5 มี.ค. เวลา 08:12
1. กบข. คือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ จัดตั้งตามพรบ.เฉพาะ กำหนดไว้เฉพาะข้าราชการ โดยมีกระทรวงการคลังดูแล ในขณะที่ ปส. คือกองทุนประกันสังคม ก็จัดตั้งขึ้นตามพรบ.เฉพาะเหมือนกัน แต่กำหนดไว้เฉพาะพนักงานในภาคเอกชน หรือพนักงานของรัฐ โดยมีกระทรวงแรงงานดูแล
2. กบข. บังคับให้ข้าราชการทุกคน ต้องเป็นสมาชิกและต้องส่งเงินออมอย่างน้อยร้อยละ 3 ของเงินเดือนทุกเดือน โดยเงินที่ส่งสามารถนำไปยื่นลดหย่อนภาษีได้ กบข.จึงมีวัตถุประสงค์ หาเงินออมจากสมาชิก!!! แต่ ปส. บังคับให้สมาชิกในกองทุนฯ ต้องร่วมมือกันส่งเงินสมทบเข้ากองกันคนละครี่ง โดยเงินที่ทั้งนายจ้างและลูกจ้างร่วมสมทบ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ แต่ปส. มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้นายจ้างรับผิดชอบต่อลูกจ้าง ในกรณีเจ็บป่วยตายพิการและเกษียณบำนาญ คนละวัตถุประสงค์เลยค่ะที่รัก มันเอามาเทียบกันได้อย่างไรหรือ งงอยู๋!
3. ถ้าจะเปรียบให้ชัด กบข. ก็คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของข้าราชการเขา แต่สำหรับภาคเอกชนทั่วไป หรือพนักงานของรัฐ ก็แล้วแต่ความสมัครใจว่า องค์กรนั้นๆ จะจัดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับพนักงานหรือไม่ เพราะกฎหมายไมได้บังคับค่ะ!
4. ทั้งกบข และปส. ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานเหมือนๆกัน เพราะบางครั้งก็บริหารห่วย มีขาดทุนมีกำไร เป็นเรื่องปกติมากกกกกกก!!! ต่อให้ผู้บริหารกองทุนจบ Harvard University ค่าตัวหลักล้านก็ตาม ที่สำคัญทั้งสองกองทุนนี้ ก็ต้องถูกตรวจสอบจากสตง. ด้วยเหมือนกัน! ถ้าเกิดการทุจริต บริหารผิดพลาด ก็ถูกสอยได้ทั้งหมดค่ะ! สตง เขาไม่ปล่อยไว้หรอกค่ะ บทบาทอำนาจหน้าที่มันคานกันอยู่! ไม่อย่างนั้น ป่านนี้สตง. ควรต้องถูกรัฐสอยก่อนแล้ว!
คนที่จะมาบริหารปส. ไม่ใช่ใครก็ได้
เพราะจะต้องคานอำนาจจากทุกฝ่าย และอำนาจการต่อรอง
ทั้งจากฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างด้วย
การเพิ่มอัตราสมทบก็เพิ่มต้นทุนนายจ้าง
เพิ่มภาระ (ในความรู้สึก)ลูกจ้าง
การลดอัตราสมทบ เงินก็จะไม่พอบริหาร สิทธิประโยชน์
ก็มีแต่จะขอเพิ่ม ไม่มีขอลด ลองลดดูเถอะ เป็นเรื่องแน่นอน
โฆษณา