Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MONEY LAB
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
5 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ
แกะวิธีคิด Nick Sleep นักลงทุนผู้ทำผลตอบแทนจาก Amazon 100 เด้ง
แม้ชื่อของคุณ Nick Sleep อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูนักสำหรับนักลงทุนชาวไทย แต่ถ้าหากเราดูผลตอบแทนที่เขาทำได้ หลายคนน่าจะสนใจฟังเรื่องราวของเขามากขึ้น
เพราะตั้งแต่ปี 2001 ที่เขาร่วมก่อตั้งกองทุน Nomad Investment Partnership ร่วมกับเพื่อนของเขาที่ชื่อว่าคุณ Kais Zak Zakaria จนกระทั่งเขาตัดสินใจปิดกองทุนในปี 2013
ตลอดระยะเวลากว่า 13 ปีที่เขาบริหารกองทุนอยู่ เขาสามารถทำผลตอบแทนได้รวม 921% มากกว่าดัชนี MSCI World Index ซึ่งทำผลตอบแทนได้เพียง 116.9%
แต่ถึงแม้จะปิดกองทุนไป แต่คุณ Nick Sleep ก็ยังคงลงทุน และถือหุ้นตัวเดิมต่อไปในพอร์ตการลงทุนส่วนตัวของเขา
โดยหนึ่งในหุ้นที่โดดเด่นที่สุด คงหนีไม่พ้นหุ้น Amazon ที่สร้างผลตอบแทนให้กับคุณ Nick Sleep ถึง 10,000% หรือ 100 เท่า
และยังเป็นหุ้นที่คิดเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดในพอร์ตการลงทุนของเขา ร่วมกับ Costco และ Berkshire Hathaway ด้วย
แล้วอยากรู้ไหมว่านักลงทุนที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นชื่ออย่างคุณ Nick Sleep มีหลักการลงทุนอย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
1. Scale Economies Shared เป็นโมเดลธุรกิจที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ในโลกนี้ มีโมเดลธุรกิจมากมายที่สามารถใช้งานได้ แต่มีอยู่โมเดลธุรกิจหนึ่งที่คุณ Nick Sleep ดูจะชื่นชอบเป็นพิเศษ นั่นคือ Scale Economies Shared
แต่ก่อนจะพูดถึงโมเดลธุรกิจนี้ ต้องอธิบายคำว่า Economies of Scale กันก่อน
Economies of Scale คือการที่ธุรกิจของเราขยายใหญ่จนถึงจุดหนึ่ง จะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง
เช่น ธุรกิจโรงงาน ที่ใช้กำลังการผลิตอย่างเต็มที่ หรือธุรกิจซื้อมาขายไป ที่สามารถสั่งซื้อสินค้าคราวละมาก ๆ จนได้ส่วนลด
จนทำให้ธุรกิจที่มี Economies of Scale ได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องต้นทุน และมีอัตรากำไรที่ดีกว่า
ธุรกิจที่มี Economies of Scale จนมีต้นทุนต่อหน่วยถูกลง และส่งมอบผลประโยชน์นั้นต่อไปให้กับลูกค้า ผ่านการสร้างคุณค่าอะไรบางอย่างให้ลูกค้า
จะทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า จนอยากกลับมาใช้บริการธุรกิจของเราบ่อย ๆ และเกิดการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก แบบนี้ก็จะกลายเป็นวงจรแห่งความรุ่งเรือง
เพราะยิ่งลูกค้ากลับมาใช้บริการบ่อยแค่ไหน ธุรกิจของเราก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้น และก็จะยิ่งเกิด Economies of Scale มากขึ้นไปอีก
เราเรียกธุรกิจที่แบ่งผลประโยชน์จากการเกิด Economies of Scale ไปให้ลูกค้าว่า Scale Economies Shared
ตัวอย่างของธุรกิจที่ใช้โมเดลแบบนี้ ก็เช่น Costco ที่ขยายธุรกิจตัวเองใหญ่ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว จนสามารถเจรจาซื้อสินค้าจากคู่ค้าได้ถูกลง ก็สามารถลดต้นทุนของสินค้าตัวเองลงได้
จากนั้น Costco ก็ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น ด้วยการทำให้ลูกค้าประหยัดได้มากกว่าเดิม
พอลูกค้ารู้สึกว่าการมาซื้อของที่ Costco ทำให้พวกเขาประหยัดกว่าไปซื้อของจากที่อื่น ลูกค้าก็จะมาอุดหนุน Costco เรื่อย ๆ และเกิดการแนะนำแบบปากต่อปาก ทำให้บริษัทยิ่งได้รับประโยชน์ กลายเป็นวงจรแห่งความรุ่งเรืองไปเรื่อย ๆ
Amazon ก็มีโมเดลธุรกิจแบบ Scale Economies Shared เช่นกัน โดยการให้ลูกค้าสมัครสมาชิก Prime เหมือนที่ Costco ให้ลูกค้าสมัครบัตรสมาชิก
ลูกค้าที่เป็นสมาชิก Prime จะได้ซื้อสินค้าในราคาประหยัด เพราะ Amazon ใหญ่พอ ที่จะลดต้นทุนสินค้าต่อหน่วยลงได้ และแบ่งผลประโยชน์มาให้ลูกค้า
2. Destination Analysis
เป็นการวิเคราะห์บริษัทในมุมมองการลงทุนระยะยาว 10-20 ปี ว่าบริษัทจะไปถึงเป้าหมายตามที่ผู้บริหารวางไว้หรือไม่ ?
แล้วคิดย้อนกลับมาว่าผู้บริหารจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น ?
และบริษัทมีความเสี่ยงอะไรบ้าง ที่อาจพบเจอระหว่างทางการไปถึงเป้าหมาย ?
การวิเคราะห์รูปแบบนี้ จะช่วยให้เราเห็นภาพชัดขึ้นว่า บริษัทมีศักยภาพไปถึงเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งจริง ๆ แล้วคุณ Nick Sleep เองก็เคยออกมายอมรับว่าการมองภาพธุรกิจในอีก 10-20 ปีข้างหน้า เป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่อย่างน้อย ถ้าหากเรามีความพยายามมองธุรกิจให้ออกมาใกล้เคียงที่สุด ก็จะมีประโยชน์ในการวิเคราะห์ธุรกิจของเราไม่น้อยเลยทีเดียว
3. มองหาสุดยอด CEO
ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในการกำหนดทิศทางบริษัทก็คือ CEO ดังนั้นการมองหา CEO ที่มีความสามารถ จึงมีส่วนสำคัญกับความสำเร็จของธุรกิจที่เราลงทุนอยู่
คุณ Nick Sleep ก็มีคุณสมบัติของสุดยอด CEO ในใจเขาด้วยเช่นกัน โดย CEO ที่เขาชื่นชอบ มักจะมีคุณสมบัติดังนี้
- เป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียด
- ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ
- เป็นนักลดต้นทุน แม้ในยามที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดีก็ตาม
- มีแผนการลงทุนระยะยาว
ซึ่งในช่วงที่คุณ Nick Sleep เริ่มลงทุนกับ Amazon นั้น ก็ตรงกับช่วงที่คุณ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ยังคงเป็น CEO อยู่
โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดว่า คุณ Bezos เป็นสุดยอด CEO ที่เข้าเกณฑ์ของคุณ Nick Sleep นั้น
ก็เพราะว่า นอกจากเขาจะให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้า ด้วยการพยายามทำให้ Amazon สามารถส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างเร็วที่สุดแล้ว
เขายังมีวิสัยทัศน์ในการสร้างธุรกิจ Cloud อย่าง Amazon Web Services ขึ้นมาเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับ Amazon และกลายเป็นอีกแหล่งรายได้สำคัญให้กับ Amazon ในทุกวันนี้
4. เข้าซื้อหุ้นเมื่อมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Margin of Safety) ไม่ต่ำกว่า 50%
คุณ Nick Sleep เคยบอกเอาไว้ว่า เวลาที่เขาประเมินการลงทุน เขาจะเลือกลงทุนในหุ้นที่ถูกซื้อขายกันในราคาต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าธุรกิจจริง ๆ ที่เขาประเมินไว้
เช่น หากหุ้น A มีมูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 10 บาทต่อหุ้น แล้วตอนนี้ราคาหุ้น A อยู่ที่ประมาณ 5 บาท แบบนี้คุณ Nick Sleep ก็จะเข้าไปซื้อทันที
