28 ก.พ. เวลา 14:51 • ความคิดเห็น
เรื่องราวที่เวลาเราพูด คำว่า จิต นั้นเป็นนามธรรม ตัวเราที่มาอาศัยกายมนุษย์ อยู่ชั่วขณะหนึ่ง แท้จริงแล้วก็คือ จิต .
คราวนี้ คำว่า จิต..
จิตคืออะไร
ตัวเราเป็นจิตดวงหนึ่งที่มาอาศัยอยู่ในกายเป็นสังขารที่ก่อตัวขึ้นมาด้วยอากาศธาตุ วิญญาณธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ อายตนะสิบสอง พร้อมด้วยจิตรวมกันเป็นสังขาร
อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมตัวกันด้วยอายตนะที่ก่อตัวรวบรวมกรรมประกอบขึ้นมาจากกรรมที่ทำไว้
จิตนั้นเป็นสังขตที่พัวพันกับธาตุสี่อายตนะและอารมณ์ จิตเราจึงหลงวนเวียนกับโลกที่เกิดขึ้นในตน ยึดถือในสิ่งที่เกิดในตนทั้งอุปทาน อารมณ์ วิบากที่เกิดในตนในลักษณะอัตตา เป็นกิเลสที่ร้อยรัดสรรพสัตว์ไว้ด้วยนิสัยสันดานสัญชาติญาณให้จมอยู่ในเวรกรรม โดยมิมีสติตื่นขึ้นมาดูกลั่นกรองหาเหตุหาผลให้รู้แจ้งสิ่งที่เกิดในตนเป็นลักษณะของอารมณ์ที่เป็นศัตรูเข้ามาทำร้ายจิตของตน อารมณ์เหล่านี้ไม่มีตัวตน
เวลาที่เค้าพูดถึงเรื่องกายทิพย์ เรื่องของการถอดจิต ออกไป .นั้น ก็ปรากฏเป็นรูปร่าง ตอนที่ยังมีกายเป็นมนุษย์ ..คราวนี้ ตอนที่จิตออกจะออกจากร่าง มีการเจ็บป่วย นอนลงไป บางคนก็ทุกข์ทรมาน เป็นเวลาหลายวัน กว่าที่จิตนั่นจะขยับเขยื้อน แทรกจิต แทรกตัว ออกมาจากกาย ที่เค้าว่า เหมือนบ้านที่ถูกไฟไหม้ พูดก็ไม่ได้ หูก็ไม่ได้ยินเสียง น้ำตาหางช้างก็ไหลออกมา ธาตุทั้งสี่ ก็ถ่ายทอด
เป็นเหมือนรีเพลย์ ภาพเสียง เหมือน VDo ถ่านทอดให้ดู มันก็เกิดความสลดใจ ..ในสิ่งที่เกิดความปิดพลาดในการใช้กายวาจาใจ ใช้อารมณ์กรรมต่างๆ พอถึงตอนนี้ ก็หมดโอกาสแก้ไข จิตจะต้องเดืนทางไปสถานที่ทุกข์
เรื่ิองของจิต ที่เป็นนามธรรม มีพระที่ท่านทำได้ .ท่านก็ถอดจิตไปได้ ท่านเล่าให้ฟัง ว่า คิดว่าจะไปที่เชียงใหม่ จิตไปถึงที่เชียงใหม่ ..ธาตุทั้งสี่ก็ปรากฏเป็นรูปร่างท่านได้เลย พระบางองค์ท่าน ก็ไปสอน เทพยดาอินทร์พรหม แม้ว่า กายท่านก็เหมือนว่า นั่งนอนอยู่เฉย นั่นเป็นเรื่องเกินวิสัยที่เรา จะเรียนรู้จักเข้าไปถึง จิตของผู้ที่ได้อภิญญาหก
แล้วเรื่องหนึ่ง ที่เราไม่รู้จักได้เลย เรื่องของกายของพระอรหันต์ ที่กายนั้นเป็นแก้ว ผิวเหมือนเด็กแรกเกิด ที่เค้าว่า กายก็เป็นธรรม จิตก็เป็นธรรม เราก็ได้ยินแต่เค้าพูด เพราะสถานจิตของเรานั้นปุถุชน ยังเป็นผู้หากินอยู่กับโลก อยู่กับอารมณ์โลภโกรธหลง
เรื่องราวอย่างหนึ่ง ที่ว่า ภูเขาลูกนี้ มีคนธรรพ์คนลับแลอาศัย เค้าบอกทางนี้ คนธรรพ์คนลับแลเค้าเดิน เราก็มองเห็นแต่ต้นไม้ บนภูเขา .แต่จริงแล้ว ภูเขานั้นเป็นที่โล่ง เป็นอากาศที่ว่างเปล่า ไม่มีต้นไม้ ไม่มีภูเขาสำหรับเค้า นั้นจึงเปเรื่องราว ของมิติ ที่เป็นนามธรรม
บางที่เค้าว่า มีประตูบุญ เข้าออก .เรื่องประตูบุญ คนที่สร้างบุญกุศลบารมีมาก ..บางที่ประตูบุญ ก็มาลอยให้ดูอยู่ตรงหน้า ..เป็นเหมือนประตูนี้ เป็นประตูทิพย์อยู่กับดินฟ้่าอากาศ ใครมีบุญ ประตูนี้ก็มาปรากฏให้เห็นชัดเจน เหมือนแหวกลอยอยู่ในอากาศ ปรากฏแก่สายตา ให้ประจักษ์ เป็นประตสีทอง ใหญ่โต เหมือนประตูวัง
เรื่องของมิติ นั่นเค้าก็มีหลายมิติ ที่น่าเรียนรู้จัก ก็คือ จิตที่เป็นนามธรรม หูทิพย์ตามทิพย์เค้าเห็นมนุษย์เป็นรูปร่างอย่างไร เราเคยถามพระ ท่านบอกว่า เค้าเก็นที่จิต ที่จิตเราเป็นนามธรรม มีแสงมีสีอย่างไร มีสีดำสีม่วง สีของกรรม ปรากฏให้เค้าดู
เรื่องราวของมิติ นั่นยากที่จะเรียนรู้จัก อีกเหมือนกัน เพราะต้องอาศัยคำว่า จิตมีกุศลบารมี ก็มีโอกาส ได้สัมผัส ..ที่เค้าเรียกว่า มะโนทะศึกษา ให้เรียนรู้ ไม่ได้ให้ไปยึดถือ เป็นเรื่องราวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าพ่อเจ้าแม่ แต่เป็นเรื่องราว ให้เรียนรู้จัก จิตที่เป็นนามธรรม นอกเหนือจากกายมนุษย์ที่พบเห็นด้วยสายตา สายตาของคนมีกรรม จะไปเห็นสิ่งที่เป็นนามธรรม มันก็เป็นไปไม่ได้ .
