27 ก.พ. เวลา 01:42

ขอเชิญชวนเพื่อนๆ อ่านหนังสือหนึ่งเล่มครับ เป็นหนังสือที่ได้อ่านมาตั้งแต่ช่วง COVID-19 ระบาด

หนังสือที่ชื่อว่า The Tyranny of Merit โดย Michael Sandel ที่ได้ตีแผ่เกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำในสังคมอเมริกัน ที่น่าจะสามารถสะท้อนภาพสังคมโลก รวมถึงสังคมไทยได้ไม่มากก็น้อย
เมื่อมองย้อนเวลากลับไป 40-50 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าเราไม่สามารถแยกปัญหาต่างๆ ออกจากกันอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาประเทศ การเมือง การศึกษา ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ยาเสพติด ความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน น้ำท่วม น้ำแล้ง การแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ รวมถึงความขัดแย้งทางความคิดความเชื่อในสังคมไทย
การแย่งชิงอำนาจ เกิดขึ้นระหว่าง ผู้ที่มีอำนาจ นักการเมือง ทหาร ตำรวจ ชนชั้นสูง ชนชั้นปกครองในสังคมไทย ที่ต่อสู้แย่งชิงประโยชน์กันโดยใช้ข้ออ้างประเด็นเรื่องการโกงกิน คอรัปชั่น ความรักชาติ รักสถาบัน เพื่อสร้างกลุ่มคนผู้สนับสนุน สร้างความชอบธรรมในการต่อสู้เพื่ออำนาจ ประโยชน์ของตนและพวกพ้อง ขณะที่คนส่วนใหญ่ของประเทศยังคงยากจน ความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นมากขึ้นเป็นลำดับ
ทำอย่างไรที่ให้เราหลุดพ้นจากวงจรเหล่านี้ได้...
กอรปกับความจริงที่ว่ามนุษย์เรามักจะชื่นชอบ ยกย่องคนที่ประสบความสำเร็จ คนที่มีอำนาจ ยศ ตำแหน่ง คนที่ร่ำรวย เพราะเราเชื่อว่าเขาเหล่านั้นเก่ง มีความสามารถพิเศษ ขยันขันแข็ง อดทน ต่อสู้ และมักจะตัดสินว่าคนที่ไม่สำเร็จ คนที่ยากจน คือคนที่ไม่ขยัน ไม่อดทนต่อสู้ ไม่พยายามเพียงพอ ไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ
กับความเชื่อที่ว่าทุกคนสามารถไปถึงดวงดาวได้ หากมีความพยายามมากพอ ทุกคนประสบความสำเร็จได้ ขอให้ขยันขันแข็ง ซึ่งไม่เป็นความจริงเสมอไป คนจำนวนมากถูกเอารัดเอาเปรียบ แม้จะพยายามเท่าใดก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้เองก็ก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม
หลายกรณี เรามักคิดว่าการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทำได้ไม่ยาก เพียงให้ความรู้ ทักษะ เข้าถึงการศึกษาอย่างกว้างขวาง ให้ทุกคนเรียนจบปริญญาตรี หลังจากนั้นก็แล้วไปทำงาน สร้างตัว มุ่งสู่ความสำเร็จต่อไป ในขณะที่ความยากจนและร่ำรวยถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ชาวนา เกษตรกรที่ยากจนจะสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับลูกหลาน เหมือนกับเศรษฐีได้อย่างไร คุณภาพชีวิต อาหารการกิน สภาพแวดล้อม โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย สภาพแวดล้อมในสังคม ล้วนส่งผลต่อชีวิตคนเราทั้งสิ้น
คำถามชวนคิดคือความเหลื่อมล้ำทางสังคมแก้ไขด้วยการฝึกฝน ไม่ย่อท้อ ขยันทำงาน หมั่นหาความรู้ ได้จริงหรือ?
เป็นลูกคนรวยย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า...ตั้งแต่โอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษาที่ดีกว่า มีคอนเน็กชั่น มีเกียรติ โอกาสในการทำงาน โอกาสในการเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน
ความสำเร็จของเราอาจไม่ได้มาจากความเก่ง ความสามารถ ความทุ่มเทของเราเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย มีมือที่มองไม่เห็น คอยสนับสนุนเราอยู่ (โดยเราอาจลืมนึกถึง) โดยที่เราลืมนึกไปว่าเราโชคดีแค่ไหน หรือเราอาจอยู่ในโลกแห่งอภิสิทธิ์ชนโดยที่เราไม่รู้ตัว
และด้านล่างคือสิ่งที่น้อง AI สรุปเนื้อหาของหนังสือมาให้เบื้องต้น รวมถึงผมยังได้ชวนให้น้องเปรียบเทียบกับบริบทสังคมไทยครับ...
หนังสือ The Tyranny of Merit โดย Michael Sandel พูดถึงแนวคิดเรื่อง "พรสวรรค์" และ "ความสำเร็จ" ในสังคมปัจจุบัน ซึ่งมักจะถูกมองว่าเป็นผลของความสามารถส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม Sandel ชี้ให้เห็นว่า แนวคิดนี้นำไปสู่ความไม่เท่าเทียมและความรู้สึกของการดูถูก คนที่ไม่ประสบความสำเร็จ มักจะถูกมองว่าไม่ขยันหรือไม่เก่งพอ
Sandel โต้แย้งว่าชนชั้นปกครองและสังคมมักมองข้ามปัจจัยทางสภาพแวดล้อม เช่น โอกาสที่ไม่เหมือนกัน และที่มาของการช่วยเหลือทางสังคม นอกจากนี้ เขายังเน้นความสำคัญของการมีความเห็นอกเห็นใจและความยุติธรรมในการสร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น
ในท้ายที่สุด หนังสือกระตุ้นให้ผู้อ่านพิจารณาความหมายของความสำเร็จ และวิธีที่เราตีความค่าของบุคคลในสังคม รวมถึงการสร้างความตระหนักถึงความเชื่อมโยงที่สำคัญ ระหว่างผู้คนในสังคมที่ห่างไกลจากการแบ่งแยกและการประเมินค่าตนเองที่ไม่เป็นธรรม
ในบริบทสังคมไทย แนวคิดจากหนังสือ The Tyranny of Merit ของ Michael Sandel สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสะท้อนถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมและความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้ ดังนี้:
1. ความสำเร็จและโชคชะตา: ในสังคมไทย มักมีมุมมองว่า ความสำเร็จมาจากความสามารถและความขยันของแต่ละคน แต่ความจริงคือ โอกาสและพื้นฐานที่มาจากครอบครัว สภาพเศรษฐกิจ และโอกาสทางการศึกษา มีผลต่อความสำเร็จอย่างมาก คนที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดีอาจมีโอกาสที่ดีกว่าในการเข้าถึงการศึกษาและการทำงานที่ดี
2. มุมมองต่อผู้ที่ล้มเหลว: คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในสังคมไทยมักจะถูกมองในแง่ลบ ถูกตีตราว่า "ไม่พยายาม" หรือ "ไม่เก่งพอ" ซึ่งส่งผลให้พวกเขารู้สึกถูกทอดทิ้งและหมดกำลังใจ ในขณะที่โอกาสที่พวกเขาได้รับอาจไม่เท่ากับคนอื่น
3. ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการศึกษา: ความขัดแย้งเหล่านี้นำไปสู่ความไม่เท่าเทียมในสังคมและความแตกต่างในโอกาสทางการศึกษา ส่งผลให้เกิดวงจรของความยากจนและโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกันอย่างต่อเนื่อง
4. การสร้างสังคมที่มีความเห็นอกเห็นใจ: การมีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นและการช่วยเหลือกันในสังคม เป็นสิ่งที่สำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างสังคมที่มีความยุติธรรมมากขึ้น การสนับสนุนการศึกษาและโอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคนสามารถช่วยสร้างฐานะที่ดีขึ้นให้กับสังคม
การประยุกต์ใช้แนวคิดเหล่านี้จึงสามารถสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการมอบโอกาส และการสนับสนุนผู้ที่มีโอกาสน้อยกว่า เพื่อส่งเสริมความเป็นธรรมและความเท่าเทียมในสังคมได้ดียิ่งขึ้น และคนที่มีโอกาสที่ดีกว่า หรือชนชั้นสูงในสังคม มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำโดยสามารถมีส่วนร่วมในหลายด้าน ดังนี้:
1. การให้การสนับสนุนทางการศึกษา: ชนชั้นสูงสามารถจัดตั้งและสนับสนุนโครงการการศึกษา เช่น ทุนการศึกษา สถาบันฝึกอบรม หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับโรงเรียนในพื้นที่ด้อยโอกาส เพื่อให้เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ
2. การสร้างโอกาสทางอาชีพ: การมอบโอกาสในการฝึกงานหรือการจ้างงานให้กับผู้ที่มาจากภูมิหลังที่แตกต่าง โดยเฉพาะกลุ่มที่ด้อยโอกาส สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานและยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขา
3. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะ: ชนชั้นสูงสามารถเข้าร่วมกิจกรรมภาคประชาชนในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน โดยการสนับสนุนจัดการประชุมหรือเวทีเสวนาเพื่อสร้างความตระหนักในเรื่องความเหลื่อมล้ำ
4. การแบ่งปันทรัพยากรและโอกาส: การแบ่งปันทรัพย์สินหรือทรัพยากร เช่น ลงทุนในธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม หรือการสนับสนุนองค์กรที่ทำงานเพื่อสังคม สามารถส่งผลต่อการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้
5. การเสริมสร้างความตระหนัก: ชนชั้นสูงสามารถใช้เสียงของตนในการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและการปรับปรุงกฎระเบียบที่ส่งผลกระทบต่อความเหลื่อมล้ำ การเป็นผู้มีเสียงที่พูดแทนคนที่ไม่มีเสียงสามารถช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีพลัง
6. การสนับสนุนแนวทางที่ยั่งยืน: การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัย รวมถึงการพัฒนาแนวทางที่ยั่งยืนในการลดความเหลื่อมล้ำ เช่น การสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน หรือแนวทางการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม
ไม่ใช่ความผิดหากเราอยู่ในโลกแห่งอภิสิทธิ์ชน และจะดีขึ้นไปอีกเมื่อเราไม่เพียงใช้โอกาสเหล่านั้นเพื่อตนเองและพวกพ้อง
คนที่มีโอกาสที่ดีกว่าในสังคมมีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างความเท่าเทียม และการลดความเหลื่อมล้ำ โดยการใช้ทรัพยากรและอำนาจของตนอย่างมีความรับผิดชอบ และมุ่งที่จะสร้างคุณประโยชน์ให้สังคมโดยรวม
โฆษณา