27 ก.พ. เวลา 13:16 • ดนตรี เพลง

[รีวิวอัลบั้ม] 1% - Paper Planes >>> 99% แพสชั่น

-ปรากฏการณ์ #ทรงอย่างแบด ที่ทำให้เขากลายเป็นคู่หูดูโอ้ขวัญใจเหล่าวัยรุ่นฟันน้ำนมย่อมเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีในการขับเคลื่อนความยอดนิยมเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น หารู้ไม่ว่า นี่ไม่ใช่ความฟลุ๊คที่ทั้งคู่กลายเป็นศิลปิน one hit wonder เปรี้ยงแล้วก็หายไปแต่อย่างใด
-ก่อนหน้านั้นซิงเกิ้ล #เสแสร้ง ก็สามารถฮิตติด Trending ของโลกก่อนที่จะเกิด phenomenal เลยด้วยซ้ำ และหารู้ไม่ว่า ทั้ง ฮายและเซน ยังคงเป็นโปรดิวซ์เซอร์ให้กับศิลปิน T-Pop มากมาย สั่งสมประสบการณ์การทำเพลงอยู่ไม่น้อย นั่นจึงทำให้คู่หูดูโอ้เป็นที่น่าจับตามองและถูกคาดหวังในผลงานชุดแรกมากพอสมควร
-ตอนแรกก็งงว่า ชื่ออัลบั้มแรกของพวกเขาทำไมต้องตั้งชื่อ 1% รู้สึกถึงความน้อยแบบแปลกๆ เหมาะกับขนาดอีพีอัลบั้มมากกว่านะ แต่พอได้ไปฟังบทสัมภาษณ์ของสองหนุ่มที่เล่าถึงที่มาของชื่อ ผมก็ถึงบางอ้อและรู้สึกว่าพวกเขา humble พอสมควร เพราะ 1% ที่ไม่เคยไปถึง 100% นั้นถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ตลอดเวลานั่นเอง
-และอีกนัยนึงคือการที่ใครสักคนมองเราและเราได้มองเขา ต่างคนจะรู้จักเพียงแค่ 1% เท่านั้น เหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้เราได้รู้จักพวกเขาให้มากกว่านี้ผ่านผลงานเต็มชุดแรกที่เป็นทางการอย่างของจริงก็เป็นได้
-จากการที่ผมคาดหวังว่า พวกเขาจะทำได้ดีสมราคา portfolio ที่ติดตัวเป็นเบื้องหลังให้ใครหลายคนอื่นแล้วมาทำของตัวเองจะไปได้สวยหรือไม่? ต้องบอกว่า นี่คือการเริ่มต้นที่ตอกย้ำความเป็น hitmaker ที่ดี ไม่ว่าจะเป็น เซนส์ป็อปที่แข็งแรง ซาวนด์ร็อคที่มีพัฒนาการจัดจ้านขึ้น การใช้ภาษาอังกฤษในเพลงก็ดูจะลงล็อคกับเมโลดี้ได้อย่างไหลลื่นกว่าเดิม
-ต่อให้พวกเขาคือวงร็อครุ่นใหม่ก็ตาม การเติบโตมากับเทรนด์เพลงร็อคยุค 2000’s ทั้งไทยและต่างประเทศ แล้วนำมา represent ได้อย่างหนักแน่นอีกครั้ง ย่อมลบคำสบประมาท “เน้นตามเทรนด์ แต่ทำไม่ถึง” แต่กลับกลายเป็นว่า พวกเขาตีโจทย์ความ nostalgia ได้แตก ราวกับอินกับสิ่งนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว รู้ดีมากๆในการทำให้ร่วมสมัยที่สุด
