6 มี.ค. เวลา 08:42 • ดนตรี เพลง

Oneself Likeness: จาก Tokyo สู่โลกแห่ง Latin Jazz ผ่านจุดเริ่มต้นสำคัญของ Quasimode

หากพูดถึงวงดนตรีแจ๊สร่วมสมัยจากญี่ปุ่นที่สามารถผสมผสานอิทธิพลจากยุคทองของแจ๊สเข้ากับซาวด์ที่สดใหม่ Quasimode คงเป็นชื่อที่ไม่อาจมองข้ามได้เลย ในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกกระแสของดนตรีแนวนี้ยุคใหม่วงแรก ๆ ของญี่ปุ่น
วงดนตรีจากโตเกียววงนี้ได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากดนตรี Hard Bop, Modal Jazz, Soul-jazz และ Latin Jazz ในยุค 60s-70s อัลบั้ม "Oneself Likeness" ที่เปิดตัวในปี 2006 ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการกำหนดทิศทางดนตรีของพวกเขา และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Quasimode กลายเป็นหนึ่งในวงแจ๊สที่โดดเด่นที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น
"Oneself Likeness" คืออัลบั้มที่สะท้อนตัวตนของ Quasimode ได้อย่างชัดเจน ชื่อของอัลบั้มเองก็สื่อถึงการแสดงออกถึงตัวตนและเอกลักษณ์ของวง การเรียบเรียงและซาวด์ของอัลบั้มนี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากศิลปินแจ๊สระดับตำนาน อย่าง Art Blakey & The Jazz Messengers, Horace Silver, McCoy Tyner, Herbie Hancock และ Cal Tjader ซึ่งล้วนแต่เป็นศิลปินที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนา Hard Bop และ Latin Jazz ในยุคสมัยนั้น
ดนตรีของพวกเขาในอัลบั้มนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับงานของวงอย่าง The Jazz Crusaders และ The Afro Latin Vintage Orchestra ที่นำจังหวะละตินมาผสมกับแจ๊สสมัยใหม่ โดยเฉพาะการใช้เพอร์คัชชั่นที่โดดเด่นของ Takahiro "Matzz" Matsuoka ที่ทำให้ซาวด์ของ Quasimode มีมิติที่แตกต่างจากวงแจ๊สทั่วไป
อัลบั้มนี้นำเสนอซาวด์ที่มีพลังและเปี่ยมด้วยอารมณ์ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ อย่าง เปียโนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของ Yusuke Hirado ที่มีความโดดเด่นทั้งในเชิงเทคนิคและอารมณ์ เขาสามารถเล่นในสไตล์ Bebop ได้อย่างหนักแน่น แต่ก็มีความลื่นไหลในแบบ Modal Jazz คล้ายกับ McCoy Tyner และ Herbie Hancock ในช่วงต้นยุค 70s
เบสของ Kazuhiro Sunaga ที่หนักแน่นและลุ่มลึก มีสไตล์การเล่นที่ได้รับอิทธิพลจาก Ron Carter และ Paul Chambers โดยสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับวง ทำให้ทุกองค์ประกอบของดนตรีสามารถลอยอยู่เหนือโครงสร้างของเบสได้อย่างอิสระ
และอย่างสุดท้าย จังหวะที่เต็มไปด้วยสีสันจาก Takashi Okutsu และ Takahiro "Matzz" Matsuoka ที่ทำหน้าที่เป็นมือเพอร์คัชชั่นและมือกลอง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของวง ทำให้อัลบั้มนี้มีอารมณ์ที่สดใสและมีพลัง จังหวะ Afro-Cuban และ Brazilian Samba ที่สอดแทรกเข้ามาทำให้ซาวด์ของพวกเขามีความหลากหลายและน่าประทับใจ
อัลบั้ม "Oneself Likeness" มีหลายแทร็กที่สะท้อนถึงแนวทางของ Quasimode ได้เป็นอย่างดี แต่มีบางเพลงที่โดดเด่นเป็นพิเศษ อย่าง "Catch the Fact Intro" บทนำของอัลบั้มที่สร้างบรรยากาศด้วยซาวด์เพอร์คัชชั่นที่ลึกลับ เปียโนและกลองที่เร่งเร้าและเต็มไปด้วยจังหวะที่ดึงดูด ฟังแล้วเหมือนเป็นการเชื้อเชิญเข้าสู่โลกของ Quasimode
เสียงพูดภาษาละตินในเพลงนี้ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของ Latin Jazz ที่จะสอดแทรกเข้ามาในจังหวะและท่วงทำนอง ผ่านบทเพลงที่เหลือของอัลบั้มได้อย่างไร้ที่ติ
"Down In The Village" เพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Horace Silver และ The Jazz Messengers ด้วยจังหวะที่มีพลัง การใช้ท่อนโซโล่ที่โดดเด่น เสียงเครื่องเป่าที่แพรวพราว และเพอร์คัชชั่นที่ทำหน้าที่เป็นฐานที่แข็งแกร่งให้กับเพลง ทำให้เพลงนี้มีเสน่ห์ที่จะต้องมนต์สะกดตั้งแต่แรกฟัง
"1000 Days for Spirit" หนึ่งในเพลงที่มีโครงสร้างซับซ้อนที่สุดของอัลบั้ม เต็มไปด้วยการเปลี่ยนจังหวะที่น่าสนใจและท่อนโซโล่ที่เร้าใจ ทำให้นึกถึงงานของ McCoy Tyner ช่วงต้นยุค 60s
หรือจะเป็น "Ipe Amarelo" แทร็กที่มีจังหวะและทำนองแบบ Brazilian Jazz อย่างชัดเจน คล้อยด้วยเพอร์คัชชั่นที่สดใสตามสไตล์ Samba ที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานและมีชีวิตชีวา สะท้อนถึงอิทธิพลของ Latin Jazz และ Afro-Cuban Jazz ที่มีต่ออัลบั้มนี้ได้เป็นอย่างดี
ตามด้วย "Skelton Coast" เพลงที่มีโทนลึกลับและเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อน การใช้จังหวะและโครงสร้างเพลงในการสร้างบรรยากาศอันน่าพิศวงและน่าค้นหา ทำให้นึกถึงผลงานเพลงแนว Spiritual Jazz ช่วงยุค 70s ได้เป็นอย่างดี แต่ยังคงเอกลักษณ์ของ Quasimode ไว้ได้อย่างครบถ้วน
"Feelin Green" หนึ่งในเพลงที่มีอารมณ์ผ่อนคลายและเป็นกันเองมากที่สุดของอัลบั้ม ซาวด์ของเปียโนและเพอร์คัชชั่นที่ช่วยสร้างบรรยากาศอันแสนอบอุ่นและนุ่มนวล ผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืน ถือเป็นช่วงเวลาอันผ่อนคลายของอัลบั้มจากแทร็กที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยพลังก่อนหน้านี้
เพลงไตเติ้ลอัลบั้มอย่าง "Oneself Likeness" ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงที่โดดเด่นที่สุดเช่นกัน เพลงนี้เต็มไปด้วยพลังของ Hard Bop และจังหวะแบบ Latin Jazz ที่โดดเด่น เปียโนของ Hirado ขับเคลื่อนเพลงไปข้างหน้าอย่างดุดัน ขณะที่เบสและกลองสร้างพื้นเพลงที่ทรงพลังและหนักแน่น เสียงเพอร์คัชชั่นและเครื่องเป่า ก็ช่วยเพิ่มมิติที่ลึกซึ้งให้กับบทเพลงมากขึ้น เพลงนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการรับอิทธิพลทางดนตรีจากศิลปินยุคเก่ามาปรับใช้ และยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้ได้ เหมือนกับชื่อเพลง "Oneself Likeness" นั่นเอง
ปิดท้ายด้วย "Catch the Fact Outro" บทสรุปของอัลบั้มที่จบลงได้อย่างสง่างาม เพลงนี้นำเอาธีมจาก "Catch the Fact Intro" กลับมา แต่เสริมด้วยโครงสร้างเพลงที่ลึกซึ้งและครบถ้วนมากขึ้น ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเหมือนได้เดินทางผ่านจักรวาลของอัลบั้ม "Oneself Likeness" ก่อนจะปิดม่านลงแทนการอำลาจากการเดินทางนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สมาชิกวงยุคแรกเริ่ม (ซ้าย-ขวา): Okutsu (กลอง), Sunaga (เบส), Hirado (เปียโน) และ "Matzz" Takahiro (เพอร์คัชชั่น)
จุดเริ่มต้นของการย่างก้าวที่สำคัญของวง
"Oneself Likeness" อาจจะไม่ใช่อัลบั้มที่ทำให้ Quasimode โด่งดังในระดับนานาชาติ แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างเอกลักษณ์ของวง พวกเขาสามารถนำอิทธิพลจากยุคทองของแจ๊ส มาผสานกับจิตวิญญาณของดนตรีละตินและแจ๊สร่วมสมัยได้อย่างกลมกลืน ซาวด์ที่สดใหม่และพลังของการแสดงทำให้อัลบั้มนี้เป็นผลงานที่ควรค่าแก่การฟังสำหรับแฟนแจ๊สที่ชื่นชอบทั้ง Hard Bop, Latin Jazz และ Soul-jazz จากยุคคลาสสิก
แม้ว่าอัลบั้มถัดไปอย่าง "Land of Freedom" จากปี 2007 จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้วงได้รับความนิยมในระดับกว้างขึ้น แต่ "Oneself Likeness" คือผลงานที่สะท้อนให้เห็นถึงรากฐานของ Quasimode อย่างแท้จริง และเป็นดั่งบทพิสูจน์ว่าดนตรีแจ๊สจากญี่ปุ่นสามารถก้าวไปสู่เวทีระดับโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรีเช่นกัน
Cr. Bandcamp / FreestyleRecords
Support the Artist @Bandcamp
---
โฆษณา