EP : 1,309 ALICE IN OSAMULAND อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ของโอซามุ
ทุกคนที่เป็นแฟนมังงะคงพอรู้กันว่า ผลงานของ อ. Osamu Tezuka นั้นมีเยอะมากแค่ไหน มากขนาดที่ว่า ในวัยนี้แล้วผมก็ยังอ่านงานของ อ. ได้ไม่หมด และแม้ในปัจจุบันงานของ อ. จะถูกนำมาผลิตแบบไพเรทขายกันอยู่ตลอดเวลา มันก็ยังไม่มีทีท่าว่าเรื่องสุดท้ายในเล่มสุดท้ายที่เราจะได้เห็นนั้นคือเมื่อไหร่
ที่ว่านี่คืองานหลักที่เกิดจากฝีมือ อ. โดยตรงนะ ยังไม่มีรวมงานที่ถูกนักวาดมังงะรุ่นหลังหยิบมาเขียนใหม่ในหลายๆโอกาส เพราะแบบนั้น จักรวาลของ อ. โอซามุ คงจะอยู่คู่กับมนุษย์ชาติตลอดไปอย่างแน่นอน และเพราะปริมาณและขนาดที่เยอะนี่แหละ ที่ผ่านมาผมจึงได้เห็นการหยิบตัวละครในหลายๆเรื่องของ อ. มาพบกัน
ด้วยเนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นมาเป็นพิเศษ และในเรื่องนี้ก็เช่นกัน เป็นการหยิบเหล่าตัวละครที่มีอยู่มากมายนั้น นำเสนอภายใต้ธีมเรื่องแบบตะวันตกที่หลายๆคนก็คุ้นหูและเคยได้อ่านกันมาบ้างแล้ว ใน “ALICE IN OSAMULAND อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ของโอซามุ” ครับ
...ระหว่างที่อลิซและพี่สาวของเธอออกมานั่งปิกนิคและฟังเรื่องเล่ากันอยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีกระต่ายพูดได้วิ่งผ่านหน้าอลิซไป ด้วยความสงสัย เธอจึงออกวิ่งตามกระต่ายตัวนั้นไป และอย่างที่รู้กัน นั่นก็ทำให้เธอทะลุไปสู่อีกสถานที่นึงอย่างไม่คาดคิด กับสถานที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งของและผู้คนที่เธอไม่รู้จัก และนี่คือเรื่องราวการหาทางกลับบ้านของเธอจากดินแดนที่เธอไม่รู้จักใน “ALICE IN OSAMULAND อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ของโอซามุ” ครับ
ทุกคนคงคุ้นเคยกับเรื่องของ อลิซ อยู่แล้วจากชื่อ ALICE IN WONDERLAND ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยหลงไปอยู่ในดินแดนอันแปลกประหลาด ซึ่งเรื่องนี้ก็ตามชื่อเรื่องเลยครับ เรื่องราวมันก็แบบเดียวกันเลยนี่แหละ เพียงแต่ว่า สิ่งที่อลิซต้องเจอในเรื่องนี้นั้น คือเหล่าตัวละครต่างๆที่ อ.โอซามุ ได้สร้างขึ้นมาครับ
เอาจริงๆ ก่อนหน้านี้เรื่องที่หยิบเอาหลายๆตัวละครมาเจอกันนั้น มันมีเส้นเรื่องที่เกี่ยวกับการผจญภัยที่ต่างขึ้นอยู่แล้ว แม้จะเป็นอย่างนั้น เรื่องนี้ที่หยิบธีมของอลิซมาเล่า ก็สร้างความกังวลให้กับผมไม่น้อย เพราะในแง่นึง เรื่องมันสนุกไหม เพราะมันก็มีสิ่งที่น่ากังวลอยู่ไม่น้อย ด้วยหัวใจสำคัญของเรื่องนี้คือการหยิบตัวละครที่มีต้นฉบับแตกต่างกันไปอย่างมากมายของ อ. มาใช้งานในเรื่องเดียวกัน แล้วเส้นเรื่องแบบไหนและเล่าแบบนั้น ถึงจะจับปริมาณที่เยอะและแตกต่างกันขนาดนี้มาเล่าให้อย่างสนุกถูกใจแฟนๆของ อ. ละครับ
