7 มี.ค. เวลา 12:55 • ข่าวรอบโลก

นโป​เลียน​ โบนาปาร์ต

ได้ยินปูติน​ พูด‼️ มีคนอยากเป็นนโปเลียน​ แต่
ลืมว่าจุดจบเป็นอย่างไร​ เลยอยากเล่าบ้าง​▪️▪️◾ รัสเซียปลดปล่อยยุโรปจากนโปเลียนได้อย่างไร​ และชัยชนะอันยอดเยี่ยมที่สุดของ
จักรวรรดิ​รัสเซียเหนือโบนาปา​ร์​ต
‼️หลังจากประธานาธิบดีมาครงแห่งฝรั่งเศสแสดงจุดยืนที่แน่วแน่ด้วยคำมั่นที่จะปกป้องอาวุธนิวเคลียร์ให้กับยูเครนและพันธมิตรในยุโรป ประธานาธิบดี
ปูตินได้ตอบกลับโดยกล่าวว่า"บางคนยังคงฝันที่จะกลับไปสู่ยุคนโปเลียน.ดูเหมือนลืมไปแล้วว่า
ยุคนั้นจบลงอย่างไร​ *กล่าวพร้อมถอนหายใจ* ‼️
มาย้อนดูเหตุการณ์​ที่ปูติน​ เอ่ยถึงกัน​ ▪️▪️◼️
เป็นมา​ และจบลง​อย่างไร​ (ยาวนะ)​
นโปเลียน​ โบนาปาร์ต​ 🆚 จักรวรรดิ​รัสเซีย
(ตอนที่​ 0️⃣1️⃣)​ ทำไมนโปเลียนจึงรุกรานรัสเซีย❓
การรุกรานรัสเซียเป็นการสงครามครั้งใหญ่และ
นองเลือดที่สุดของนโปเลียน​ สงครามครั้งนั้นทำให้กองทัพและการปกครองต้องสิ้นสุดลง
แล้วทำไมโบนาปาร์ตโจมตีจักรวรรดิรัสเซีย
นโปเลียน โบนาปาร์ต (ค.ศ. 1769-1821)
จักรพรรดิฝรั่งเศส (ค.ศ. 1804-1814, 1815)
มีความทะเยอทะยานที่จะควบคุมทวีปยุโรปทั้งหมด ไม่เพียงแต่การควบคุมทางการเมืองเหนือรัฐต่างๆ
ในยุโรปเท่านั้น นโปเลียนประสบความสำเร็จด้วยชัยชนะในการรณรงค์ทางทหาร แต่ยังรวมถึง
การควบคุมท้องทะเลและท่าเรือการค้าหลักด้วย
💢 นโปเลียนต้องการ
ที่จะ​ 'บดขยี้' รัสเซีย
สนธิสัญญาทิลซิต​ (Treaties)​ 1807 ลงนามหลังจากชัยชนะของนโปเลียนในสงครามพันธมิตรที่สี่ ได้เปลี่ยนแผนที่ยุโรปไปอย่างมาก รัสเซียและปรัสเซียถูกบังคับให้ยอมรับเงื่อนไขที่รุนแรง โดยเฉพาะปรัสเซียสูญเสียดินแดนเกือบครึ่งหนึ่งของอาณาเขตก่อนสงคราม นโปเลียนใช้ดินแดนเหล่านี้ในการก่อตั้งราชอาณาจักรเวสต์ฟาเลีย ดัชชีแห่งวอร์ซอ
และนครเสรีดานซิก รวมทั้งมอบดินแดนบางส่วนให้
แก่พันธมิตรของตนและรัสเซีย
สนธิสัญญาทิลซิต แม้ว่าจะเป็นการสร้างพันธมิตรระหว่างรัสเซียและฝรั่งเศสเพื่อต่อต้านบริเตนใหญ่และสวีเดน แต่กลับก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่มั่นคง ความร่วมมือที่เปราะบางนี้เสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว และนำไปสู่สงครามพันธมิตรที่ห้าในปี 1809 ซึ่งออสเตรียและบริเตนเข้าท้าทายนโปเลียน แม้ว่ารัสเซียและปรัสเซียจะยังคงเป็นกลาง แต่ก็เห็นได้ชัดว่ารัสเซียเป็นเป้าหมายถัดไปของนโปเลียน
ดังที่นโปเลียนได้กล่าวอย่างเป็นลางร้ายต่อเอกอัครราชทูตของตนในกรุงวอร์ซอในปี 1811
‼️ภายในห้าปี ข้าฯ​ จะเป็นเจ้าแห่งโลก เหลือเพียง
รัสเซียเท่านั้น แต่ข้าจะบดขยี้นาง... จากนั้น
ข้าฯ​ จะเป็นเจ้าแห่งท้องทะเล และการค้า
ทั้งหมดจะต้องผ่านมือของข้าฯ​ แน่นอน​ ▪️▪️‼️
มิตรภาพที่ควรจะเกิดขึ้นระหว่างจักรพรรดิทั้งสองตึงเครียดอย่างหนัก โดยนโปเลียนเคยกล่าวถึงความเฉลียวฉลาดและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าของซาร์อเล็กซานเดอร์ว่า "เป็นชาวไบแซนไทน์โดยแท้"
(เสียดสีชอบใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อน)​
💢 รัสเซียไม่ได้เข้าร่วมการปิดล้อม
ภาคพื้นทวีปของอังกฤษ
แม้ว่าสนธิสัญญาทิลซิตจะกำหนดให้รัสเซียเข้าร่วมระบบภาคพื้นทวีป​มาตรการปิดล้อมทางเศรษฐกิจของนโปเลียนต่อบริเตน​แต่รัสเซียกลับขัดขืน
ระบบปิดล้อมนี้มีเป้าหมายเพื่อทำลายเศรษฐกิจของบริเตนโดยการห้ามส่งออกสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะเหล็กและสิ่งทอ เป็นทรัพยากรหลักสำหรับยุทโธปกรณ์ทางทหาร นโปเลียนตั้งใจจะทำให้อ่อนแอลงไม่เพียงแค่บริเตน แต่รวมถึงกองทัพยุโรปอื่น ๆ รวมทั้งกองทัพของรัสเซีย ด้วยการตัด
เสบียงสำคัญ
นอกจากนี้ มาตรการปิดล้อมยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการส่งออกธัญพืชของรัสเซีย ปริมาณการส่งออกลดลงถึงสี่เท่าตัว
ระบบภาคพื้นทวีปขัดแย้งโดยตรงกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของรัสเซีย ความรู้สึกเช่นนี้เป็นที่แพร่หลายในหลายประเทศยุโรป