แต่ถ้าหุ้นตัวนั้นมีราคาหุ้น 6 บาท แม้จะมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมที่ 10 บาท เขาก็จะยังไม่ซื้อ เพราะเขาต้องการส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย 50% ขึ้นไปนั่นเอง
โดยส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย = (มูลค่าหุ้นที่เหมาะสม - ราคาหุ้นในปัจจุบัน) / มูลค่าหุ้นที่เหมาะสม
และนี่ก็คือหลักการลงทุนคร่าว ๆ ของคุณ Nick Sleep อดีตผู้จัดการกองทุน ที่ตอนนี้เกษียณตัวเองออกมาเป็นนักลงทุนส่วนบุคคลแล้ว
ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลักการทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นหลักการในการเลือก “ซื้อ” หุ้นเท่านั้น ไม่มีหลักการไหนที่ช่วยให้เราตัดสินใจ “ขาย” หุ้นได้ดีขึ้นเลย
เพราะจริง ๆ แล้วหากเราซื้อหุ้นคุณภาพดีอยู่แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจขายมันเลย เหมือนกับที่คุณ Warren Buffett เคยพูดเอาไว้ว่า “ระยะเวลาการลงทุนที่เราชอบที่สุด คือการถือหุ้นตลอดไป”
อย่างไรก็ตาม คุณ Nick Sleep ก็เคยตัดสินใจ “ขาย” อย่างผิดพลาดเหมือนกัน
เพราะในปี 2018 ราคาหุ้น Amazon ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนสัดส่วนหุ้น Amazon คิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของความมั่งคั่งของเขา
ดังนั้นเขาจึงขายหุ้น Amazon ออกไปครึ่งหนึ่งจากที่มีอยู่ในพอร์ต
แต่หลังจากที่เขาขายหุ้นออกไป เขากลับไม่ดีใจกับกำไรที่เขาได้ เพราะการตัดสินใจขายหุ้น ขัดกับหลักการลงทุนระยะยาวของเขา เขาจึงลังเลว่าการตัดสินใจขายหุ้นครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ ?
ซึ่งถ้าเรามองจากปัจจุบัน ก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าเขาคิดผิดที่ขายหุ้นออกไป เพราะนับตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น Amazon เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า
สิ่งนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ถ้าหากเราเจอหุ้นคุณภาพดีแล้ว เราก็ไม่ควรขายหุ้นตัวนี้ทิ้งไป เพียงเพราะว่าราคาหุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว
เพราะถ้าหากเป็นธุรกิจที่ดีมีคุณภาพจริง ราคาหุ้นที่เราเห็นว่าขึ้นมาค่อนข้างมากนั้น อาจจะเทียบกับมูลค่าที่จะเพิ่มขึ้นตามมา จากการเติบโตของบริษัทในอนาคต ไม่ได้เลยก็เป็นได้..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ รู้ไหมว่าเราสามารถซื้อหุ้น Amazon ในตลาดหุ้นไทย ผ่านแอป Streaming ได้แล้ว ผ่านการซื้อ DRx ที่ชื่อว่า AMZN80X
หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำ ให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#ลงทุน
#DRx
#DRวันละตัว
References
-
https://www.deciphr.ai/podcast/364-nick--zaks-excellent-adventure-how-nick-sleep-and-qais-zaharia-built-their-investment-partnership
-
https://chitchatstocks.substack.com/p/nick-sleep-how-the-secretive-investor
-
https://finchat.io/blog/nick-sleep-how-to-find-great-businesses-hiding-in-plain-sight/
-
https://www.theinvestorspodcast.com/episodes/the-best-investor-youve-never-heard-of/
หุ้น
การลงทุน
2 บันทึก
6
5
2
6
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย