Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
2 มี.ค. เวลา 11:00 • สุขภาพ
วางแผนการเงินยังไง? ในยุคประกันสุขภาพ แบบมี “Copayment”
เช็กผลกระทบของผู้ทำประกันสุขภาพ “รายเก่า-รายใหม่” พร้อมแนวทางวางแผนการเงินรับมือการร่วมจ่าย 30-50%
ใกล้เข้ามาทุกทีกับระบบ Copayment ที่อาจสร้างความกังวลให้ทั้งผู้ที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว รวมถึงผู้ที่กำลังวางแผนจะทำประกันสุขภาพในอนาคต วันนี้ aomMOENY จึงขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของ Copayment ต่อผู้ที่มีประกันสุขภาพฉบับเดิมและฉบับใหม่ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการวางแผนการเงินที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้กันดีกว่า
[ ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ Copayment ]
Copayment คือระบบที่ผู้เอาประกันต้องร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลส่วนหนึ่ง โดยจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด กล่าวคือ เป็นรูปแบบการประกันที่ผู้ทำประกันต้องรับผิดชอบจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนหนึ่ง ในขณะที่บริษัทประกันจ่ายส่วนที่เหลือตามเงื่อนไขที่กำหนด
🙋♂️[ ผลกระทบต่อผู้ที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว ]
สำหรับผู้ที่ทำประกันสุขภาพไว้อยู่แล้วก่อนหน้านี้ หรือได้รับอนุมัติภายในวันที่ 19 มีนาคม 2568 มีข่าวดีคือ Copayment ไม่มีผลกับประกันสุขภาพที่มีอยู่แล้ว
กล่าวคือ เงื่อนไข Copayment จะเริ่มใช้กับประกันสุขภาพรายใหม่ที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป โดยไม่มีผลย้อนหลังกับประกันสุขภาพที่ผู้เอาประกันถืออยู่แล้ว
แต่มีข้อควรระวังที่สำคัญคือ ผู้เอาประกันต้องต่ออายุกรมธรรม์อย่างต่อเนื่อง หากปล่อยให้กรมธรรม์ขาดอายุ และต้องทำประกันใหม่หลังวันที่ 20 มีนาคม 2568 จะถือว่าเป็นการทำประกันรายใหม่ และจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข Copayment
นอกจากนี้ ผู้ที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้วควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงแผนประกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงแผนประกันหลังวันที่ 20 มีนาคม 2568 อาจส่งผลให้ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข Copayment ตามแผนประกันใหม่
🙋♂️[ ผลกระทบต่อผู้ที่ต้องการทำประกันสุขภาพรายใหม่ ]
Copayment จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพรายใหม่ ที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป เท่านั้น โดยจะส่งผลกระทบในเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่ต้องมีส่วนร่วมจ่าย
ระบบ Copayment จะเริ่มมีผลเมื่อผู้ซื้อประกันสุขภาพรายใหม่มีการเคลมประกันจนเข้าเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งแบ่งเป็น 2 เงื่อนไขหลัก ดังนี้:
➡️เงื่อนไขที่ 1: การเจ็บป่วยเล็กน้อย (Simple Diseases)
หากมีการเบิกเคลม 3 ครั้งขึ้นไป และจำนวนเงินที่เคลมตั้งแต่ 200% ของเบี้ยประกันขึ้นไป
1
➡️เงื่อนไขที่ 2: การเจ็บป่วยโรคทั่วไป
หากมีการเบิกเคลม 3 ครั้งขึ้นไป และจำนวนเงินที่เคลมตั้งแต่ 400% ของเบี้ยประกันขึ้นไป
💸*อัตราการร่วมจ่าย*
เมื่อเข้าเงื่อนไขข้างต้น ผู้เอาประกันจะต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามอัตราดังนี้:
🔸กรณีที่ 1: ผู้เอาประกันต้องร่วมจ่าย 30% ของค่ารักษาแบบผู้ป่วยในที่เกิดขึ้น หากเข้าเงื่อนไขข้อ 1 ในปีกรมธรรม์ใด
🔸กรณีที่ 2: ผู้เอาประกันต้องร่วมจ่าย 30% ของค่ารักษาแบบผู้ป่วยในที่เกิดขึ้น หากเข้าเงื่อนไขข้อ 2 ในปีกรมธรรม์ใด
🔸กรณีที่ 3: ผู้เอาประกันต้องร่วมจ่าย 50% ของค่ารักษาแบบผู้ป่วยในที่เกิดขึ้น หากเข้าเงื่อนไขทั้งข้อ 1 และข้อ 2 ในปีกรมธรรม์ใด
ทั้งนี้ เงื่อนไขการร่วมจ่ายแบบ Copayment นั้น บริษัทจะมีการทบทวนใหม่ทุกปี ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่ต้องร่วมจ่ายตลอดไป หากในปีถัดไป ผู้เอาประกันไม่มีการเคลมที่เข้าเงื่อนไข Copayment ก็จะไม่ต้องร่วมจ่ายในปีนั้น