และมันก็เป็นอย่างที่ผมกังวลไว้ในตอนต้นจริงๆ เพราะเมื่อเข้าเรื่องมา แม้ผมได้เริ่มเห็นตัวละครที่เคยอ่านโผล่ออกมาอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยการแชร์พื้นที่ในการเล่า จังหวะมันก็ใช่ว่าจะทำให้ผมสนุกไปกับจังหวะเรื่องราวในตอนนั้น แม้จะรู้สึกกังวลในสิ่งที่ได้เห็น แต่ผมก็พบว่าเรื่องนี้เขาแก้เกมด้วยแก่นของเรื่องราวที่ใช้ควบคู่กับการผจญภัยเพื่อหาทางกลับบ้านของอลิซนั่นก็คือ การสร้างชุดคำถามระหว่างโลกภายนอกและโลกมหัศจรรย์ของโอซามุครับ
นี่เป็นการสร้างโจทย์และประเด็นที่น่าสนใจเอามากๆ ด้วยการนำเสนอที่มีแก่นของมันเองไม่ได้ดูลอยๆ แม้สิ่งที่เรื่องกำลังสร้างขึ้นมาคือการเปรียบและมองระหว่างโลก 2 และ 3 มิติซึ่งอลิซได้เดินทางมา มันก็ทำให้เนื้อหาของเรื่องออกมาสนุกได้ในทันที กลบปัญหาของการแชร์เนื้อหาของตัวละครที่ออกมาอย่างสม่ำเสมออยู่ตลอดทั้งเรื่องได้อย่างดี
และแม้ผมจะเริ่มสนุกกับโจทย์ที่ระหว่างมิติที่ถูกนำเสนอออกมานั้น เรื่องก็สร้างจุดประสงค์หลักที่ถือเป็นหัวใจของเรื่องแบบไม่ยากเย็นและล้อไปกับชื่อเรื่องได้เป็นอย่างดี และมันก็คือจุดที่ใช้สื่อสารกับแฟนๆได้ดีมากๆในตอนท้ายนั้นก็คือตัว Osamu Tezuka นั่นเองครับ
ผมชื่นชอบประเด็นการพูดถึงตัวตนและการมีอยู่ของตัว อ. โอซามุ มากๆ ทั้งในแง่ ผู้สร้างสรรค์ผลงานและผลงานนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันพร้อมส่งต่อไปในอนาคต อิทธิพลของผลงาน ที่ยังคงส่งผลต่อผู้คนจำนวนมากในปัจจุบัน สิ่งต่างๆที่ใส่เข้ามานั้น ช่วยทบทวนให้เราที่เป็นแฟนงานของ อ. ได้รู้สึกไปพร้อมๆกันกับเรื่องที่ถูกเล่าอยู่เช่นกัน
ในแง่นึงมันคือเรื่องราวการชวนให้เราคิดทบทวนสิ่งที่ อ. ได้สร้าง ได้นำเสนอ ได้ชวนให้เราขบคิดในหลายๆประเด็นและหลายๆสิ่งที่ อ. โอซามุ ต้องการนำเสนอ ซึ่งมีเนื้อหาและรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามช่วงจังหวะของชีวิต ณ เวลานั้นของ อ. และนั่นก็คือเหล่าผลงานที่ถูกสร้างและส่งต่อ เชื่อมต่อกับผู้คนมากมายที่ได้รู้จักเรื่องราวเหล่านั้นของ อ. หรือจะพูดง่ายๆ มันคือสายใยและการเชื่อมโยงระหว่าง อ.และพวกเราครับ
เพราะแบบนั้นสำหรับผมแล้วการที่เรื่องนี้เลือกที่จะตั้งคำถามออกมาแบบนั้นและผูกเรื่องราวการผจญภัยของอลิซในดินแดนมังงะของ อ.โอซามุ ให้ออกมาอย่างในตอนท้ายในเรื่องถือเป็นการนำเสนอที่ประทับจิตประทับใจนักอ่านอย่างผมไม่น้อย แม้เรื่องมันจะชวนสับสนไปบ้างในตอนแรก
แต่ความแข็งแรงของประเด็นที่ถูกสร้างเอาไว้ถือว่าแข็งแกร่งและ(น่าจะ)ถูกใจแฟนๆของ อ.โอซามุ ได้อย่างไม่ยากเย็น และนั่นก็ทำให้ท้ายเรื่องมันลงจอดได้อย่างนิ่มนวล พร้อมส่งผู้อ่านอย่างเราได้ถึงปลายทางที่เรื่องอยากให้เราไปถึง นอกเหนือจากความสนุกของการที่เราได้พบเห็นตัวละครที่คิดถึง คุ้นเคย จากหลายๆเรื่องที่เราอ่านเพียงเท่านั้นครับ
“ALICE IN OSAMULAND” นี้ คืออีกหนึ่งเรื่องที่ถูกนำเสนอมาจาก ค่าย Bootlegg Comic ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งค่ายที่ทำให้ผมได้อ่านงานของ อ. โอซามุ อยู่สม่ำเสมอ รวมถึงมังงะที่เกี่ยวข้องกับ อ.โอซามุ ด้วยเช่นกัน ซึ่งอย่างหลังนี้ หลายๆค่ายไม่ค่อยหยิบมาทำ เพราะส่วนหนึ่งอาจด้วยไม่ใช่ผลงานโดยตรงของ อ. และอีกเหตุผลคือ แค่ผลงานหลักก็ทำออกมาจำหน่ายไม่ทันอยู่แล้ว
ซึ่งสำหรับค่ายนี้ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยได้อ่านงานแนวนี้ที่เป็นการหยิบเหล่าตัวละครมาพบกันอยู่เรื่องสองเรื่อง ซึ่งผมเคยได้รีวิวไว้แล้วครับ เพราะฉะนั้นหากใครสนใจงานแนวนี้ ลองสอบถามค่ายนี้ดูได้นะครับเผื่อมีเก็บไว้อีก
โดยในครั้งนี้ทางค่ายทำรูปเล่มออกมาขนาดหนังสือการ์ตูนทั่วไปครับ โดยปกนอกใช้ภาพเรียบง่ายพิมพ์สี ที่ชวนสะอาดตาเอามากๆ ในขณะที่ปกในมีการใช้เล่าเรื่องราวแนะนำบางอย่างก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาในเล่ม พิมพ์เป็นภาพขาวดำ ซึ่งสำหรับผมการใช้เนื้อที่หน้าปกในแบบนี้ มันสร้างความแตกต่างกับปกหน้า ได้ดีกว่าการใช้ภาพเดียวกันแต่พิมพ์ขาวดำที่หลายๆเรื่องนิยมใช้กันอยู่นะครับ แม้จะเป็นภาพขาวดำเหมือนกันแต่แตกต่างกันอย่างมากในสายตานักอ่านครับ
ตัวเล่มเปิดอ่านแบบญี่ปุ่น ด้านในพิมพ์เป็นภาพขาวดำล้วน บนกระดาษกรีนรีด งานพิมพ์คมชัดดีเหมือนเดิมตามมาตรฐานที่เคยทำเอาไว้ เช่นเดียวกับงานแปลที่แปลได้ลื่นไหลดี อ่านแล้วไม่งง ทำให้งานเล่มนี้ภาพรวมผมถือว่าทำออกมาได้ดีเหมือนเดิมครับ
ปกติเรื่องแนวนี้มันจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากนะครับ เพราะความสนุกของมันที่ลิ้งกับคนอ่านได้เป็นอย่างดีและเป็นจุดประสงค์หลักของการหามาอ่านก็คือ การที่เราจะได้เห็นตัวละครต่างๆของ อ. โอซามุ ที่เราเคยอ่านมาก่อนในงานนี้ การได้ลุ้นว่าจะได้เจอตัวละครไหนบ้าง เราเคยอ่านตัวนี้ไหม และบทบาทจะมาแบบไหนเป็นอะไรที่ชวนลุ้นอยู่เสมอ แต่นั่นก็ต้องหมายถึงความสามารถในการเล่าเรื่องที่ถูกนำเสนอว่ามันกลมกล่อมและทำให้เนื้อหามันชวนติดตามหรือเปล่า
ซึ่งภาพรวมเรื่องนี้ทำได้ดีนะ และมีความซึ้งตามแบบฉบับที่ควรเป็นในงานแนวนี้ครับ เอาเป็นว่าแม้เรื่องนี้ไม่ได้โดดเด่นหรือจัดจ้านในแบบที่ทำให้เราต้องตะโกน แต่ด้วยคอนเซปและแนวทางงานรวมมิตรแบบนี้มันเน้นความละมุนเป็นหลัก การนำเสนอที่ออกมาแบบนี้ผมถือว่าทำมาได้ดีและลงตัวไม่น้อย ไม่รู้สึกหงุดหงิดและยัดเยียนให้ต้องอ่านครับ แนะนำครับบอกเลย
ภาพ 8/10
เรื่อง 8.5/10
ความประทับใจ 8.8/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #BootleggComic #การ์ตูนแนวแฟนตาซี #การ์ตูนแนวรวมมิตร #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวผจญภัย #8คะแนน #อลิซในแดนมหัศจรรย์ของโอซามุ #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #สยามอินเตอร์คอมมิค #เล่มเดียวจบ #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
