9 มี.ค. เวลา 11:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จากการจับแมลง สู่การสร้างจักรวาล “Pokemon” คาแรคเตอร์ทำเงินสูงสุดในโลก

เปิดจักรวาล “โปเกมอน” แฟรนไชส์คาแรคเตอร์ที่สร้างรายได้สูงที่สุดในโลก จุดเริ่มต้นมาจากความชอบในการจับแมลงของชายที่ชื่อ “ทาจิริ ซาโตชิ”
“พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า โปเกมอน เป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่สุดแสนอัศจรรย์ของดาวดวงนี้ ไม่ว่าจะบนท้องฟ้า ใต้ผืนสมุทร บนป่าเขา หรือแม้แต่ในเมืองใหญ่...”
เชื่อว่านี่คงเป็นประโยคเปิดของการ์ตูนและภาพยนตร์ เดอะ มูฟวี ในแฟรนไชส์ “โปเกมอน” (Pokemon) ที่หลายคนจำได้ขึ้นใจ เป็นตำนานที่ยังคงครองใจใครหลายคนมาจนถึงทุกวันนี้ด้วยตัวละครสุดเท่และน่ารักชวนหลงใหล เกมที่สนุก และการ์ตูนที่มีเนื้อหากินใจ
พิคาชู และ อีวุย 2 โปเกมอนขวัญใจใครหลายคน
ที่ต้องพูดถึงโปเกมอนเพราะวันที่ 27 ก.พ. ของทุกปีถือเป็น “วันโปเกมอน” (Pokemon Day) เพื่อรำลึกถึงการเปิดตัวเกมโปเกมอนตัวแรกเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 1996 นั่นเอง
ในโอกาสนี้ PPTV Wealth จึงขอชวนมาทำความรู้จักเส้นทางของแฟรนไชส์คาแรคเตอร์สุดโด่งดังที่ธุรกิจครอบคลุมทั้งวิดีโอเกม ซีรีส์และภาพยนตร์แอนิเมชัน เกมการ์ด ครองบัลลังก์คาแรคเตอร์ที่ทำเงินมากที่สุดในโลก โดยปีงบประมาณ 2024 มีรายได้สูงถึง 2.97 แสนล้านเยน (ราว 6.75 หมื่นล้านบาท)
เกมเมอร์ผู้หลงใหลการจับแมลง
เมื่อพูดถึงโปเกมอน บุคคลที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ “ทาจิริ ซาโตชิ” บิดาผู้ให้กำเนิดโปเกมอน ที่ใครหลายคนอาจไม่รู้ว่า แรงบันดาลใจในการคิดค้นพัฒนาโปเกมอนขึ้นมานั้น มาจากงานอดิเรกในการ “จับแมลง” ของเขา
ทาจิริเกิดที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี 1965 โดยเติบโตในเขตมาชิดะ ทางตะวันออกของเมือง ซึ่งในยุคนั้นเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ถูกเมืองกลืนกิน ทำให้มีกลิ่นอายคล้ายชนบท เต็มไปด้วยป่าไม้และแมลงหลากชนิด
ในวัยเด็กทาจิริมีความสุขมากกับการจับและสะสมแมลง เพื่อน ๆ มักเรียกเขาว่า “ด็อกเตอร์แมลง” และเขาถึงขั้นมีความฝันอยากจะเป็นนักกีฏวิทยา (นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาด้านแมลง)
ทาจิริเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร TIME ว่า “ตอนเด็ก ๆ ผมอยากเป็นนักกีฏวิทยา แมลงเป็นสัตว์ที่ทำให้ผมหลงใหล แมลงแต่ละชนิดเป็นปริศนาที่น่าอัศจรรย์ และเมื่อผมค้นหามากขึ้น ผทก็จะพบมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือถ้าผมเอามือจุ่มลงไปในแม่น้ำ ผมจะเจอกุ้งแม่น้ำ ถ้าผมเอาไม้จุ่มลงไปใต้น้ำแล้วเจาะรู มองหาฟองอากาศ ก็จะพบว่ามีสัตว์ชนิดอื่น ๆ มากขึ้น”
ทาจิริ ซาโตชิ บิดาผู้ให้กำเนิด Pokemon