นโปเลียนพยายามบังคับใช้มาตรการปิดล้อมผ่านกายึดเรือสินค้า แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร
ภายในปี 1810 รัสเซียประกาศท้าทายสนธิสัญญาอย่างเปิดเผยโดยยังคงทำการค้ากับบริเตน และ
ยิ่งไปกว่านั้น ได้เพิ่มภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าฝรั่งเศสให้สูงขึ้น การละเมิดข้อตกลงอย่างชัดเจนนี้เป็นสัญญาณแห่งการล่มสลายของพันธมิตรฝรั่งเศส-รัสเซีย
💢 นโปเลียนถูกดูหมิ่น
นโปเลียนที่​ไม่มีเชื้อสายราชวงศ์ พยายามเสริมสร้างอำนาจของตนและขยายอิทธิพลผ่านการแต่งงาน ควาใพยายามสองครั้งในการสมรสกับเชื้อพระวงศ์รัสเซีย โดยหวังว่าจะสามารถมีอิทธิพลทางการเมืองในรัสเซียผ่านความสัมพันธ์ส่วนตัว
ในปี 1808 ไม่นานหลังจากสนธิสัญญาทิลซิต
นโปเลียนได้ส่ง ทัลเลย์ร็องด์ รัฐมนตรีต่างประเทศของตน ไปเสนอสมรสกับ แกรนด์ดัชเชสแคเธอรีน พาฟลอฟนา พระขนิษฐาของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 อเล็กซานเดอร์ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเฉลียวฉลาดและการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ปฏิเสธ
ข้อเสนอโดยไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน
นโปเลียนยังคงไม่ลดละ และในปี 1810 ได้เสนอสมรสอีกครั้ง คราวนี้กับ แกรนด์ดัชเชสอันนา
พาฟลอฟนา พระขนิษฐาอีกพระองค์หนึ่ง แต่ข้อเสนอนี้ก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นาน นโปเลียนจึงตัดสินใจอภิเษกสมรสกับ มารี หลุยส์ พระธิดาของจักรพรรดิ
ฟรานซิสที่ 1 แห่งออสเตรีย การแต่งงานครั้งนี้
มีเป้าหมายทางการเมืองที่ชัดเจน นั่นคือการสร้างพันธมิตรกับออสเตรียเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงครามกับรัสเซีย
การอภิเษกสมรสของนโปเลียนจึงยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสและรัสเซียที่กำลังเสื่อมถอยอยู่แล้ว ตึงเครียดมากขึ้นไปอีก
💢 รัสเซียเป็นพันธมิตรกับสวีเดน
ขณะที่นโปเลียนเตรียมกองทัพยุโรปขนาดมหึมาของตนเพื่อรุกรานรัสเซีย มีเพียงสวีเดนภายใต้การนำของกษัตริย์ ชาร์ลที่ 14 จอห์น (เดิมคือจอมพลฝรั่งเศส ฌอง-บาติสต์ แบร์นาด็อตต์) เท่านั้นที่ปฏิเสธเข้าร่วม แบร์นาด็อตต์​ ต้องการอธิปไตยที่เป็นอิสระ ได้กลายเป็นศัตรูกับนโปเลียน
ในเดือนมกราคม ปี 1812 นโปเลียนยึดครอง
โพเมอราเนียของสวีเดน ยิ่งตอกย้ำความเป็น
ปรปักษ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย ทำให้ในเดือนมีนาคม
แบร์นาด็อตต์​ เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย เพื่อตอบแทน ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 สัญญาว่าจะสนับสนุนสวีเดนในการเข้าครอบครอง นอร์เวย์
ในเวลาต่อมาคำสัญญานี้ก็กลายเป็นจริง
พันธมิตรกับสวีเดนถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรัสเซีย อีกเหตุการณ์ที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่ากันคือ สนธิสัญญาบูคาเรสต์ ซึ่งลงนามกับจักรวรรดิ
ออตโตมันเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ปี 1812 เพื่อ
ยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานถึงหกปี
สนธิสัญญานี้เป็นผลงานของ นายพลมีฮาอิล คูตูซอฟ ซึ่งสามารถเจรจาให้ออตโตมันถอนตัวจาก
การเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสได้ ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ทรงให้สัตยาบันสนธิสัญญาเพียง 13 วันก่อนที่
นโปเลียนจะเริ่มการรุกรานรัสเซีย ซึ่งช่วยให้แนวรบทางใต้ของรัสเซียปลอดภัย
ชัยชนะทางการทูตเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้รัสเซียในการรับมือกับการรุกรานครั้งใหญ่ของนโปเลียน
ตอนที่​ 💢2️⃣▪️▪️▪️◾ (สักครู่)​
รัสเซียบดขยี้​ นโปเลียน​ 1812
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
โฆษณา