เมื่อวาน เวลา 15:06 • ความคิดเห็น
เรื่องราวการไม่ต่อต้าน ..เพื่อนชวนไปกินเหล้า เราก็ไปนั่งกินด้วย แต่เราไม่กินเหล้า มันก็มองเราแปลก มันบอกว่า มึงนีแปลก ผิดปกติ ..มีอะไรว่ะ เราก็ไม่ว่า มันไปอยากกิน ..ตอนกลัวมันก็เลยไม่ชวน ..ยิ่งเพื่อนรู้ว่า ไปเข้าวัด ไปฝึกหัดปฏิบัติธรรม มันก็มีคำกระแหนะกระแหน มาเค้าหู ..เราก็ต้องปล่อยเค้าไป .. ตอนหลังเค้าก็หายไปเอง
..พอเรารู้จักกรรม ..ก็ชวนเพื่อนทำบุญ ญาติบ้าง ..คราวนี้ ..เค้าก็ค่อนๆหายไปๆ ตอนหลัง ก็ค่อยเข้าใจ ว่า เหมือนพระที่นท่านบอก คนเข้าชอบกรรม เค้าก็ต้องวิ่งหากรรม เพิ่มพูนให้มากขึ้น พอเห็นคนมีบุญ ..เค้าก็เหมือรไม่ชอบอย่างนั้นแหละ ไม่อยากอยู่ใกล้ ..เราก็สังเกตดู แม้แต่ในวัดวาอาราม ก็มีการแนกกันออกไป . แต่นั่นไม่ใช่ปัญญาของเรา ปัญหาของเรา ก็คือ ทำอย่างไร จะให้มีเวลา แบ่งเวลามา ปฏิบัติธรรมให้เพิ่มขึ้น แล้วก็ มันก็เป็นเรื่องตัวใครตัวมัน
ใครทำเองมันได้เอง ใครไม่ทำเค้าก็ไม่ได้ ..แล้วเรื่องที่บอกว่าเป็นปัจจัตตังอะไรต่างๆ นั่น ที่เกิดขึ้นมา ในผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรม มันก็ยิ่งไปบอกเล่าใครไม่ได้ บอกเล่าให้กับครูบาอาจารย์ ในเรื่องราวที่มันละเอียดอ่อน ที่เราจะได้ นำไปพิจารณาใคร่ครวญ แก้ไข การวางจิตวางใจ ในการประพฤติปฏิบัติธรรม ต่อไปได้ เพราะอุปสรรคต่างๆมันก็มีมากมายก่ายกอง
เอาแค่แก้ไขตัวเอง ก็ยังยากเย็นอสันเข็ญ เพราะใจเรามันหลงใหลอารมณ์มานาน คอยจะไปจับผิดคนอื่น คอยจะเห็นตัวเองดี บางทีก็สงสารคนอื่น แต่ก็ไม่สงสารจิตขิงตนเองที่จมอยู่กรรม โดยไม่รู้ตัวเลย จิตมีกรรม นำเกิด ..เกิดที่นั่นที่นี้ เกิดตายๆ เกิดทีไร ก็ทุกข์ ก็ยังชิบการเกิด เดี๋ยวไอ้นั้นไอ้นี้เกิด เกิดรัก เกิดชอบ เกิดไม่พอใจ เกิดอยาก ..อยากสาระพัดที่จะเกิด บ้างก็ว่า เกิดดับๆ ..ก็ขอบ .อยู่อย่างนั้น ชอบในอารมณ์เกิดที่ไม่เทียง มันก็เป็นอย่างนี้ .จะไปโทษใครไม่ได้เลย..ในสิ่งที่อารมณ์กรรมจะนำไป
โฆษณา