ตัดอวัยวะรักษาชีวิตและวิธีคิดแบบฮาราคีรี
เมื่อวานผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณตัน ภาสกรนทีที่หลักสูตร aloha คุณตันผู้ซึ่งประสบความสำเร็จในหลายธุรกิจ คุยอะไร ทำอะไรตอนนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องง่าย ประสบความสำเร็จไปหมด แน่นอนว่าก็จะมีคนบอกว่าเพราะคุณตันมีสตางค์เยอะ ทำอะไรก็ง่าย
แต่ถ้าถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่หนุ่มๆ คนแบบคุณตันถ้าไม่มีท่าไม้ตายอะไรบางอย่างก็ไม่น่าจะมาถึงวันนี้ได้ เพราะคุณตันเรียนหนังสือน้อย รูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย พูดไม่ชัด (คุณตันบอกเอง) เริ่มงานแรกก็เป็นจับกังเงินเดือนไม่กี่พัน
ในชีวิตคุณตันมีหลุมลึกที่ให้ปีนยากอยู่สองหลุมใหญ่ ผมถามถึงวิธีคิดที่ทำให้คุณตันปีนขึ้นหลุมลึกสองหลุมนั้นขึ้นมาได้ หลุมแรกคือทำอย่างไรคุณตันถึงหลุดจากอาชีพจับกังจนมีเงินเป็นสิบล้านได้ และพอมีเงินเป็นร้อยล้านลงทุนผิดพลาดเจอพิษเศรษฐกิจปี 40 มีหนี้ท่วมเป็นร้อยล้าน ทำยังไงถึงออกจากหลุมหนี้ที่ลึกขนาดนั้นได้เช่นกัน เพราะถ้าออกจากหลุมสองหลุมนั้นไม่ได้ก็คงไม่มีคุณตันในวันนี้
คุณตันเล่าถึงวิธีคิดของคนการศึกษาน้อยแต่บ้าระห่ำที่ทำให้เจ้านายรักจนได้โปรโมท หลุดพ้นจากอาชีพจับกังได้ ก็คือวิธีคิดแบบหนังญี่ปุ่นที่คุณตันเคยดู คุณตันเรียกว่า “ฮาราคีรี” เหมือนซามูไรที่ถ้ารับคำสั่งนายแล้วจะทำถวายชีวิต ทำให้สำเร็จให้ได้ เพราะถ้าไม่สำเร็จก็จะรู้สึกอัปยศจนต้องคว้านท้องตัวเองรับผิดชอบ
ตอนเป็นจับกัง นายให้ทำอะไรก็ทำเกินเสมอ มาก่อนกลับหลัง อาสามันทุกแผนก นายให้เป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ต้องขี่มอเตอร์ไซด์เป็น คุณตันขี่ไม่เป็นก็อาสาก่อนแล้วไปรีบหัด ล้มเป็นแผลเป็นจนปัจจุบัน ตอนหลังย้ายไปฝ่ายขายก็ขายเก่งจนเป็นทอปเซลล์ ขอให้แค่นายสั่ง คุณตันจะสู้ให้ได้ตามคำสั่งนั้น คุณตันสำทับด้วยว่าเคล็ดลับอีกประการก็คือมีทีมที่เก่งและต้องแบ่งผลประโยชน์ให้คนเก่งมากๆ เพื่อให้ทำงานให้เรา
พอมาเริ่มเป็นเถ้าแก่น้อยเอง เปิดแผงหนังสือเล็กๆ ที่ท่ารถชลบุรี ผมก็ถามว่าคู่แข่งก็มีตั้งเยอะ เปิดแผงหนังสือเหมือนๆ กัน แป๊บเดียวทำไมคุณตันถึงชนะคนอื่น ซื้อกิจการ ขยายไปธุรกิจอื่นได้อย่างรวดเร็ว
คุณตันก็บอกว่าอย่างแรกก็ทำเหมือนเดิม เปิดก่อน ปิดทีหลัง ก็ได้ลูกค้ากะดึกในขณะที่คนอื่นไม่เปิด คุณตันบอกอีกว่าการที่เคยทำงานบริษัทใหญ่อย่างสหพัฒน์ที่สอนงานระบบ สอนให้รู้จักเข้าใจลูกค้า พอมาสนามต่างจังหวัดนั้นทำให้ง่ายขึ้นมากเพราะเคยเห็นการแข่งขันที่เข้มข้นที่กรุงเทพมาแล้ว (เหมือนนักกีฬาฝึกแบบโอลิมปิกพอมาแข่งซีเกมส์ก็ง่าย.. ผมเติมเอง)
คุณตันใส่ใจลูกค้าทุกคนที่เดินเข้ามา จดใส่สมุดว่าคนนี้ชอบหนังสืออะไร ซื้ออะไรไป พอถึงเวลาก็เตรียมหนังสือเก็บไว้ให้ ลูกค้าก็เลยติดและไม่กล้าไปซื้อที่ไหนเพราะเกรงใจที่เก็บไว้ให้ ทำกิจการแบบสู้ตายแบบไม่สำเร็จต้องคว้านท้อง แป๊บเดียวก็ซื้อห้องแถวติดๆ กันได้หลายห้องและขยายกิจการจนมีตังเยอะ
แต่พอเจอปี 40 คุณตันมีหนี้จากการขยายไปทำอสังหาอยู่เป็นร้อยล้าน พอเศรษฐกิจพัง คุณตันก็นึกถึงคำสอนในสมัยวัยหนุ่มที่ติดตามเป็นเด็กรับใช้เศรษฐีไปกินโต๊ะจีนได้ ในตอนนั้นก็ฟังแค่ติดหู ปกติคุณตันมีหน้าที่เช็ดน้ำมันหนังเป็ดปักกิ่งเพราะเฮียกวงหนึ่งในเศรษฐีไม่ชอบกินมัน และก็ได้นั่งฟังเหล่าเศรษฐีคุยกันเรื่องวิกฤตราชาเงินทุนว่าคนที่รอดมาคือคนที่ตัดอวัยวะรักษาชีวิต มีอะไรขายได้ขาย ไม่ยึดติดกับคุณค่าทางจิตวิญญาณ มรดกพ่อ สมบัติแม่ คนแบบนั้นถึงรอดมาได้
พอเจอวิกฤตหนี้สินล้นพ้นตัวเอง คุณตันนึกถึงคำพูดติดหูนั้นก็เลยใช้คาถานั้นขายทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ขาดทุนก็ขาย รวมถึงแหวนแต่งงานภรรยา คุณตันบอกว่าคนมีหนี้ได้ร้อยล้านก็ต้องมีรายได้อยู่แล้ว แต่ปัญหาที่ตายคือรายได้ไม่พอจ่ายดอกเบี้ย พอยอมขายขาดทุนทุกอย่างเพื่อลดหนี้ ถึงจุดนึงรายได้สูงกว่าดอกเบี้ยก็จะค่อยๆฟื้นตัวได้
แต่ถ้ายังหวงสมบัติ ไม่กล้าขายขาดทุนหรือขายช้าไปส่วนใหญ่ก็จะไม่รอด หลังจากนั้นคุณตันถึงชอบไปอยู่ในวงสนทนากับคนเก่งๆ เวลาจะทำธุรกิจอะไรใหม่ๆจะไปถาม ไปเข้าใจให้ลึกซึ้งก่อนเพราะความรู้จากคนเก่งหรือคนที่มีประสบการณ์มาก่อนนั้นมีค่าเสมอ
สำหรับผม คุณตันในวันนี้ก็อาจจะเหมือนเฮียกวงในวันก่อน ฟังติดหูไว้ในวันที่ยังไม่ได้ใช้ ซึ่งต่อไปวิธีคิดแบบฮาราคีรีและตัดอวัยวะรักษาชีวิตก็อาจจะมีประโยชน์กับใครบางคนที่อยู่ในหลุมลึกแล้วไม่รู้จะออกมายังไงก็เป็นได้นะครับ…
- 50
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- โฆษณา
- © 2025 Blockdit