-21 แทร็คถือว่าบ้าพลังในแบบที่ เห้ย!!! นี่คือยุคสตรีมมิ่งบวกกับที่นี่ไทยแลนด์ พวกเอ็งไม่กลัวโดนคนไทยด้วยกันเทรึไง? ผมแทบไม่เห็นโมเดลอัลบั้มยาวๆแบบนี้ในไทยเท่าไหร่ อย่างไรก็ดี อัลบั้มนี้มี interlude 4 แทร็ค เท่ากับว่า เราจะได้ฟังเพลงเต็มๆ 17 เพลงด้วยกัน ซึ่งก็ถือว่าเยอะอยู่ดี แต่เราก็โดนพวกเขาสปอยล์ด้วยซิงเกิ้ลมาแล้วถึง 8 เพลงด้วยกัน อีกประมาณ 9 เพลงรอการค้นพบ
-พาร์ทแรก Hypothesis เปิดมาอย่าง first impression ที่โชว์พลังร็อคได้หนักหน่วงและแข็งแรงชวนกระตุ้นต่อมอะดรีนาลีนได้ดี อาทิเช่น #กำหมัด (Smoulder) ที่ไม่น่าเชื่อว่า เราจะได้ฟังแนวทางร็อคสุดแหวกตั้งแต่เปิดหัวม้วนเลย ความเซอร์ไพร์สอยู่ที่การเป็นเพลงที่แบ่งพาร์ทร็อคและแร็ปชัดเจน แถมยังลงตัว ไม่รู้สึกว่าฝืนแร็ปหรือระคนร็อคแร็ปไปงั้นๆด้วย
-ไตเติ้ลแทร็ค 1% ชวนระลึกถึง progressive rock ในสมัยที่เขาออกอีพี HERS แต่รอบนี้ hook ภาษาอังกฤษเป็นอะไรที่ไหลลื่นและลงล็อคกว่าเยอะโดยที่ไม่จำต้องฝืนยัดภาษาไทยลงในโน็ตเพลง
#เสแสร้ง Y2K Emo-Punk ที่นอกจากจะตรงรุ่น Gen Y แล้ว วลีภาษาไทยยังกลมกลืนไหลลื่น ติดหูได้ตั้งแต่แรกฟัง ต่อให้คุณจะหลบเพลงนี้พ้น แต่เมื่อได้ฟังจะรู้เลยว่า เซนส์ความ catchy ของพวกเขาแม่นยำยิ่งนัก #ชัดเจน (Complicate) จำได้ว่าถูกปล่อยหลังจากที่กระแส #ทรงอย่างแบด กำลังดังสุดขีดแถมยังไม่ซา ดีไซน์ปกซิงเกิ้ลที่เป็นกราฟฟิตี้ก็โคตรเท่ห์ แถม lyrics ยังกระแทกใจตรงตามยุคดิจิตอลชัดๆกับการเล่นเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนจนตาสว่างได้ว่า ไม่ชัดเจนก็คือไม่ชัดเจน ยังไงก็ต้องออกมา
-พาร์ทแรกจบไปด้วยความประทับใจแบบ no skip แต่พาร์ท 2 เนี่ย…Stochastic (สุ่มความน่าจะเป็น) กลับเป็นพาร์ทที่ผมไม่ค่อยจะซื้อเท่าไหร่ พวกเขาระบุว่า ได้นำเทรนด์เพลงไทยที่เคยเกิดขึ้นมาเบลนด์เพื่อลองนำเสนอนั้นกลับเป็นความไม่เวิร์คที่พวกเขาหลงตามเทรนด์มากไปหน่อย โดยเฉพาะเพลง #ต่อให้ (Head Start) ถ้าหากคุณเบื่อลายเซ็นต์ Pop-Rap ของ URBOYTJ ฉันท์ใด การ skip ย่อมเกิดกับเพลงนี้ฉันท์นั้น
-ส่วน #ทรงอย่างแบด (Bad Boy) เรายินดีที่พวกเขาประสบความสำเร็จอ่ะนะ แต่เมื่อได้ยินเต็มบ้านเต็มเมืองก็ต้องขอห่างเพื่อไปซึมซับเพลงอื่นน่าจะดีกว่า #เหตุด่วนเหตุร้าย (Heart Thief) มาในสไตล์ math rock ลวดลายดี แต่ lyrics เชยสะบัด ส่วน #ขอให้โชคเลว (Good luck, Not!) เป็น #ทรงอย่างแบด ในเวอร์ชั่นซอฟท์ลงแต่เน้นความสะใจที่เก็บเอาไปแช่งใครซักคนแหละ แต่ก็ไม่มี puchline เด็ดๆซะเท่าไหร่ พาร์ทนี้เป็นการเบลนด์ที่ไม่มีอะไรใหม่ โหมดเพลงลดอายุที่น่าจะทำให้คนที่ต้องการความเข้มข้นอาจจะมองข้ามไปเลยก็ได้
-เข้าสู่พาร์ท 3 ที่เริ่มใจชื้น พาร์ทร็อคร่างทองโทนจริงจังเริ่มกลับมาแล้ว คนที่คิดจะเทเมื่อเจอพาร์ทสอง ขอให้กลับมาก่อน นี่คือร็อคที่เราคุ้นเคย แถมยังสุมด้วยเพลงที่ไม่ปล่อยออกมาเพียบ พาร์ท 4 เป็นการสรุปที่มีแค่นิดเดียว เอาเป็นว่า เราพูดรวมๆสองพาร์ทนี้ไปเลยดีกว่า
-พาร์ทนี้สุมด้วยเพลงร็อคที่เราโตมาหลักๆ อาทิเช่น #ความว่างเปล่า (Emptiness) ที่อาศัยลายเซ็นต์ของ Silly Fools ของแท้จากพี่ต้นและพี่ต่อได้อย่างเข้มข้น ยังดีที่ฮายใส่ความอีโมเป็นของตัวเองมากกว่าจะไต่โน้ตตามคุณริมและบังโต ซื้อใจได้ทั้งสองฝ่ายแน่นอน จะผิดมั้ย? ถ้าจะบอกตามตรงเลยว่า ผมชอบท่อน Pre-Hook มากกว่า Hook หลัก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เพลงนี้ดรอปลงจนอยากกด skip แต่อย่างใด
-และไฮไลท์เด็ดอีกหนึ่งเพลงที่เป็นไม้ตายสำหรับพวกเขาก็คือ #ควัน (Tearless) ที่ได้สองตำนานผู้บุกเบิก Emo-Rock สายว๊ากอย่างพี่แน็ป อดีต Retrospect และ เต๋า Sweet Mullet มาอยู่ในเพลงเดียวกัน เป็นการสร้างโมเมนต์ที่ไม่ใช่ใครก็ได้ที่เชื้อเชิญได้ เพลงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลักที่ผมอยากฟังอัลบั้มนี้เลย และผลลัพธ์ที่ได้สาแก่ใจไม่ผิดหวังแน่นอน
แถมยังได้เห็นการเติบโตจากเด็ก Sad Emo ในวันนั้น สู่คนด้านชาไม่เกรงกลัวอะไรแล้วในวันนี้ ท่อนของพี่เต๋ามีการดัดเนื้อเพลงฮิต #เพลงของคนโง่ “เปิดเพลงรักในวันเก่า ให้มันเศร้าให้มันเจ็บ” มาเป็น “เปิดเพลงรักในวันเก่า มันไม่เศร้าและไม่เจ็บอีกต่อไป” เป็น easter eggs ที่ต้องร้อง “เห้ย!!!” ด้วยความคุ้นเคยกันถ้วนหน้า ลวดลายซาวนด์ดีไซน์ชวนเดือดตั้งแต่แรกฟัง ว๊ากเน้น punchline มากกว่าคอแตกเอามันส์ ขอย้ำว่า นี่คือเพลงที่คนเติบโตมากับ Genie Rock ต้องไม่พลาด
