6 มี.ค. เวลา 00:51 • ข่าวรอบโลก

เปิดฝันร้ายยุโรป! สู้ปูตินตามลำพังโดยไม่มีสหรัฐเคียงข้าง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ไม่กี่วันก่อนตอนที่สหรัฐร่วมกับรัสเซียและเกาหลีเหนือ คัดค้าน มติสหประชาชาติ ประณาม การรุกรานยูครน ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เจ้าหน้าที่ยุโรปรู้แล้วว่า ความสัมพันธ์สองฝั่งแอตแลนติกระหว่างสหรัฐกับยุโรปเกิดปัญหาร้าวลึก
จากนั้นก็มาเห็นการปะทะคารมออกสื่อระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ณ ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่น
บลูมเบิร์กพูดคุยกับเจ้าหน้าที่มากกว่าหกคน ที่เคยมีท่าทีสงบมาตลอดช่วงสงครามและวิกฤติการเงิน แต่คราวนี้พวกเขาแสดงออกอย่างโกรธเกรี้ยว เพราะสิ่งที่เห็นหมายความว่า คุณค่าและความไว้เนื้อเชื่อใจที่ผูกพันยุโรปกับสหรัฐเข้าด้วยกันมาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีอีกต่อไป
“ประธานาธิบดีทรัมป์และรัฐบาลของเขาเพิ่มความท้าทายโดยพื้นฐานต่อความเป็นพันธมิตรข้ามแอตแลนติกกว่าที่เคยในรอบหลายสิบปี”
แกรห์ม แอลลิสัน อาจารย์มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ผู้เคยเรียนกับเฮนรี คิสซิงเจอร์ และทำงานให้กับรัฐบาลบิล คลินตันและโรนัลด์ เรแกน กล่าว
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส, นายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ ของสหราชอาณาจักร และเออร์ซูลา วอน เดอ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ต่างเรียกช่วงเวลานี้ว่า เป็นความท้าทายที่สุดของยุโรปในชั่วอายุคน
พวกเขามีกำหนดหารือกับเซเลนสกีและผู้นำยุโรปคนอื่นๆ ในกรุงลอนดอนวันนี้ (2 มี.ค.) เพื่อกำหนดความเคลื่อนไหวของยุโรปในอนาคต
ทั้งนี้ ในการประชุมฉุกเฉินที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) สหภาพยุโรป (อียู) ตั้งเป้าส่งความช่วยเหลือทางการทหารฉุกเฉินมูลค่า 20,000 ล้านยูโร (21,000 ล้านดอลลาร์) ให้กับยูเครน แต่เงินจำนวนนี้เป็นเพียงเงินดาวน์จากเงินหลายร้อยพันล้านยูโรที่อียูต้องระดมเพื่อการป้องกันประเทศในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หากอียูต้องการรับผิดชอบด้านความมั่นคงของตนเองแทนสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 80 ปี
หลังจากอภิปรายดุเดือดกันมานานหลายปีเรื่องปัญหาและจุดอ่อนของยุโรป การดูแลตนเองโดยไม่อาศัยสหรัฐจำเป็นต้องได้เจตจำนงทางการเมืองที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลยในประวัติศาสตร์ของยุโรป
“แม้ผมอยากจินตนาการว่ายุโรปจะลงมือทำมากขึ้นเพื่อปิดช่องว่างและทำได้ทันเวลา แต่ผมต่อให้ 3-1 เลยว่า ยุโรปไม่ทำ” แอลลิสันกล่าวพร้อมคาดหวังว่า ยูเครนจะยอมรับการเจรจาสันติภาพอันขมขื่นภายในฤดูร้อนนี้
บลูมเบิร์กระบุว่า ความสัมพันธ์ข้ามแอตแลนติกและเครือข่ายพันธมิตรในวงกว้างของสหรัฐ ก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จากค่านิยมร่วมและความไว้เนื้อเชื่อใจ ที่เปิดให้นานาชาติแบ่งปันความลับและพึ่งพากันและกันในช่วงเวลาวิกฤติ
รากฐานความสัมพันธ์นี้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วแข็งแกร่งขึ้นเมื่อชาติยุโรปตะวันออกได้รับการต้อนรับเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) และอียูหลังม่านเหล็กสหภาพโซเวียตล่มสลาย
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจGeopolitics
โฆษณา