เรื่องราวหนึ่งของจิต ..ที่เรียกว่า เป็นจิตที่เร่ร่อน ยังไม่มี รูป ..มีกายสัตว์ มนุษย์ให้อาศัย เค้าเหมือนลอย เป็นรูปร่าง เหมื่อนสาคู หรือ ไข่กบ ยังไม่มีรูปให้เกาะเกี่ยว นั่น ก็มีมากมาย ตามสถานที่ต่างๆ บางที่ก็ปรากฏให้ดู เป็นรูปร่างเหมือนตัวหนอน ..เป็นสาย ..สายของวิญญาณ เรื่องใหญ่เหล่านี้ ..พวกที่ท่องคาถาอาคม ไสยศาสตร์ ก็จะไปดึง พวกนี้ มาอยู่ด้วย ที่จริงมันคล้าย เรื่ิองของเชื้อโรค พยาธิต่างๆ ที่กัดกินร่างกาย ทำให้เจ็บป่วยเกิดขึ้น
แล้วเรื่อวราวในการเรียนรู้ สมมุติว่า เค้าจะเห็นเราเห็น เปรต อสุรกาย อะไรอย่างนี้ ถามตัวเองว่า หากเราเห็นแล่วกลัวมั้ย มีความยึดถือมั้ย จะวางจิตเฉยๆได้มั้ย ไปเห็นนรก ..ที่เค้ากำลังทรมาน จิตผู้มีกรรม เป็นสัตว์นรก ..จิตเราจะเตลิดมั้ย จะเสียหายมั่ย
เรื่องราวที่เรียนรู้จัก มิติที่เป็นนามธรรม เค้าเรียนรู้จัก ในเรื่องราวของการเวียนว่ายตายเกิด จิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็มีบุญกุศล นำพาให้ได้กายมนุษย์ แล้วก็อาศัยกายมนุษย์นั่น สร้างบุญกุศลขึ้นมา ให้รู้จักกรรม พอรู้จักกรรม ก็มีเรื่องราวจิตที่มีกรรม มีบุญกุศล เมื่อจิตหมดกายมนุษย์ จะไปสถิตย์ที่ใด
.เค้าให้เรียนรู้สถานที่ทุกข์ สถานที่สุข ..ว่า มีสภาพอย่างไร ให้ประจักษ์ขึ้น แล้วก็เลือเอา ว่าจะไปที่ทุกข์หรือสุข ก็ต้องสร้างเอง สร้างกรรมก็ไปที่ทุกข์ สร้างบุญกุศลก็สถานที่สุข .เรื่องราวอย่างนี้ มันเป็นความรู้ ที่ว่าเป็นปัจจัตตัง
เรื่องรูปนาม .การที่คนเรานั้นมีการใช้อารมณ์อะไรต่างๆ มีขันธ์ห้า ที่เปลี่ยนแปลงไป ตามอารมณ์ ตามวาระของจิต ..จิตที่อาศัยมีรูปกายเป็นมนุษย์ ผู้เรื่อนรู้ในเรื่องอารมณ์กรรมตัวกระทำ .บางที่กายนั้น เค้ากแสดงรูป .น่าตา น่าเกียจ เป็นยักบ้าง เป็นเปรตบ้าง บางที่ก็เป็นสี สีกรรม สีดำ สีม่วง สีกรมท่า สีน้ำตาล แสดงออกมา บางที่ก็แสดงเปรูปขึ้นมา ให้ศึกษา แต่นั้นจิตต้องนิ่งต้องเฉยได้ ไม่ไปดูถูก ดูหมิ่น จิตของผู้ที่มีกรรม อาศัยในกายมนุษย์ นั่น แสดงให้ศึกษา ..ก็เรื่องราวของกรรมอีกนั่นแหละ
คราวนี้ ก็ยังมีเรื่องราวของจิตผู้ที่มีกรรม ที่หมกมุ่นจมอยู่กับมายาไสยศาสตร์ คาถาอาคม เวทนมนต์ มนต์ดำ เค้าก็มีรูป .นาม ที่ว่า ตัวกระทำไสยศาสตร์ให้เรียนรู้จัก รู้จักพิษของเรี่องราวเหล่านั้นมันทำให้จิตนั้น จะสร้างกรรมสร้างทุกข์ได้อย่างไร .แล้วนำพา ให้จิตลงเหวลงนรก .เค้าก็ให้เรียนรู้ จะได้รู้จักพิษของเรื่องราวพวกนี้ จะได้ถอยห่างออกมา
โฆษณา