#หากฉันดีกว่านี้ (What-If) เพลงที่ยังไม่ถูกปล่อย เป็นความรู้สึกเก็บกดในใจที่ผมชอบมากๆ รู้เลยว่า เนื้อแต่งดี เข้าอกเข้าใจคนที่เจอแต่คนไม่ดี เจอแต่คนสบประมาท และเจอ haters ที่ไร้เหตุผล หนักแน่นในเจตจำนงแห่งการใจดีกับตัวเอง new wave การประสานเสียงก็แข็งแรง โอบอุ้มความรู้สึกคนที่ท้อแท้ไปเต็มๆ ไม่อยากให้มองข้าม
#กลับมาเพื่อบอกลา (Just To Let Me Know) เป็นอีกเพลงบัลลาดร็อคที่ผมเคยเอาไปติด Top Thai Song เมื่อปี 2023 ด้วย ฟังตอนนี้ก็ยังไม่เบื่อ #เธอสวยที่สุดในชุดสีขาว บัลลาดเปียโนป็อปที่ฉีกเหล่าร็อคที่สุด ตอกย้ำสกิลการเขียนเพลงช้าที่ทำถึงอารมณ์เหงาและเศร้าอย่างซาบซึ้ง
#กุญแจมือ (Handcuffs) นี่มัน #ปรักปรำ เวอร์ชั่น Emo เล่นกับคอรัสล่องลอย มีแร็ปปน มาพร้อมกับวลี “ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น“ สารภาพมาซะดีๆว่า ดูโคนันเสร็จแล้วปิ๊งไอเดียเลยใช่มั้ย ? ต้องใช่แน่ๆ
#หมดมวนนี้ (Cigarette After Sex) ชื่อเพลงล้อชื่อวงอินดี้วงนึงแล้ว แต่บรรยากาศเพลงเหงาๆแห้งๆ เหมือนเป็นภาคต่อ #เพื่อนสัมพันธ์ ที่เล่นกับความเหงาหลังความสัมพันธ์อันแสนสั้นที่ใครๆก็รู้กัน ตอนที่ผมฟังพวกเขาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเพลงนี้ ได้รู้อีกบริบทนึงที่ไม่ใช่แค่เรื่องรักๆใคร่ๆ แต่ยังเป็นการเล่นความจำกัดของเวลาที่ไม่รู้ว่าเราจะอยู่กับใครได้นานแค่ไหน และเพลงนี้ก็แต่งในสมัยที่วงมีกันอยู่ 3 คนด้วย
-สำหรับ 3 แทร็คสุดท้าย เล่าเรื่องแห่งการไต่เต้าและแตะเบรคเพื่อทบทวนตัวเอง No Light เป็นอีโม-แร็ปไล่เรียงเส้นทางชีวิตก่อนมีชื่อเสียงของฮายในฐานะเด็กต่างจังหวัดด้วย ทำเพลงตั้งแต่ยังเด็กน้อย การผ่านพ้นแรงกดดันและคนแย่ๆที่เข้ามาในชีวิตทำให้ต้องอยู่โหมด “บังคับโต” จนพรากรอยยิ้มแห่งความเยาว์วัยไป ท่อนปล่อยของตะโกนว๊ากเป็นการระบายความอัดอั้นในแบบที่ไม่มีอะไรจะเสีย
-พวกเขาเริ่มใช้แสงเทียนในการเลือกที่จะทบทวนตัวเอง และให้คนฟังได้ขบคิดถึงการไล่ล่าความฝัน track interlude สุดท้าย Synopsis ที่หยิบคลิปเสียงสัมภาษณ์ที่ใดที่นึง ในฐานะที่พวกเขาตามล่าความฝันสำเร็จแล้ว พวกเขากลับหักล้างความเชื่อที่ว่า “ทุกคนต้องตามหาฝัน” สิ่งที่เค้ากำลังแนะนำคนฟังกลับไม่ใช่การปลุกใจหรือปลุกเร้าคนฟัง แต่เป็นการบอกว่า ไม่จำเป็นต้องไล่ตามหาฝัน เรียบง่ายก็ไม่ผิด แค่ดีกับคนอื่นและใจดีกับตัวเองก็เป็นพอ such a good advice
-ปิดท้ายด้วยการต่อยอดจากคำแนะนำเกี่ยวกับ ชีวิตและความฝัน จาก track interlude ด้วยเพลง #ใบไม้ (Fall) ที่ปูทางด้วยอคลูสติคให้กลิ่นโฟล์คที่เน้นบอกเล่าแนวคิดอย่างชิวล์ๆ ซึ่งก็ทำออกมาได้จรรโลงใจยิ่งนัก ใครจะไปคิดว่าหนุ่ม Emo จะมาถ่ายทอดแนวคิดชีวิตที่เข้าใจง่าย และ relate กับวัยรุ่นและวัยทำงานที่กำลังค้นหาตัวอย่างได้อย่างครอบคลุม ไม่เล่นภาษาท่ายาก ฟังแล้วคุณต้องยิ้มแน่นอน และไม่พลาดที่จะใส่ new wave rock เป็นบทส่งท้ายที่เข้มข้นพอประมาณ พร้อมกับประโยค It’s alright. เหมือนตบบ่าคนฟังอีกด้วย
-เป็นอัลบั้มไทยเปิดปี 2025 ได้อย่างน่าประทับใจ สมกับชื่ออัลบั้มที่ตั้งค่าไว้ที่ 1% ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เต็มที่ในการจัดหนักความร็อคหรือปรุงรสไม่ถึงแต่อย่างใด เป็นความเต็มที่ในความค้นหาตัวเองและเป้าประสงค์ที่อยากทำให้งานเพลงเป็นผลงานที่ timeless (อยู่เหนือกาลเวลา) ซึ่งผมก็มั่นใจว่า พวกเขาสามารถเป็นได้มากกว่า hitmaker ที่ตามกระแสได้ทันท่วงที แต่เข้าใจอะไรได้ลึกซึ้งขึ้นโดยที่ไม่วนอยู่กับประเด็นเดิมๆที่ศิลปินเมนสตรีมมักจะเล่นกัน
-เพราะเราเห็นเขาแย้ปประเด็นการต่อสู้กับตัวเองและการเป็นนักล่าฝันด้วยแนวคิดในยุค modern day มากๆ เฉกเช่น #ถ้าฉันดีกว่านี้ No Light และ #ใบไม้ ก็ดี และสามารถหาทางลงให้ตัวเองไม่กลายเป็นวงร็อคเพื่อน้องๆหนูๆจนเกินไปเหมือนที่ทำในซิงเกิ้ล #ชัดเจน #กลับมาเพื่อบอกลา #ความว่างเปล่า มันก็มีบ้างที่พวกเขาเผื่อเพลงพวกนี้สำหรับน้องๆหนูๆเหมือนที่ทำใน Part 2 (ที่ผมไม่ค่อยซื้อตามที่กล่าวไปข้างต้น) ผมมองว่าการสุ่มความน่าจะเป็นเหล่านั้นแทบไม่จำเป็นเพื่อคงสถานะวงร็อคขวัญใจทุกเพศทุกวัยด้วยซ้ำ
-ถึงแม้ว่า ณ ตอนนี้พวกเขาจะรับงานกลางวันมากขึ้นเพื่อเอาใจน้องๆหนูๆที่ยังคงความนิยมในพวกพี่ๆสองคน ถึงขั้นบางเพลงที่ใส่ความขบถเต็มที่จนต้องเซ็นเซอร์เพื่อไม่ให้น้องๆเอาอย่างก็ตาม ตาม portfolio พวกเขาก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเพื่อการพิสูจน์ตัวเองอีกรอบ เหลือแค่ผลของเวลาและการเติบโตของน้องๆหนูๆด้วยที่จะได้ซึมซับความเป็นของจริงที่พวกพี่ๆตั้งใจอยากให้เป็นโดยที่ไม่ต้องห่วงเรื่อง target ตามช่วงอายุอีกต่อไป
แถบ Loading ยังคงต้องเติมต่อไป
Give 7/10
Thx 4 Readin’
See Y’all
โฆษณา