9 มี.ค. เวลา 01:33 • ข่าว

อัตวินิบาตกรรมซ่อนเงื่อน

กับสิ่งที่เขาใช้อำนาจหน้าที่ฐานะผู้กำกับการสถานีตำรวจทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดด้วยการใช้ถุงดำคลุมหัวจนเสียชีวิต
เมื่อกรรมนั้นสนองคืนให้เกิดอัตวินิบาตกรรมในเรือนจำ มีคนไม่น้อยคิดว่านี่คือผลลัพธ์ที่นักโทษชายคนนี้สมควรแล้ว
อดีตที่เขาเคยมียศ-ตำแหน่งเป็น พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.รุ่น 57)
อดีตที่เขาเคยประพฤติมิชอบในหน้าที่ถูกศาลพิพากษาประหารชีวิต แต่ลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต
นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาควรถูกปกปิดความจริงในการเสียชีวิตคาห้องขังโดยมีการบิดเบือนให้สังคมสงสัย
นี่คือ 12 ประเด็นสรุปสั้นๆ ความอลหม่านการเสียชีวิตของผู้ต้องขังคนหนึ่งในเรือนจำกลางคลองเปรมท่ามกลางความไม่ชอบมาพากล
1. อดีตผู้กำกับโจ้ ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตัดสินประหารชีวิต ฐานร่วมกันซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนถึงแก่ความตายบนสถานีตำรวจ เหตุเกิดเมื่อ 5 สิงหาคม 2564 โดยหนึ่งในลูกน้องที่เป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาส่งคลิปวงจรปิดให้เพจเฟซบุ๊ก “ทนายคลายทุกข์” แล้วส่งต่อให้สื่อมวลชนเผยแพร่สู่สาธารณะ เป็นหลักฐานมัดตัว ผกก.โจ้ อย่างแน่นหนา
ซึ่งนอกจากความผิดหลักๆคือฆ่าผู้อื่นโดยทรมานแล้ว ผกก.โจ้ ยังรีดไถเงิน 2 ล้านบาทจากผู้ต้องหา และลงบันทึกการจับกุมด้วยข้อความเป็นเท็จ นี่เป็นคดีที่ตำรวจตำแหน่งระดับผู้กำกับการก่อเหตุอาชญากรรมร้ายแรงถูกจับเป็นประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งของวงการสีกากีไทย
2. ช่วงชีวิตรุ่งโรจน์ “โจ้ เฟอร์รารี่” คือฉายาที่เขาได้มาจากการเป็นเจ้าของรถสปอร์ตยี่ห้อหรูหลายคัน แต่ละคันมูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาท ชื่อเสียงของ “สารวัตรโจ้” โด่งดังท่ามกลางเซเลบจากแวดวงไฮโซมากกว่าผลงานการปฏิบัติหน้าที่ในอาชีพหลักอย่างตำรวจ เคยคบหากับนักแสดงสาว มีการขอแต่งงานเอิกเกริกไปทั้งวงการบันเทิงโดยที่เขาเองก็มีครอบครัวอยู่แล้ว
เมื่อสารวัตรโจ้หลงไปในแสงสีของราตรีใช้ชีวิตหรูหราและดูเหมือนว่าเขาชอบท่องเที่ยวไปดื่มกินตามสถานบันเทิงร้านอาหารแพงๆ ในที่สุดก็เข้าสู่ด้านมืดอย่างเต็มตัวเพื่อหารายได้มากๆที่รวดเร็วกว่าการรอเงินเดือนข้าราชการ ด้วยการใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปแสวงหาประโยชน์ โดยไม่นึกถึงผลที่จะตามมาในอนาคต
3. หลังจากถูกนำตัวเข้าคุมขังในเรือนจำ ปี 2565 ชื่อของ ผกก.โจ้ เปลี่ยนเป็น ขช. (ผู้ต้องขังชาย) โจ้ เงียบหายไปจากกระแสข่าว เวลาล่วงเลยผ่านไป 3 ปี 6 เดือน กลางดึกราวๆ 23.00น. คืนวันที่ 7 มีนาคม 2568 ตำรวจ สน.ประชาชื่น ได้รับแจ้งเหตุพบศพ อดีต ผกก.โจ้ นักโทษชายผูกคอเสียชีวิตในห้องขังหมายเลข 50 อาคารแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม
โดยมีรายงานว่าในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น 8 มีนาคม อัยการ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ..ความสับสนเริ่มต้นขึ้นที่ตรงนี้
4. กรมราชทัณฑ์ ซึ่งคาดว่าคงใช้เวลาเพื่อเขียนแถลงการณ์ทั้งคืน ยกเอาผลการรักษามาชี้แจงว่าอดีต ผกก.โจ้ มีอาการป่วยทางจิตเวชเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลราชทัณฑ์อย่างต่อเนื่องล่าสุด 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ระบุมีอาการหวาดระแวงกลัวผู้ต้องขังอื่นทำร้าย โดยทำเรื่องขอแยกขังเดี่ยว และเจ้าหน้าที่เวรรักษาการณ์พบร่างมีผ้าขนหนูขนาดเล็กผูกคอไร้ชีพจรเวลา 20.25 น. ลงท้ายว่าไม่มีเจ้าหน้าที่หรือผู้ต้องขังรายใดทำร้ายร่างกาย
5. แต่เอกสารร้องเรียนจากแม่ของ อดีต ผกก.โจ้ เขียนเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ระบุชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ควบคุม นายสิทธิพร มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทบกับสวัสดิภาพ สิทธิขั้นพื้นฐาน ความปลอดภัยต่อ ขช.โจ้ อย่างร้ายแรง หลังจากผู้ต้องขังชายรายหนึ่งไม่พอใจที่อดีต ผกก.โจ้ ขอไม่ให้สูบบุหรี่ใกล้บริเวณพื้นที่ห้องนอน จึงพูดใส่ร้ายให้เจ้าหน้าที่ควบคุมไม่พอใจจนขู่จะทำร้ายร่างกาย ขช.ธิติสรรค์
โดยในปี 2567 มีหลายกรณีที่ทางแม่ร้องเรียนพฤติกรรมข่มขู่ กลั่นแกล้ง ด่าทอ ของเจ้าหน้าที่ควบคุมสิทธิพร รายนี้ ที่น่าตกใจคือเจ้าหน้าที่คนนี้เคยกดดันกลั่นแกล้งอย่างร้ายแรงกับนักโทษรายหนึ่งที่มีปัญหาด้านสุขภาพจนเป็นเหตุทำให้นักโทษฆ่าตัวตายมาแล้ว
6. แม่ของ ขช.ธิติสรรค์ เขียนหนังสือร้องเรียนฉบับนี้ 2 ข้อคือ หนึ่ง-ขอให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ควบคุมรายนี้และดำเนินการทางวินัยหากพบว่าผู้คุมคนนี้มีการกระทำความผิดจริง สอง-ย้าย ขช.โจ้ ออกจากขังซอยแดน 5 โดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเห็นได้ว่าแถลงกรมราชทัณฑ์กับหนังสือร้องเรียนของแม่ ขช.ธิติสรรค์ ขัดแย้งกันกรณีอดีต ผกก.โจ้ ยื่นเรื่องขอแยกขังเพราะกลัวผู้ต้องขังอื่นทำร้าย
7. ยิ่งไปกว่านั้นใบความเห็นแพทย์ ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ยืนยันว่า ขช.ธิติสรรค์ เข้ารับการรักษาอาการกดเจ็บบริเวณชายโครงซ้ายจากการกระแทกของแข็งไม่มีคม และมีแนวฟกช้ำเขียวใต้ราวนมซ้ายที่ต้องใช้เวลารักษาประมาณ 5 วันนับตั้งแต่วันเกิดเหตุ ซึ่งการจะเกิดเหตุบาดเจ็บนี้ได้ย่อมมีเพียงผู้ต้องขังอื่นกับเจ้าหน้าที่ควบคุมเท่านั้นที่รู้เรื่องดี
8. ผลการชันสูตรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะใช้เวลา 2 วัน ซึ่งอาจจะทำให้สาเหตุการเสียชีวิตในเรือนจำของ ขช.คนหนึ่งชัดเจนขึ้น โดยทางด้านน้องสาวและแฟนสาวออกมาเปิดเผยว่า อดีตผกก.โจ้ถูกกลั่นแกล้งจากผู้คุมเรือนจำตั้งแต่ปลายปี 2567 สาเหตุเกิดจากความไม่พอใจที่นักโทษข้างห้องสูบบุหรี่ ผู้กำกับโจ้เหม็นจึงแจ้งผู้คุม แต่กลับถูกตอบโต้ด้วยการต่อยท้อง 2 ครั้ง
ต่อมาวันที่ 10 มกราคม 2568 ขช.โจ้เล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวฟัง บอกว่าไม่ได้ถือโทษใดๆ อีก 3 วันหลังจากนั้น ทนายความเข้าเยี่ยมและได้รับทราบว่าอดีต ผกก.โจ้ถูกขังเดี่ยว ถูกด่าทอหยาบคาย และข่มขู่ทำร้ายร่างกาย จึงมอบอำนาจให้ทนายความแจ้งความ
อย่างไรก็ตามทางกรมราชทัณฑ์ ออกมาทำให้เรื่องนี้มืดดำไปอีกด้วยการไม่อนุญาตให้ตำรวจเข้าไปสอบปากคำ อดีต ผกก.โจ้ แม้ว่าจะมีผลตรวจร่างกายยืนยันการถูกทำร้าย
9. ครอบครัวร้องเรียนไปยังผู้บัญชาการเรือนจำ 4 ครั้ง แต่เอกสารสูญหาย และยังยื่นเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายแห่ง แต่ไม่มีความคืบหน้า ทุกครั้งที่ญาติเข้าเยี่ยม พบว่าอดีต ผกก.โจ้ มีร่างกายทรุดโทรม เนื่องจากไม่ได้รับอาหารที่เหมาะสม และไม่ได้รับอนุญาตให้รับนมกับขนมปังตามที่ร้องขอ ทั้งนี้ ก่อนเสียชีวิตหนึ่งวัน เพื่อนตำรวจและแฟนสาวเข้าเยี่ยม ขช.โจ้ยังพูดถึงอนาคต นับวันรอการปล่อยตัว และยืนยันว่าเขาจะสู้
10. หลังเสียชีวิต เช้าวันที่ 8 มีนาคม 2568 ครอบครัวพบว่าร่างของ ขช.โจ้ยังอยู่ในห้องขัง ไม่มีการช่วยเหลือ ร่างกายมีรอยแดงกลมๆ บริเวณข้อมือและเลือดที่พื้น จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไม่พบการช่วยเหลือใดๆ ทั้งที่เสียชีวิตตั้งแต่เวลา 20.30 น. หรือก่อนหน้านั้น ซึ่งเหตุทั้งหมดนี้ทำให้ครอบครัวติดใจการเสียชีวิต เพราะมีนักโทษรายอื่นที่ถูกกลั่นแกล้งในลักษณะเดียวกันเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายอย่างน้อย 5 ราย
ครอบครัวเปิดเผยว่าก่อนหน้านี้เมื่อขช.โจ้มอบให้ทนายความดำเนินการแจ้งความ มีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์โทรศัพท์มาแสดงความเสียใจ และมีผู้ใหญ่ในกรมราชทัณฑ์พยายามขอให้ครอบครัวถอนแจ้งความ โดยแลกกับการไม่ขังเดี่ยว หลังจากนี้ครอบครัววางแผนจัดงานศพ แต่จะยังไม่เผาจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ยืนยันว่าจะต่อสู้เพื่อความจริงและความยุติธรรมในกรณีนี้
11. ย้อนกลับไปยังการกระทำความผิดในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ช่วงยังดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ต้องยอมรับว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ขณะนั้น ประพฤติผิดอย่างร้ายแรงจริง แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อดีตผกก.โจ้ ก็ถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตและกำลังชดใช้โทษนั้นในเรือนจำ ความรู้สึกสะใจกับการเสียชีวิตของสมาชิกครอบครัวใครสักคน แม้ผู้ต้องขังนั้นจะเคยก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญแต่ในความเป็นคนที่เขายังหลงเหลืออยู่ อย่างน้อยเขาก็คือบุคคลหนึ่งอันเป็นที่รักของครอบครัวเขาเอง
12. ชาวเน็ตอาจรู้สึกว่าเหตุอัตวินิบาตกรรมครั้งนี้เป็นโทษอันสมควรแล้วของอดีต ผกก.โจ้ แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่คนในสังคมส่วนหนึ่งเองก็ตั้งข้อสงสัยกับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ควบคุม ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง นี่คือการปฏิบัติชั่วอย่างร้ายแรงเช่นกันที่ต้องมีการรับโทษทางอาญา
ไม่ควรมีใครต้องถูกทำร้ายร่างกาย กดดัน กลั่นแกล้ง จนต้องเสียชีวิตขณะถูกคุมขังในเรือนจำ ทั้งๆที่ประเทศนี้ยกเลิกโทษประหารไปแล้ว ถ้า ขช.สักคนควรต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากบาปกรรมที่ก่อขึ้น เขาก็ควรได้รับการทรมานอย่างสาสมด้วยเวรกรรมของเขาเอง ไม่มีอำนาจนอกกฎหมายใดสามารถบังคับทำให้เขาต้องเสียชีวิตได้
เพียงเพราะเรารังเกียจการประพฤติชั่วในอดีตของเขา นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ควรได้รับความยุติธรรมครั้งสุดท้าย
เรารังเกียจพฤติกรรมประพฤติชั่วในอดีตของเขาอย่างเข้าไส้ เพราะเขาไม่ใช่คนในครอบครัวที่เรารักเท่านั้นเอง
นี่คือสาเหตุที่เราแช่งเขาให้ขาดใจด้วยความทุรนทุรายเพียงเท่านั้นหรอกหรือ?
โฆษณา