28 ก.พ. เวลา 02:02 • ความคิดเห็น
การที่เราจะพัฒนา ตัวเอง ก็สำรวจ ตรวจสอบตัวเอง ว่า เรากลัวอะไรบ้างน่ะ กลัวตาย กลัวอด กลัวหิว ..มันหิว ..เราก็อดทน มันหิวน้ำ เราก็ไม่กินน้ำ เราก็ฝึกหัด ชนะอารมณ์ เล็กๆน้อยๆ อย่าทำใหญ่ มันสู้ไม่ไหว จะท้อถอย แล้วก็เลิก ฝึกหัดเล็กๆน้อยๆไป พอไปทำขันติต่ออารมณ์นั้นเป็นเรื่องใหญ่ ขันติอดทนต่ออารมณ์โลภโกรธหลง ..
อารมณ์กรรมในตัวตน มันมากมายก่ายกองเป็นภูเขาเลากา แต่เราก็ไม่รู้ตัว .ก็เริ่มจากเล็กๆน้อยๆ ปลดเปลื้องอารมณ์นั้นขันติอดทน ที่ละอย่างสองอย่างค่อยๆทำ มันทำทีเดียว ทั้งหมดไม่ได้ ..ค่อยๆฝึดหัดไป ถ้าไม่ทำ ..มันก็ไม่ได้ฝึกหัดอะไร ความขันติอดทนต่อ อารมณ์ปลดเปลื้องอารมณ์ มันทำไม่ได้เลย ทำเล็กๆน้อยๆ ก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้เริ่มหัดทำ ..
พอเกิดมาก็ร้องกระแว้ๆ หิวกระหาย เค้าป้อนน้ำป้อนนมช้าไปหน่อย ก็ร้องโวยวาย ไม่ทันออกทันใจ ..นั่นอารมณ์ของโลก ก็เข้ามา ..สะสมเข้ามาในกายในจืต ..ตั้งอต่เริมทกลุดจากท้องแม่ แล้วก็พัฒนา สะสมไปเลย ก็ใช้อารมณ์ไปเลย ขันติหยุดยั้งอารมณ์กรรม ในตัวตนไม่ได้ ชนะอารมณ์ไม่ได้ ไปจนวันตาย เราฝึกเพื่อที่จะชนะอารมณ์ในตัวตนของเรา ไม่ได้ไปชนะ ที่กายใจของผู้อื่น..
เรื่องราวหนึ่ง นิสัยที่เราชอบยึด หามายึด ..ทรัพย์สินเงินทอง ยศฐานบรรดาศักดิ์ เราดูพระสิทธัตถะ ที่ทิ้งได้ ..เพราะจิตท่านใหญ่ กว่าทรัพย์สมบัติ ยศฐานบรรดาศักดิ์ ..ท่านก็ทิ้งได้ ส่วนเรานั้นหามายึด ..บอกว่าทำบุญทำทาน จะได้สละความโลภโกรธหลง ที่ซ่อนเร้นออกไป มันทำมากไม่ได้ เพราะจิตมันยึด มันหวง เราก็ฝึกหัดทพบ้าง วันละบาทสองบาท ทำแบบไม่เสียดาย ทำมากมันเสียดาย ..
เรายึดเวลาของโลก จะไปนี่งหน้าพระ ทำจิตทำใจ ไปนั่งนิ่ง เฉยเสียบ้าง ..โลกเค้าก็ไม่ให้เวลา ให้ไปนั่ง .. ก็เลยอยู่กับโลก ยึดโลก อยู่กับอารมณ์ เพิ่มพูนกรรม ..มีแต่เวลา..เพิ่มพูนทุกข์ แล้วก็มาบ่น มาว่า บุญไม่มีจริง กรรมไม่มีจริง ..ก็โลกเค้าไม่ให้เวลา มานั่งพักกายพักจริง นิ่งเฉย ปล่อยวางอารมณ์ แม้เศษเสี้ยววินาที ..ก็ทำไม่ได้เลย
โฆษณา