อย่างไรก็ตาม ความเจริญคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้พื้นที่ป่าและแมลงจำนวนมากหายไป ประกอบกับในช่วงนั้นเกมอาร์เคดเริ่มได้รับความนิยม ทาจิริจึงหันมาให้ความสนใจเกมแทน โดยมีเกมโปรดคือ “Space Invader” (1978)
ทาจิริชื่นชอบเกมมากถึงขั้นโดดเรียนบ่อยครั้งเพื่อไปเล่นเกม แต่ก็เรียนชดเชยและได้รับประกาศนียบัตรจบมัธยมปลาย ในตอนนั้นเขายังเริ่มมีความคิดที่จะสร้างเกมเป็นของตัวเอง จึงเข้าเรียนหลักสูตรอนุปริญญา 2 ปีที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติ วิทยาลัยโตเกียว โดยเลือกเรียนสาขาอิเล็กทรอนิกส์และวิทยาการคอมพิวเตอร์
ระหว่างที่เรียน ทาจิริได้เขียนนิตยสารทำมือ ชื่อว่า “Game Freak” ที่แปลว่า “คนบ้าเกม” มีเนื้อหาเกี่ยวกับบทสรุปเกม เคล็ดลับการเคลียร์เกมต่าง ๆ ไปจนถึงอีสเตอร์เอ้กที่ซ่อนอยู่ในแต่ละแกม พูดง่าย ๆ คือ “หนังสือเฉลยเกม” นั่นเอง โดยทั้งหมดเขียนด้วยลายมือและเย็บเล่มแบบง่าย ๆ ฉบับแรกวางขายในปี 1983
นิตยสาร Game Freak ได้รับความนิยมมากพอสมควร เนื่องจากญี่ปุ่นยุคนั้นยังไม่มีหนังสือหรือนิตยสารที่เจาะกลุ่มเกมโดยเฉพาะ เคยขายไปมากที่สุด 10,000 ฉบับ เป็นเล่มที่บอกเคล็ดลับวิธีทำไฮสกอร์ในเกม Xevious (1982)
ผลงานของทาจิริไปสะดุดตา “สึกิโมริ เคน” นักวาดการ์ตูน ที่ชื่นชอบ Game Freak มากและตัดสินใจมาร่วมวงทำนิตยสารด้วย โดยมีทาจิริเป็นคนเขียนเนื้อหา และสึกิโมริเป็นคนวาดภาพประกอบ
สึกิโมริ เคน หนึ่งในผู้ให้กำเนิด Pokemon
แต่เมื่อเล่นเกมและเขียนไกด์เกมไปเรื่อย ๆ พวกเขาเริ่มรู้สึกว่าเกมที่มีในท้องตลาดมีคุณภาพน้อยลง ทาจิริกับสึกิโมริจึงมีเลิกทำนิตยสารเกม และมีความคิดว่า จะพัฒนาเกมของตัวเองขึ้นมา
พวกเขารวบรวมบุคลากร จนได้พบกับ “มัตสึดะ จุนอิจิ” โปรแกรมเมอร์และนักแต่งเพลง ซึ่งมาเป็นคนทำดนตรีประกอบเกม และพัฒนาเกมอาร์เคดแนวพัซเซิลชื่อว่า “Quinty” ขึ้นมาได้สำเร็จในปี 1989 โดยจัดจำหน่ายภายใต้บริษัท Namco หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของวงการเกมญี่ปุ่น
ปีเดียวกันนั้น ทาจิริและสึกิโมริยังได้เปลี่ยน Game Freak ให้กลายเป็นบริษัทเกมเต็มตัว เนื่องจาก Namco ไม่ต้องการทำธุรกิจกับคู่ค้าที่ไม่ใช่บริษัทที่แลดูขาดความมั่นคงและความเป็นมืออาชีพ
หลังประสบความสำเร็จกับ Quinty ทาจิริเริ่มมองหาไอเดียใหม่ ๆ ในการพัฒนาเกม จนไปเห็นข่าวว่าบริษัทนินเทนโด (Nintendo) ผู้ครองตลาดเกมคอนโซล กำลังจะเปิดตัว “เกมบอย” (Game Boy) เกมคอนโซลขนาดพกพา
จุดที่ทาจิริสนใจคือ เกมบอยนั้นมาพร้อมกับ “ลิงก์พอร์ต” คือสามารถต่อสายเพื่อเชื่อมต่อเกมบอย 2 เครื่อง ทำให้ผู้เล่น 2 คนสามารถเล่นเกมด้วยกันได้ และทำให้เขานึกถึงตอนเด็ก ๆ ที่เวลาจับแมลงได้บางครั้งมีการนำมาแลกเปลี่ยนกันกับเพื่อน แต่ละคนจะมีคอลเล็กชันของตัวเอง ใครมีตัวไหนซ้ำก็นำมาแลกเปลี่ยนกัน
ทาจิริจึงคิดว่า ถ้ามีเกมที่จับและสะสมแมลงหรือมอนสเตอร์แล้วสามารถนำมาแลกเปลี่ยนกันได้ คงจะดีไม่น้อย
นี่เองคือจุดเริ่มต้นของโปเกมอน...