[ การวางแผนการเงินเมื่อมี Copayment ]
✅1. ภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ต้องสำรองเงินเผื่อฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้น
ผู้ทำประกันสุขภาพรายใหม่จะมีภาระทางการเงินเพิ่มเติมนอกเหนือจากเบี้ยประกัน หากเข้าเงื่อนไข Copayment โดยต้องเตรียมเงินสำรองเพิ่มเติมสำหรับส่วนที่ต้องร่วมจ่าย 30-50% ของค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยใน
ตัวอย่างเช่น หากค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยในเป็นเงิน 100,000 บาท และต้องร่วมจ่าย 30% ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเงิน 30,000 บาท ในขณะที่บริษัทประกันจ่าย 70,000 บาท ส่งผลให้ต้องเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้น
✅2. การพิจารณาทางเลือกในการรักษาพยาบาล
เนื่องจาก Copayment มีผลกระทบต่อการตัดสินใจเข้ารับการรักษา ดังนั้น เมื่อต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล ผู้เอาประกันอาจต้องพิจารณาความจำเป็นในการเข้ารับการรักษามากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่เร่งด่วน หรืออาจเลือกใช้บริการสถานพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า เพื่อลดภาระในส่วน Copayment
ในแง่หนึ่งนี่อาจเป็นข้อดีที่ทำให้มีการใช้บริการทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ในอีกแง่หนึ่งก็อาจทำให้ผู้เอาประกันชะลอหรือหลีกเลี่ยงการเข้ารับการรักษาที่จำเป็น เนื่องจากกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนที่ต้องร่วมจ่าย
✅3. สร้างความเข้าใจในเงื่อนไขกรมธรรม์
การมีระบบ Copayment ทำให้การวางแผนการเงินสำหรับค่ารักษาพยาบาลมีความซับซ้อนมากขึ้น ผู้เอาประกันต้องคำนวณและกันเงินสำรองเพิ่มเติมสำหรับกรณีที่ต้องร่วมจ่าย และต้องติดตามจำนวนครั้งและวงเงินที่ได้เคลมไปแล้วในแต่ละปีกรมธรรม์
✅4. การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน
วิธีที่ดีที่สุดในการลดผลกระทบจาก Copayment คือการลดโอกาสในการเจ็บป่วยและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เช่น การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การตรวจสุขภาพประจำปี การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม
1
แม้ว่าระบบ Copayment อาจเพิ่มภาระทางการเงินให้กับผู้เอาประกันในระยะสั้น แต่ในมุมมองที่กว้างขึ้น ระบบนี้อาจมีประโยชน์ต่อระบบประกันสุขภาพโดยรวม ดังนี้
💡1. การลดการใช้บริการทางการแพทย์ที่ไม่จำเป็น
เมื่อผู้เอาประกันต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล พวกเขาอาจพิจารณาความจำเป็นในการเข้ารับการรักษามากขึ้น และอาจลดการใช้บริการทางการแพทย์ที่ไม่จำเป็น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนโดยรวมของระบบประกันสุขภาพ
1
💡2. การรักษาเสถียรภาพของเบี้ยประกันในระยะยาว
การลดการใช้บริการทางการแพทย์ที่ไม่จำเป็นและการควบคุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล อาจช่วยให้บริษัทประกันสามารถรักษาเสถียรภาพของเบี้ยประกันในระยะยาว ไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นมากเกินไป
💡3. การส่งเสริมความรับผิดชอบร่วมกันในระบบสุขภาพ
ระบบ Copayment ส่งเสริมแนวคิดของความรับผิดชอบร่วมกันในระบบสุขภาพ โดยทั้งผู้เอาประกันและบริษัทประกันมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้ทรัพยากรในระบบสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การนำระบบ Copayment มาใช้ในประกันสุขภาพในปี 2568 เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผู้ทำประกันสุขภาพรายใหม่ โดยเฉพาะในด้านภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และการตัดสินใจในการเข้ารับการรักษา ดังนั้นควรวางแผนให้ดี และสำหรับท่านไหนมีเทคนิคเพิ่มเติมก็สามารถนำมาแชร์กันได้นะครับ
อ้างอิง:
https://www.oic.or.th/th/co-payment
https://www.kasikornbank.com/.../a633-t1-trg-copayment
...
#aomMONEY #Copayment #ประกันสุขภาพ #ร่วมจ่าย
54 บันทึก
43
2
61
54
43
2
61
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย