18 มี.ค. เวลา 14:00 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา

มาครงตบหน้าทรัมป์ มาดูกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับสหรัฐฯ และยุโรปในอนาคต?

เหมือนยุโรปถูกไบเดนหลอก และตอนนี้ทำได้แค่กล้ำกลืนความโกรธลงไปเท่านั้น เช่นกัน...มาครงยังคงไม่เข้าใจว่าคนอเมริกันกำลังพยายามทำแบบเดิมกับเขา
และเขาคิดว่าเขาสามารถพูดในนามของยุโรปได้
1
สหรัฐฯ เข้าใกล้รัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ ในมุกของประเด็นรัสเซีย-ยูเครนในช่วงหลังๆ นี้
1
เขายืนเคียงข้างรัสเซียและเกาหลีเหนือ ในข้อเสนอต่อต้านยูเครนระหว่างการลงมติของสหประชาชาติ มันสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก
งานนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง จึงเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันเพื่อพบกับโดนัลด์ ทรัมป์ ในทันที.
และพยายามโน้มน้าวทรัมป์ให้เห็นด้วยกับจุดยืนของยุโรปในประเด็นรัสเซีย-ยูเครน
1
เมื่อทั้งสองฝ่ายพูดคุยถึงความช่วยเหลือต่อยูเครน ทรัมป์บ่นกับสื่อที่ปรากฏตัวต่อหน้ามาครงว่าสหรัฐฯ ใช้เงินช่วยเหลือยูเครนไปถึง 350,000 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ยุโรปให้ความช่วยเหลือเพียง 100,000 ล้านดอลลาร์
1
เขายังกล่าวอีกว่าความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของยุโรปที่มอบให้ยูเครนในรูปแบบของเงินกู้ "และพวกเขาสามารถรับเงินคืนได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย"
ซึ่งคำพูดนี้..ในตอนนี้ได้ถูกหักล้างโดยมาครงและกลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลก
1
ในงานแถลงข่าวหลังการประชุมที่ทำเนียบขาว ทรัมป์กล่าวถึงความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ต่อยูเครนเป็นอันดับแรก โดยกล่าวว่า
2
“เราใช้เงินกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ให้กับยูเครน แต่ยุโรปจ่ายไปเพียง 1 แสนล้านดอลลาร์ และเงินของพวกเขา (ยุโรป) เป็นแค่เงินกู้ และพวกเขาจะได้เงินคืน
ส่วนเงินของเรา(สหรัฐ)ให้โดยตรง และไม่มีใครพูดถึงการได้เงินคืน”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ มาครงก็คว้าแขนทรัมป์หมับเข้าให้ และพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่ประชดประชันเล็กน้อยว่า
“ไม่ใช่แบบนั้น โดนัลด์ เรา (ยุโรป) จะไม่ได้เงินคืนจากการใช้จ่าย เราจ่ายไปแล้ว 60% ของยอดรวม รวมทั้งเงินช่วยเหลือและเงินช่วยเหลือโดยตรง ซึ่งไม่ใช่เงินกู้ เรารับผิดชอบต่อสันติภาพ ไม่ใช่การได้รับอะไรกลับคืนมา”
จะเห็นได้ว่าเขาปฏิเสธคำกล่าวของทรัมป์โดยตรง และเน้นย้ำว่าความช่วยเหลือของยุโรปส่วนใหญ่เป็นแบบไม่คิดเงิน
1
โดยพยายามแก้ไขตัวเลขและตรรกะของทรัมป์
หลังจากฟังสิ่งนี้แล้ว ทรัมป์ก็ยิ้ม หยุดคิดสักครู่ แล้วตอบว่า
1
“เอาล่ะ เราจะได้เงินคืน ฉันคุยกับเซเลนสกีแล้ว เขาจะคืนเงินให้เรา เรามีแผน และนี่เป็นเรื่องใหญ่” (ซึงผมว่าอาจเป็นเรื่องข้อตกลงเรื่องแร่ธาตุหายากหรือพลังงาน)
บทสนทนานี้ ก่อให้เกิดการโต้เถียงอย่างดุเดือดทางออนไลน์ ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากยกย่องมาครงว่าเป็นผู้ชายที่กล้า "ตบหน้าทรัมป์"
1
แต่ที่จริงแล้วผมว่าบทสนทนานี้เป็นเพียงการสะท้อนการถอนตัวของสหรัฐฯ จากองค์กรระหว่างประเทศเท่านั้น
การกระทำของทรัมป์หลังจากเข้ารับตำแหน่งก็เหมือนกับกลุ่มต่อต้านคอมมิวนิสต์ในช่วงสงครามเย็นแบบ....
"แฟนสาวที่ตีตัวออกห่าง(เปลี่ยนใจ)แล้วไม่มีวันกลับมาอีก"....โถ่วววว์
1
แต่มาครงเตือนทรัมป์ซ้ำๆว่ายุโรปสนับสนุนยูเครนเพื่อสันติภาพ (และนาโต้ ซึ่งก่อตั้งร่วมกันในอดีตและยูเครนต้องการเข้าร่วม)
แต่ทรัมป์กลับพูดกับมาครงเรื่องเงิน ฮาาาาา... โดยกล่าวว่า "เราจะเอามันกลับคืนมา"
นัยว่าสหรัฐฯ จะไม่รีบร้อนให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศเหมือนที่เคยทำในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและจะไม่ลงทุนใน "ค่านิยม" (ต่อต้านรัสเซีย) อีกต่อไป
1
แต่ ทรัมป์ก็พูดเกินจริงถึงภาระของสหรัฐฯ (300,000 ล้านดอลลาร์) และดูถูกการสนับสนุนของยุโรป
1
โดยพยายามให้สหรัฐฯ ถอนตัวจากบทบาทผู้นำโลกและมุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ในประเทศ แทน
ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์ในอดีตของสหรัฐฯ ที่ตั้งตนเป็น "ตำรวจโลก" และเน้นย้ำถึงความแตกต่างระหว่างค่านิยมของสหรัฐฯ และยุโรป
โดยประเด็นสำคัญของการสนทนาครั้งนี้จะไม่ใช่แค่ "มาครงตบหน้าทรัมป์" เท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ
อนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปจะเป็นอย่างไรต่อไปนี่สิ!
โฆษณา