Pokemon เป็นเกมที่กำเนิดขึ้นมาเพื่อเกมบอยของ Nintendo โดยเฉพาะ
6 ปีแห่งความทรหด
ทาจิริตั้งต้นจากไอเดียว่า ต้องการสร้างเกมที่ผู้เล่นสามารถสะสมมอนสเตอร์ แล้วนำมาต่อสู่หรือแลกเปลี่ยนกันได้ โดยใช้อุปกรณ์คล้ายแคปซูลในการจับ จึงตั้งชื่อว่า “แคปซูลมอนสเตอร์” (Capsule Monster) แต่ชื่อดังกล่าวถูกจดลิขสิทธิ์ไปแล้ว จึงมีการคิดชื่อ Pocket Monster แทน
คำว่า Pocket แปลว่า กระเป๋า หรือการเก็บเข้ากระเป๋า Pocket Monster จึงสื่อถึงมอนสเตอร์ที่สามารถจับเก็บใส่กระเป๋าหรือพกพาได้นั่นเอง
พวกเขานำไอเดียไปเสนอต่อนินเทนโด แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ค่อยเชื่อมั่นในไอเดียของ Game Freak เท่าไรนัก
มัตสึดะเล่าว่า “สำหรับโปเกมอน เราทำมันกันเองในตอนแรก เราได้นำเสนอแนวคิดเกมให้กับนินเทนโด พวกเขาบอกว่า ‘โอเค โชคดีละกัน ตราบใดที่พวกคุณมีเงิน ก็ทำงานต่อไปนะ’”
ในเวลานั้น Game Freak มีพนักงานประมาณ 10 คนเท่านั้น และการสร้างโปเกมอนรวมแล้วใช้เวลาถึงเกือบ 6 ปี ผ่านช่วงเวลาที่พนักงานลาออก ได้รับเงินเดือนช้า ทาจิริไม่รับเงินเดือน โดยมีแกนหลัก 3 คนที่ไม่เคยไปไหนเลยคือ ทาจิริ สึกิโมริ และมัตสึดะ
สภาวะของ Game Freak ในเวลานั้นต้องเรียก่า เหมือนขอนไม้ที่จะจมมิจมแหล่ แต่ในที่สุดได้รับความช่วยเหลือจาก “มิยาโมโตะ ชิเงรุ” ผู้อยู่เบื้องหลังเกมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ทั้ง Mario, Donkey Kong และ The Legend of Zelda
มิยาโมโตะทำงานให้กับนินเทนโดมาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970 ซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ที่แม้แต่ประธานของบริษัทยังต้องรับฟังความคิดเห็น และได้ช่วยพูดจนนินเทนโดยอมรับไอเดียของทาจิริ และทำข้อตกลงกับ Game Freak อย่างเป็นทางการ
มิยาโมโตะได้ชื่อว่าเป็น “อาจารย์” ที่ทาจิริเคารพนับถือมาก เพราะเขาเข้ามาช่วยสอนงานการสร้างเกมทั้งหมดให้กับ Game Freak แบบชนิดที่ว่าแทบจะจับมือสอน จนโปเกมอนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อย ๆ
มิยาโมโตะยังเป็นผู้ที่เสนอแนะให้มีการทำโปเกมอนที่แตกต่างกัน 2 ภาค โดยให้แต่ละภาคมีโปเกมอนที่อีกภาคไม่มี ดังนั้น หากผู้เล่นต้องการสะสมโปเกมอนให้ครบ พวกเขาจะต้องแลกเปลี่ยนกับคนที่มีเวอร์ชันอื่นอยู่ เป็นการตอบโจทย์ความต้องการของทาจิริที่ต้องการให้เกมของพวกเขามีการแลกเปลี่ยนมอนสเตอร์ที่จับและสะสมมา ทำให้โปเกมอนเวอร์ชันแรกออกมาเป็นภาค Pokemon Red และ Pokemon Green นั่นเอง
การพัฒนาเกมโปเกมอนภาคดั้งเดิมกินเวลานานถึง 6 ปีตั้งแต่เริ่มคิดจนถึงวางจำหน่าย ในช่วงเวลาดังกล่าว Game Freak ได้ทำงานในโปรเจ็กต์อื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น Pulseman, Mario & Wario และ Yoshi เพื่อให้บริษัทดำเนินกิจการต่อไปได้
จนที่สุดแล้ว Pokemon Red และ Pokemon Green ได้วางจำหน่ายในญี่ปุ่นครั้งแรกวันที่ 27 ก.พ. 1996
Pokemon Red และ Pokemon Green เกมโปเกมอนเวอร์ชันแรกสุด
“มิว” คือเทพนำโชค
เกมโปเกมอนภาคแรก หรือที่แฟน ๆ เรียกกันว่า “เจน 1” นั้น มีทั้งหมด 151 ตัว โดยมีสึกิโมริผู้ออกแบบโปรโตไทป์หรือเวอร์ชันแรกของทุกตัว ก่อนจะมีนักออกแบบคนอื่น ๆ มาช่วยกันทำให้ทั้งหมดมีรูปลักษณ์อย่างในปัจจุบัน และมีหลายตัวที่ได้ไอเดียมาจากทาจิริ
ทาจิริเคยให้สัมภาษณ์ว่า แมลงและสัตว์ที่เขาชอบจับในวัยเด็กเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบโปเกมอน โดยเฉพาะประเภทแมลง
หรือโปเกมอนที่ชื่อว่า “เนียวโรโซ” (Poliwhirl) ที่มีเอกลักษณ์คือพุงที่มีลวดลายวน ๆ ขาวดำ ได้รับแรงบันดาลใจจากความทรงจำของทาจิริเกี่ยวกับผิวหนังใส ๆ ของลูกอ๊อดที่มองเห็นอวัยวะภายในขดอยู่ “ทุกสิ่งที่ผมทำตอนเป็นเด็กนั้นรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว นั่นคือโปเกมอน”
เนียวโรโซ (ตรงกลาง) โปเกมอนที่ได้รับแรงบันนดาลใจมาจากลูกอ๊อดที่ ทาจิริ ซาโตชิ เคยจับได้ตอนเด็ก
แต่โปเกมอนอีกตัวที่ทำให้โปเกมอนประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อคือ “มิว” (Mew)
มิวเป็นชื่อของโปเกมอนตัวหนึ่งในจักรวาลโปเกมอน อยู่ในลำดับที่ 151 ของสมุดภาพโปเกมอนสากล ขึ้นชื่อเรื่องความหายากทั้งในเนื้อเรื่องการ์ตูนและในเกม
มิวเป็นโปเกมอนธาตุพลังจิต ร่างกายสีชมพู หน้าตาน่ารัก จมูกกลม หูสามเหลี่ยม และดวงตาสีฟ้าขนาดใหญ่ มีแขนสั้นและเท้าหลังใหญ่กว่า หางยาวและปลายหางเป็นรูปไข่
ในจักรวาลโปเกมอนมีทฤษฎีเชื่อกันว่า มิวเป็นโปเกมอนตัวแรกของจักรวาล ถูกสร้างขึ้นโดยโปเกมอนเทพเจ้าอาร์เซอุส (Arceus) แต่บางทฤษฎีก็เชื่อว่าอาร์เซอุสและมิวให้กำเนิดกันและกัน เพราะต่างเกิดขึ้นในช่วงที่ปริภูมิและเวลายังไม่เกิดขึ้น (จึงนับว่าเป็นโปเกมอนตัวแรกทั้งคู่)
ด้วยความที่เป็นโปเกมอนตัวแรก ทำให้มิวมีพันธุกรรมหรือ DNA ของโปเกมอนทุกตัวในจักรวาล จึงสามารถเรียนรู้ท่าได้ทุกท่า ทุกธาตุ รวมถึงสามารถอาศัยและเดินทางได้ในทุกที่ทั้งบนบก ในน้ำ หรือบินไปในอากาศ รวมถึงบางครั้งจะเห็นว่ามิวสามารถแปลงร่างเป็นโปเกมอนตัวอื่น ๆ ได้อย่างไร้ข้อจำกัด คุณสมบัติเหล่านี้เองที่ทำให้มิวถูกจัดเป็นโปเกมอนมายาที่หายากอย่างมาก
ที่บอกว่ามิวมีส่วนทำให้โปเกมอนโด่งดัง เป็นเพราะตัวเกมภาคแรกออกมาในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในการขายวิดีโอเกม คือหลังปีใหม่
เดิมที Pokémon Red และ Pokemon Green นั้นมีกำหนดวางจำหน่ายในเดือน ต.ค. 1995 ก่อนถึงช่วงเทศกาลวันหยุด แต่สุดท้ายต้องเลื่อนวันวางจำหน่ายออกไปเป็นเดือน ก.พ. 1966
ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้อาจอธิบายได้ว่าทำไมเกมถึงไม่ได้ปังแบบทันทีทันใด ยอดขายนั้นอยู่แค่ขอบ ๆ ของ 10 อันดับแรก ขณะที่นักวิจารณ์ในญี่ปุ่นก็เฉย ๆ เช่นกัน บทวิจารณ์ในนิตยสารเกมชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง Famitsu ไม่ได้พิเศษอะไร และได้คะแนน 29/40
อย่างไรก็ตาม การบอกต่อแบบปากต่อปากนั้นทรงพลังมากเมื่อพูดถึงโปเกมอน และในอินเทอร์เน็ตเริ่มเกิดกระแสเกี่ยวกับโปเกมอนลึกลับที่ซ่อนอยู่ในเกม “สิ่งมีชีวิตหนึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนในแบบที่โปเกมอนตัวอื่น แม้แต่ปิกาจูผู้เป็นที่รักตลอดกาลก็ไม่สามารถทำได้ มันคือโปเกมอนตัวหนึ่งซึ่งไม่ควรอยู่ในเกมเลย มิว”
ความจริงคือ ในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการพัฒนา มิวไม่ได้อยู่ในเกม ณ จุดนั้น ไม่มีอะไรจะสามารถถูกนำออก เพิ่มเข้าไป หรือเปลี่ยนแปลงในทางใดทางหนึ่ง แต่ด้วยข้อมูลจำนวนมากที่ไม่คาดคิด นักพัฒนาจะอดใจไม่ใส่โปเกมอนในตำนานได้อย่างไร
โมริโมโตะ ชิเงคิ ผู้ออกแบบมิว บอกว่า “เราใส่มิวเข้าไปตอนท้ายสุดเลย ตอนนั้นข้อมูลในตลับเกมเต็มเอียดแล้ว และไม่มีที่ว่างสำหรับใส่อะไรเพิ่มเข้าไปอีก แต่จู่ ๆ ฟีเจอร์ดีบั๊กที่ไม่ได้รวมอยู่ในเกมเวอร์ชันสุดท้ายได้ถูกลบออก ทำให้เหลือพื้นที่ว่าง 300 ไบต์ เราจึงคิดว่าเราสามารถใส่มิวเข้าไปได้”
แต่การใส่เข้าไปนี้เป็นเพียงการทำให้ผู้เล่นสามารถเพิ่มมิวลงไปในสมุดภาพโปเกมอน (PokeDex) ได้เท่านั้น ไม่สามารถพบตัวหรือจับได้ แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้เล่นเกิดความตื่นเต้นแล้ว
เกมโปเกมอนภาคแรกนี้ถือเป็นภาคที่ขายดีถล่มทลาย ณ ปี 1998 หรือ 2 ปีหลังเปิดตัว มียอดขายรวมทะลุ 10 ล้านตลับ
ขยายความสำเร็จไร้ที่สิ้นสุด
หลังจากเปิดตัวโปเกมอนในเกมบอย ช่วงปลายปี 1996 บริษัท Creatures ของ “อิชิฮาระ ซึเนคาซึ” ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับโปเกมอนด้วย โดยเข้ามารับผิดชอบการพัฒนาโปเกมอนการ์ดเกม (Pokemon Trading Card Game) และของเล่นโปเกมอนต่าง ๆ
ความสำเร็จของวิดีโอเกมโปเกมอนภาคแรกทำให้ในปี 1997 มีการทำทีวีแอนิเมชันซีรีส์โปเกมอน โดยมีตัวละครเอกคือ “ซาโตชิ” ซึ่งชื่อนี้ถูกเลือกมาเพื่อเป็นการให้เกียรติทาจิริที่เป็นผู้ตั้งต้นปั้นโปเกมอนขึ้นมาจากศูนย์ ขณะที่คู่ปรับคนสำคัญอย่าง “ชิเงรุ” ถูกตั้งชื่อตามมิยาโมโตะ ผู้มีพระคุณของโปเกมอนและทาจิรินั่นเอง
ตัวละครซาโตชิสร้างความสุขให้กับแฟน ๆ ทั่วโลกมานานถึง 26 ปีเต็ม ก่อนจะลาจอไปในตอนสุดท้ายของ Pokemon Master Journey ที่ออกฉายเมื่อเดือน มี.ค. 2023 และมีการเปลี่ยนตัวเอกในภาคใหม่อย่าง Pokemon Horizon
เรื่องราวการผจญภัยของเด็กหนุ่มร่วมกับผองเพื่อนและโปเกมอนได้สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับผู้ชม เช่น ตอนที่เรียกน้ำตาอย่างการจากลากับ “บัตเตอร์ฟรี” (Butterfree) ฯลฯ ได้ทำให้อานิเมะโปเกมอนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วไม่แพ้วิดีโอเกม
จนถึงปัจจุบัน อานิเมะโปเกมอนถูกฉายในทั้งหมด 192 ประเทศทั่วโลก หรือแทบจะทุกประเทศบนโลกแล้ว
โปเกมอนกลายเป็นที่รู้จักทั่วประเทศญี่ปุ่น และทำให้ Game Freak, นินเทนโด และ Creatures เริ่มหมายตาตลาดต่างประเทศ แม้จะไม่มั่นใจนักก็ตาม โดยได้ตั้งบริษัท The Pokemon Company เพื่อดูแลแฟรนไชส์โปเกมอน และทั้งสามบริษัทถือเป็นเจ้าของร่วมมาจนถึงทุกวันนี้
จากนั้นในปี 1998 โปเกมอนได้บุกแผ่นดินสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก ด้วยการ์ตูนแอนิเมชัน ตามด้วยวิดีโอเกม Pokemon Red และ Pokemon Blue โดยภาคกรีนถูกเปลี่ยนเป็น Blue เนื่องจากฝ่ายการตลาดเชื่อว่า สีแดงกับสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีธงชาติสหรัฐฯ น่าจะได้รับความนิยมมากกว่าแดง-เขียว รวมถึงย่อคำว่า Pocket Monster ให้เหลือเพียง Pokemon เพื่อให้เข้าปากชาวต่างชาติ
Pokemon Red และ Pokemon Blue เกมเวอร์ชันสำหรับตีตลาดนอกญี่ปุ่น
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจได้ผล เพราะโปเกมอนกลายเป็นเกมบอยที่ขายเร็วที่สุด ขายได้ 200,000 ตลับในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ และขายได้รวมมากกว่า 4 ล้านตลับ ณ สิ้นปี 1998 ซึ่งเป็นปีเปิดตัว
ขณะเดียวกัน ด้วยความสำเร็จของอานิเมะ ทำให้บริษัทตัดสินใจพัฒนาเกม Pokemon Yellow ที่จะมีเนื้อหาใกล้เคียงกับอานิเมะ
นับจากนั้นมา วิดีโอเกมโปเกมอนที่เป็น Core-Series มีออกมาแล้วทั้งหมด 9 เจนเนอเรชัน มีโปเกมอนมากกว่า 1,000 ตัว เฉพาะตัววิดีโอเกมภาคหลัก (Core-Series) ถูกจำหน่ายไปรวมทุกภาคมากกว่า 480 ยูนิต มีการจัดการแข่งขันนำโปเกมอนมาสู้กันที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ชิงเงินรางวัลหลายล้านบาท เป็นประจำทุกปี
ในส่วนของโปเกมอนการ์ดเกม ได้รับความนิยมและมีการจัดการแข่งขันเช่นกัน โดยมีการ์ดถูกแปลเป็น 15 ภาษา รวมถึงภาษาไทย จำหน่ายใน 93 ประเทศทั่วโลก การ์ดหายากบางใบว่ากันว่าราคาแรงถึงหลักหมื่นหลักแสน
