้ปิ๊ก ทำให้เสียงที่ได้มีความนุ่มนวลและสามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่ความสุข ความเศร้า ไปจนถึงความภาคภูมิใจ
ดอมบราไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องดนตรี แต่ยังมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวคาซัค ซึ่งเป็นชนชาติเร่ร่อนที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับธรรมชาติและการเดินทาง เครื่องดนตรีชนิดนี้ถูกใช้เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเรื่องราวของบรรพบุรุษ รวมถึงประวัติศาสตร์ การผจญภัย และตำนานโบราณของชาวคาซัค เสียงของดอมบราจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพและจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ของชาวคาซัค โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศเผชิญกับการถูกรุกรานหรือกดขี่จากมหาอำนาจภายนอก
เสียงดอมบราเป็นเครื่องเตือนใจถึงรากเหง้าและเอกลักษณ์ของชาติ เป็นการแสดงออกถึงความมั่นคงในวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของชาวคาซัคที่ยังคงยืนหยัดตลอดกาล
บทเพลงที่ถูกบรรเลงด้วยดอมบรามักจะไม่มีเนื้อร้อง แต่จะเน้นการถ่ายทอดอารมณ์และเรื่องเล่าผ่านเสียงเพลง บทเพลงเหล่านี้เรียกว่า "Kuy" ซึ่งเป็นดนตรีบรรเลงเดี่ยวที่มีจังหวะและท่วงทำนองเฉพาะตัว เพลง Kuy ไม่ได้เป็นเพียงแค่ดนตรีเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ ความทรงจำ และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง
เพลงเหล่านี้อาจบรรยายถึงตำนานวีรบุรุษของชาวคาซัค ความงดงามของธรรมชาติ หรือแฝงด้วยความโศกเศร้าและการสูญเสียที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศต้องเผชิญกับความยากลำบาก
ในสังคมคาซัค ดอมบราไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในแวดวงดนตรีเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันและพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยงเฉลิมฉลอง และพิธีกรรมทางศาสนา การเล่นดอมบราในงานเหล่านี้เป็นการแสดงออกถึงความเคารพต่อประเพณีและวัฒนธรรมของชาวคาซัค
นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดศิลปะการเล่นดอมบราผ่านครอบครัวและโรงเรียนศิลปะในคาซัคสถาน โดยมีนักดนตรีหรือกวีที่เรียกว่า "Aqyn" ซึ่งทำหน้าที่บรรเลงดนตรีและเล่าเรื่องราวแบบสด ๆ ผ่านบทเพลง ซึ่งบทเพลงเหล่านี้ไม่เพียงเป็นสื่อบันเทิง แต่ยังสะท้อนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ทางสังคมและการเมืองในยุคสมัยนั้น
รัฐบาลคาซัคสถานได้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และส่งเสริมดอมบราอย่างจริงจัง โดยมีการจัดตั้งสถาบันดนตรีพื้นบ้าน การจัดเทศกาลดอมบรา และบรรจุเครื่องดนตรีนี้ไว้ในหลักสูตรการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนดอมบราเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของเครื่องดนตรีชนิดนี้ในระดับโลก และช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงความงดงามของดอมบราต่อสาธารณชนในระดับนานาชาติ
แม้โลกจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดอมบราก็ยังคงรักษาความสำคัญและเอกลักษณ์ของตัวเองได้อย่างมั่นคง ศิลปินรุ่นใหม่ในคาซัคสถานพยายามผสมผสานเสียงของดอมบรากับดนตรีสมัยใหม่ เช่น เพลงร็อก ฮิปฮอป และดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทำให้เครื่องดนตรีชนิดนี้ได้รับความนิยมในกลุ่มเยาวชนมากขึ้นและยังช่วยขยายอิทธิพลของดอมบราให้แพร่หลายออกไปในระดับสากล
ดอมบราไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องดนตรีเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณและความภาคภูมิใจในชาติของชาวคาซัค เสียงของมันเป็นการเชื่อมโยงระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งความทรงจำ ประวัติศาสตร์ และอารมณ์ของชนชาติที่มีความผูกพันกับธรรมชาติและวิถีชีวิตเร่ร่อน การอนุรักษ์และสืบสานการเล่นดอมบราไม่เพียงแต่เป็นการรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองจิตวิญญาณของชาวคาซัคที่ยังคงดำรงอยู่ตราบจนทุกวันนี้
ดอมบราจึงไม่ได้เป็นแค่เสียงเพลง แต่เป็นเสียงของแผ่นดิน ประวัติศาสตร์ และความภาคภูมิใจที่ไม่มีวันเลือนหายของชาวคาซัค
โฆษณา