2 มี.ค. เวลา 12:04 • การ์ตูน

EP : 1,308 Cutie Honey the Original

ในอดีตผมจดจำ อ. Go Nagai จากผู้สร้างสรรค์ผลงานอมตะอย่าง ซีรีย์ Mazinger , Devilman หรือ Getter Robo เป็นสำคัญนะ มันก็น่าจดจำในฐานะผู้ให้กำเนิดเรื่องที่กล่าวมาจริงๆ เพราะแต่ละเรื่องคือจุดเปลี่ยนสำคัญในการนำเสนอมังงะเข้าสู่ยุคหุ่นยนต์และดาร์กสตอรรี่เลยก็ว่าได้
แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มันกลับมีภาพของผู้นำงานด้านทะลึ่งตึงตัง ทะเล้นฮาเฮหรือ ภาพเซ็กซี่เกินเบอร์เข้ามาให้จดจำงานของ อ. โก มากขึ้นอย่างมาก เพราะช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีค่ายไพเรท หยิบงานแนวนี้ของ อ. ในอดีตมานำเสนอมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ผมไม่เคยได้ยินหรือรู้จักเรื่องแนวนี้ของ อ. นะครับ เพียงแต่ว่ามันไม่เคยถูกหยิบยกมาพูดอย่างจริงจัง และผมก็ไม่เคยอ่านงานเต็มๆในแนวนี้ของ อ. มาก่อน พอได้อ่านงานนี้ของ อ. มากขึ้นเรื่อยๆ
ประกอบกับเริ่มมีมุมมองของช่วงเวลาที่เรื่องราวพวกนี้ได้ถูกนำเสนอในสังคมญี่ปุ่นในอดีตที่กว้างขึ้นตามวัยวุฒิ จึงไม่แปลกที่ภาพจำของ อ.โก ในสายตาผมมีเรื่องราวแนวทะลึ่งเกินเบอร์เข้ามาให้จดจำมากขึ้น ซึ่งมันก็ควรเป็นอย่างนั้น เพราะจริงๆ อ. โก ถูกมองและ อ. ก็ชอบที่จะให้มองแบบนั้นด้วยเช่นกัน
เพราะในแง่สำคัญ ความเป็นขบฐทางความคิดและการกล้านำเสนอผลงานของ อ. นั้นไม่ได้อยู่ในแง่มังงะต่อสู้สายหลักของเหล่าผู้ชายเท่านั้น หากแต่กล้านำเสนอเหล่าฮีโร่สาวๆที่ออกมาปกป้องโลกใบนี้ ด้วยร่างกายอันเซ็กซี่และมุกตลกอันหยาบโหลน
ใช่ครับเรื่องนี้ก็เช่นกันกับอีกหนึ่งบริบทแห่งโลกมังงะที่นำเสนอเรื่องราวของฮีโร่สาวในแบบที่ อ. ต้องการนำเสนอเพื่อเปิดมุมมองในญี่ปุ่นตอนนั้น และเพื่อให้เหล่าผู้อ่านที่เป็นผู้ชายได้สนุกกับช่วงเวลาแห่งความสุขเมื่อได้อ่านมังงะเรื่องนี้ใน Cutie Honey the Original ครับ
.... เครื่องที่สามารถสร้างสสารอะไรก็ได้ ขอเพียงมีแค่ธาตุที่มีอยู่ในอากาศมาเป็นวัตถุดิบของเจ้าเครื่องนี้ ก็สามารถสร้างทุกอย่างแม้กระทั่งเพชรพลอยต่างๆ นี่คือ “เครื่องแปรธาตุในอากาศให้แข็งตัว” ที่ ดร.คิซารางิ ผู้มีบทบาทสำคัญในวิทยาศาสตร์หลายสาขาในญี่ปุ่น ได้สร้างขึ้นมา
เพราะมันคือสิ่งประดิษฐที่สามารถสร้างเพชรได้เพียงแค่ใช้อากาศ “แพนเธอร์คลอว์” องค์กรอาชญากรรมระดับนานาชาติจึงส่งกองกำลังเหล่าแบล็คคลอว์ไปชิงเครื่องนี้ แต่พวกมันไม่ได้คาดคิดว่า เจ้าเครื่องนี้ไม่ได้ถูกเก็บอยู่ในสถานที่วิจัยของ ดร อย่างที่ควรเป็น
กลับกลายเป็นว่าเครื่องนี้ได้ถูกฝังไว้อยู่ในร่างกายของ ไซบอร์กสาว ที่ ดร สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นลูกสาวของเขา นั่นคือ “ฮันนี่” และนี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อแย่งชิงเครื่องแปรธาตุ ที่พวกมันต้องการอย่างมาก แม้จะต้องทำทุกวิถีทางใน “Cutie Honey the Original” ครับ
จากที่ผมเคยอ่านงานแนวนี้ของ อ. มาอยู่หลายเรื่อง ที่มีตัวเอกที่เกี่ยวกับผู้หญิงเป็นตัวนำเรื่องหลัก Cutie Honey ให้ความรู้สึกถึงความเป็นเด็กโตหรือดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นพอสมควร ส่วนสำคัญที่ทำให้ผมคิดอย่างนั้นคือเรื่องมีการเล่าเรื่องไม่ได้เน้นความโฉ่งฉ่างมากจนเหมือนบางเรื่อง มีเรื่องที่ต้องการเล่าอย่างชัดเจนครับ
รวมถึงการต่อสู้ที่มีระเบียบแบบแผนไม่เน้นความยืดเยื้อมากจนเกินไป เรียกว่าชัดเจนและจบได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผมไม่ค่อยเจอในงานแนวนี้ของ อ. ซักเท่าไหร่ อาจจะเพราะธีมของเรื่องมันมีความเป็นฮีโร่สาวที่ตั้งแต่แรก อ. ต้องการเน้นความเซ็กซี่เพื่อเสริฟให้กับเด็กๆได้ดูกันได้อย่างไม่เกินเบอร์ไปก็ได้ครับ
เนื้อเรื่องที่พูดถึงไซบอร์กสาวที่สวมชีวิตวัยรุ่นในโรงเรียนสตรี มีธีมของความเป็น ฮีโร่สาวที่มีพลังทางวิทยาศาสตร์ในการต่อสู้ ฉีกแนวออกจากสาวน้อยเวทย์มนต์หรือตัวเอกสาวๆที่มักมีภาพของความสมวัย เป็นสิ่งที่เรื่องนี้มีความแตกต่างอย่างชัดเจนกับมังงะและอนิเมะในช่วงเวลาเดียวกัน
ซึ่งหากใครตามงานของ อ. มาก่อน จะรู้ว่า อ. เป็นนักวาดมังงะคนแรกๆที่กล้าจะนำเสนอเรื่องราวแนวเซ็กซี่และลามกลงไปในมังงะ ซึ่งในช่วงเวลานั้น กลุ่มเป้าหมายมักจะเป็นเด็กผู้ชายเป็นสำคัญ การพยายามค่อยๆแหวกด้วยการใส่เนื้อหาและภาพหวาดเสียวแบบนี้เข้าไป เป็นภาพติดตัวนักเขียนอย่าง อ.โก มาตลอด
อย่างที่บอกว่าส่วนตัวผมมองว่าเรื่องนี้มีความเรียบง่ายของการนำเสนอที่มากขึ้นกว่าเรื่องอื่นๆที่ผมเคยอ่านของ อ. ซึ่งแต่ก่อนมักจะใส่ความสัปดนและความแฟนตาซีในหลายๆด้านเข้าไปในเรื่องราวของสาวๆในแต่ละเรื่องเป็นสำคัญ เราจึงได้เห็นความสัปดนของพฤติกรรมตัวละครทั้งชายและหญิงอย่างชัดเจนในงานอื่นๆ ซึ่งเรื่องนี้ตัดส่วนนี้ออกไปเยอะมาก
เรียกว่าแทบไม่เห็นเลย ซึ่งผมชอบแบบนี้นะ เพราะแต่เดิมมุกสัปดนที่ว่ามันจะมากับมุกตลกทางด้านภาษาหรือสิ่งที่คนญี่ปุ่นจะเข้าใจได้ง่ายโดนทันที และมันก็มาพร้อมความรู้สึกว่ามันเลอะเทอะอยู่ไม่น้อยกับการเล่าเรื่องสาวๆในงานของ อ.โกครับ
พอเรื่องนี้เรียบง่ายขึ้น มันก็ดูเป็นมังงะแนวฮีโร่ที่เข้าถึงผู้คนทั่วไปได้ง่ายขึ้น จะว่าอ่านได้ง่ายและดูไม่สอดแทรกความลามกให้ดูคลุกเคล้าไปทั้งเรื่องก็ว่าได้ แต่เลือกจะนำเสนอความเซ็กซี่และลามกเข้าไปในฉากสำคัญเพื่อให้มันเนียนในแง่การอ่าน อย่างฉากการแปลงร่าง ซึ่งเมื่อเธอจะต่อสู้กับศัตรู ความสยิวกิ้วนิดๆจะต้องมาเยือนคนอ่านซึ่งเน้นไปที่เด็กๆ ผมว่ามันเป็นเส้นคาบเกี่ยวของความทะลึ่งที่สามารถนำเสนอในงานแบบนี้ที่กลุ่มผู้อ่านคือเด็กๆได้ลงตัวดีนะ
ในขณะเดียวกันเนื้อหาในเรื่องนี้ก็มีความเด่นชัดในการนำเสนอความสัมพันธ์เชิงเลสเปี้ยนเข้าไปอย่างชัดเจน เมื่อมองไปว่าเรื่องนี้เขียนในปี 1973 แล้ว ผมโครตทึ่งที่ อ.กล้าจะนำเสนอออกมาชัดเจนอย่างนี้เลย แม้จะไม่มีฉากเร้าร้อนระหว่างสาวๆเข้าไปอย่างชัดเจน แต่แนวความคิดและการสนทนามันก็ชัดในแง่นี้อยู่แล้ว เนื้อหาที่ชวนกระตุ้นความรู้สึกสยิวกลายๆแบบนี้ มันคือสิ่งที่เรื่องนี้มีความแตกต่างและชวนจดจำได้ดีอย่างมากในงานแนวนี้ของ อ. เลยครับ
รวมถึงภาพวาดด้วยเช่นกัน งานดีไซน์ในเรื่องนี้ มีความอิงตะวันออกพอสมควรในสายตาผม ด้วยเรื่องราวมันมีความเกี่ยวข้องกับโรงเรียนชั้นสูงเป็นพื้นฐาน ตัวละครสาวๆ ก็เลยออกมาแนวสาวๆที่มีภาพลักษณ์ค่อนข้างสูง แม้หลายๆตัวละครจะวาดออกมาแนวอุบาท์ก็ตามที ผมว่าเป็นส่วนผสมที่ดูขบขันดีนะ
แต่เหล่าตัวเอกทุกตัวผมชื่นชอบหมดนะครับ โดยเฉพาะฝั่งผู้ร้าย อ. ออกแบบภายใต้คอนเซปตัวร้ายที่ อ. นิยามเอาไว้ได้ดีมากๆ วาดสวยและชวนจดจำไม่น้อย แม้ฉากรบหรือฉากแนวไฮเทคจะไม่ได้มีอะไรนักถ้ามองว่านี่คือไซบอร์กสาวก็ตาม แต่ภาพรวมงานวาดเรื่องนี้ลงตัวและผมชอบไม่น้อยเลยครับ
พูดถึงเนื้อหาของเรื่องนี้ไปแล้วขอมาพูดเรื่องงานผลิตหน่อยนะครับ นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานที่จะบอกว่าต่อเนื่องก็ได้นะครับ เพราะหยิบงานของ อ.โก ที่หาอ่านได้ยากมาทำแบบรัวๆ แม้ไม่ได้ออกติดกันแต่ระยะเวลาที่ออกไม่ห่างกันมาก ซึ่งเป็นงานลักษณะเดียวกันที่หาค่ายอื่นจะหยิบมาทำไม่ค่อยได้ครับ ก็มีทางค่ายนี้คือค่าย Cat Comic นี่แหละครับที่นำเสนอแบบนี้ออกมา
โดยออกรวมทั้งภาคหลักและภาค Gekiman ครับ โดยภาคหลักนี้มีทั้งหมด 2 เล่มจบ (ซึ่งถือว่าไม่ยาวเท่าไหร่สำหรับ อ. โกนะครับ) ทำการพิมพ์ออกมากับขนาดเล่ม BB แบบปกสองชั้น ปกนอกพิมพ์ภาพสี งานสีสันสะดุดตาและสดใสมากๆ แม้ภาพจะออกแนวต่อสู้แต่สีสันที่ใส่มามันชวนชื่นบานจริงๆ งานพิมพ์สีคมชัดดีครับ ส่วนปกด้านในใช้ภาพที่ต่างจากปกหน้าพิมพ์สองสี แต่เลือกพื้นหลังสีชมพูเป็นหลัก มันเลยชวนให้รู้สึกระชุ่มกระชวยกับความหวานแหว๋วอันจัดจ้านของสีกระดาษได้เป็นอย่างดีครับ
เวอร์ชั่นนี้เป็นแบบ 2 เล่มจบนะครับ ตัวเล่มเปิดอ่านแบบญี่ปุ่น เปิดมาจะเจอหน้าสีก่อนเลย สีชมพูอ่านหวานสัดๆ โดยเล่มแรกมีหน้าสี 8 แผ่น(16 หน้า) ไม่รวมกระดาษสี ส่วนเล่ม 2 มีหน้าสี 3 หน้า (6 แผ่น) งานหน้าสีพิมพ์ออกมาได้ดีมากคมชัดชวนฟรุ้งฟริ้งมากๆ นอกนั้นพิมพ์เป็นภาพขาวดำบนกระดาษกรีนรีด 75 แกรมครับ
งานพิมพ์ทั้งหมดคมชัดดีมาก เมื่อรวมกับความที่พิมพ์แบบอันเซน งานชวนสยิวจึงไปได้สุดแบบที่ควรจะเป็นมันคือความดีงามของงานแบบไพเรทนี้จริงๆครับ งานแปลก็แปลได้ดีมีการแปลด้วยการใช้มุกตลกในยุคปัจจุบันที่เข้ากันได้ดีไม่ดูยัดเยียดดีครับ ภาพรวมเป็นงานมาตรฐานแบบที่แฟนๆงานค่ายนี้ตะโกนออกมาตอนได้รับว่า “คุ้มเว้ย” อย่างแน่นอนครับ
จริงๆเรื่องนี้มีอะไรให้เขียนอีกเยอะ แต่ส่วนอื่นๆขอยกไปพูดรวมกับตอนรีวิว “Gekiman! Cutie Honey” จะดีกว่าครับ เพราะในเรื่องนั้นจะพูดถึงที่มาที่ไป ระหว่างการเขียนและเรื่องราวในแบบดัดแปลงบางส่วนที่แตกต่างจากต้นฉบับเล็กน้อย ซึ่งมันมีอะไรให้เขียนถึงเพิ่มอีกเยอะเลย เพราะฉะนั้นครั้งนี้ก็เลยพูดถึงบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับเวอร์ชั่น original จะดีกว่าครับ
โดยสรุปเรื่องนี้เป็นงานเขียนที่ อ. มีความชัดเจนเอามากๆอีกเรื่อง การนำเสนอฉากหวาดเสียวเพื่อตอบสนองให้นักอ่านที่เป็นเยาวชนได้อ่านด้วยความรู้สึกหวาบหวิว แต่ไม่โจ่งแจ้งเกินไปนั้นทำออกมาได้ดีเลย แม้จะมีฉากหวาบหวามอยู่บ้างแต่ส่วนที่ว่า ผมว่าโอเคเลยนะ ไม่โฉ่งฉ่างเหมือนบางเรื่องที่ผมรู้สึกว่ามันอยู่ในระดับสัปดน
จนไม่อยากให้เด็กอ่านเลยก็ตาม เรื่องนี้มีความโต แต่ก็โตในกรอบที่ทุกคนอ่านได้ และสามารถสนุกกับเรื่องราวที่มีเนื้อหาไม่ยาวจนเกินไปได้อย่างลงตัว ชอบเลยครับเรื่องนี้ ใครเป็นแฟนงาน อ. โก ไม่อยากให้พลาดจริงๆครับ
ภาพ 8.5/10
เรื่อง 8.5/10
ความประทับใจ 8.9/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #2เล่มจบ #CatComic #การ์ตูนแนวไซบอร์ก #การ์ตูนแนววิทยาศาสตร์ #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวต่อสู้ #8คะแนน #คิวตี้ฮันนี่ #หนังสือการ์ตูน #Rate18 #สยามอินเตอร์คอมมิค #การ์ตูนแนวเซ็กซี่ #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
โฆษณา