แต่ตัวจุดกระแสโปเกมอนให้เป็นที่รู้จักวงกว้างมากขึ้นไม่ใช่แค่เฉพาะในหมู่แฟน ๆ คือการมาถึงของ “Pokemon GO” (โปเกมอนโก) ในปี 2016 บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่ได้ทำให้เกิดกระแสฟีเวอร์บ้าคลั่งกันไปทั่วโลก จากการผสานเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และอิงพิกัดภูมิศาสตร์ ทำให้ผู้เล่นเหมือนได้ตามล่าโปเกมอนในโลกแห่งความเป็นจริง
โปเกมอนสร้างรายได้สูงที่สุดในโลกในอุตสาหกรรมคาแรคเตอร์
ความบันเทิงที่จะอยู่คู่โลกไปอีก 50 ปี
แม้จะผ่านกาลเวลามาเกือบ 30 ปีเข้าไปแล้ว แต่โปเกมอนยังคงอยู่ในทิศทางของขาขึ้น อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ปีงบประมาณ 2024 The Pokemon Company มีรายได้สูงถึง 2.97 แสนล้านเยน (ราว 6.75 หมื่นล้านบาท) ตัวเลขนี้โตขึ้นมาจากปีก่อนหน้าถึง 26.9%
ในส่วนของกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.27 หมื่นล้านเยน (ราว 1.42 ล้านบาท) โตขึ้น 28.4% ทำให้ผู้บริหารบริษัท The Pokémon Company เชื่อว่า แฟรนไชส์นี้จะอยู่ได้อีกอย่างน้อย 50 ปี หากบริษัทยังคงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ต่อไป
อิชิฮาระ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารบริษัทมาตั้งแต่ปี 1998 กล่าวว่า ปัจจุบันแฟน ๆ ของโปเกมอนนั้นเรียกได้ว่า “มีมาหลายชั่วอายุคน” และเชื่อว่าเหตุผลที่สำคัญที่สุดเบื้องหลังความสำเร็จของพวกเขาคือความจริงที่ว่าโปเกมอนกลายมาเป็น “เครื่องมือในการสื่อสาร” ที่เชื่อมต่อผู้คนทั่วโลก
อิชิฮาระ ซึเนคาซึ ประธาน The Pokemon Company
เขายังเชื่อว่า ด้วยความที่บริษัท Pokémon เป็นบริษัทเอกชนที่ไม่มีผู้ถือหุ้น ทำให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทุกอย่างที่เกี่ยวกับโปเกมอนได้โดยไม่ต้องสนใจอะไร
อิชิฮาระบอกว่า “โปเกมอนเป็นสิ่งเดียวที่เราทำในบริษัทโปเกมอน ดังนั้น กำไรใด ๆ ที่เราได้รับจากโปเกมอน จะถูกนำไปลงทุนใหม่ในโปเกมอน”
เขาเสริมว่า นั่นหมายความว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเกี่ยวกับการขยายหรือสร้างตัวละครใหม่จากผู้ถือหุ้น “ถ้ามีผู้ถือหุ้นถามเรื่องพวกนั้น คำตอบของเราคงเป็น ‘เราจะล้มละลายเมื่อโปเกมอนไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป’ ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะชอบแบบนั้น”
ดังนั้น กาลเวลาอีก 50 ปีข้างหน้าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า คาแรคเตอร์ในดวงใจของใครหลายคนนี้จะก้าวต่อไปได้ถึงจุดไหน
ประวัติธุรกิจ Pokemon
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/243840
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา