สรุปสูตร ตั้งชื่อร้าน-ชื่อสินค้า 5 ข้อ จากคู่มือ Shopee ให้ร้านเป็นตัวท็อปในหน้าค้นหา ลูกค้าเจอง่าย
1. พื้นฐานง่าย ๆ ที่จะทำให้คนจำนวนมากเห็นสินค้าของเรา ขึ้นอยู่กับ 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่
- ชื่อร้านค้า
- ชื่อสินค้า
- คำอธิบายสินค้า
โดยทั้ง 3 ส่วนนี้ ควรนำหลักการ SEO หรือ Search Engine Optimization มาใช้ เพื่อทำให้ลูกค้าค้นหาสินค้าของเราเจอ ไม่ว่าจะเป็นใน Shopee เอง หรือจะเป็นการค้นหาผ่านเซิร์ชเอนจินอย่าง Google ก็ตาม
_________________________________
2. สูตรการตั้งชื่อร้านค้า
- หากเป็นร้านค้าทางการของบริษัท หรือแบรนด์
ควรตั้งชื่อร้านโดยใช้ชื่อของบริษัท หรือชื่อแบรนด์สินค้า ตามด้วยคำว่า Official Store
ตัวอย่างเช่น
Yuedpao - ยืดเปล่า Official Store
The Ordinary Thailand Official Store
Watsons Official Store
Cerave Official Shop
การตั้งชื่อร้านค้าแบบนี้ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าได้
- หากเป็นร้านค้าอื่น ๆ เช่น ร้านค้าขนาดเล็กหรือธุรกิจ SME ที่เปิดร้านบน Shopee
ควรตั้งชื่อร้านด้วยชื่อทางการของร้าน หรือชื่อที่ใช้จดทะเบียนพาณิชย์ แล้วตามด้วยจังหวัด หรือพิกัดที่ร้านตั้งอยู่ ประเภทธุรกิจ หรือชนิดของสินค้าที่ขาย
ตัวอย่างเช่น
เจริญพาณิชย์ ขายส่ง ระยอง
สราญรมย์ ของฝากนครนายก
คุณแม่ชอบ น้ำพริกเพื่อสุขภาพ
ซึ่งการใส่พิกัด ประเภทของธุรกิจ หรือชนิดของสินค้าที่ขาย จะทำให้ลูกค้าค้นหาร้านค้า และสินค้าเจอได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีข้อควรระวังคือ ไม่ควรใช้ชื่อร้านค้าตามชื่อ Username ของ Shopee ที่ใช้สำหรับการซื้อสินค้า เพราะจะทำให้ร้านค้าดูไม่น่าเชื่อถือ
_________________________________
3. สูตรการตั้งชื่อสินค้า ต้องมีความยาวไม่เกิน 120 ตัวอักษร
สูตรการตั้งชื่อสินค้าที่แนะนำคือ ชื่อแบรนด์ของสินค้า + ชื่อรุ่น + ชื่อรุ่นย่อย (ถ้ามี) + ประเภทของสินค้า + คุณสมบัติเพิ่มเติม
ตัวอย่างเช่น
Nike Air Max 90 รองเท้าผ้าใบผู้หญิง สีชมพู
ซึ่งแยกออกเป็นส่วนต่าง ๆ คือ
Nike (ชื่อแบรนด์) + Air Max (ชื่อรุ่น) + 90 (ชื่อรุ่นย่อย) + รองเท้าผ้าใบผู้หญิง (ประเภทของสินค้า) + สีชมพู (คุณสมบัติเพิ่มเติม)
หรืออย่างตัวอย่างอื่น ๆ เช่น
- Yuedpao Oversized Timeless ผ้าหนายับยากรีดง่าย เสื้อยืดทรงหลวม ดีไซน์คลาสสิค เสื้อยืดเปล่า โอเวอร์ไซส์ สี Dark Green
- ไฟน์ไลน์ ซักผ้า สูตรเข้มข้น ออร์แกนิค อโลเวร่า 1850 มล. สีเขียว สูตรออร์แกนิค ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ
สูตรการตั้งชื่อสินค้าแบบนี้ สังเกตได้ว่านอกจากจะมี ชื่อแบรนด์ และชื่อรุ่นของสินค้าแล้ว
ยังต้องมีองค์ประกอบอื่นเพิ่มเติม นั่นคือ รุ่นย่อย ประเภทของสินค้า และคุณสมบัติเพิ่มเติม เพื่อทำให้ลูกค้ารู้ได้ทันทีจากการอ่านในเวลาไม่กี่วินาทีว่า สินค้าชิ้นนี้ คืออะไร และมีคุณสมบัติอะไร
และที่สำคัญคือ องค์ประกอบเพิ่มเติม ยังทำหน้าที่เป็น “คีย์เวิร์ด” ที่ใช้ในการค้นหา ทั้งใน Shopee และเซิร์ชเอนจิน ทำให้ลูกค้าหาสินค้าเจอได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
_________________________________
4. การเขียนคำอธิบายสินค้า ไม่ได้มีสูตรตายตัว
โดยปกติแล้ว คำอธิบายสินค้ามักมีความยาวในระดับหนึ่ง จึงไม่ได้ยากเท่าการตั้งชื่อร้านค้า และชื่อสินค้า
แต่ก็มีองค์ประกอบพื้นฐานที่ควรมี ได้แก่
- คำอธิบายสินค้าต้องมีรายละเอียดที่ครบถ้วน เช่น ชื่อแบรนด์ ชื่อรุ่น รุ่นย่อย คุณสมบัติ ฟีเชอร์ การใช้งานเบื้องต้น
- ควรมีเงื่อนไขการรับประกัน หรือคำแนะนำเมื่อสินค้ามีปัญหา ว่าต้องทำอย่างไร หรือติดต่อใครเพื่อรับบริการหลังการขาย
- ควรมีการระบุถึงปัญหาที่ลูกค้าพบบ่อย พร้อมวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นด้วยตัวเอง
และยังมีเทคนิคอื่น ๆ เพิ่มเติม ที่ใช้ในการเขียนคำอธิบายสินค้า เช่น ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นทางการจนเกินไป และมีความถูกต้อง
หากคำอธิบายสินค้ายาวเกินไป ควรแบ่งวรรค หรือแบ่งเป็นข้อ ๆ โดยใส่ตัวเลขกำกับ เพื่อทำให้อ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น
ซึ่งความสำคัญของคำอธิบายสินค้า นอกจากจะทำให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงคุณสมบัติของสินค้าอย่างละเอียดแล้ว ยังช่วยให้เซิร์ชเอนจิน สามารถค้นหาสินค้าเจอแล้วนำสินค้าไปแสดงในผลการค้นหาได้ จึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้คนเห็นสินค้ามากขึ้น
_________________________________
5. แนะนำเครื่องมือ หาคีย์เวิร์ด สำหรับตั้งชื่อร้าน ชื่อสินค้า และเขียนคำอธิบายสินค้า
จากที่อธิบายมาทั้งหมด สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ การเลือกใช้คำที่คนจำนวนมาก ใช้ในการค้นหาสินค้าต่าง ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนค้นหาร้านค้า หรือสินค้าของเราเจอ
ซึ่งสิ่งที่จะช่วยได้ ก็คือเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ และค้นหาคีย์เวิร์ดต่าง ๆ เช่น
- Google Trends
- Google Keyword Planner
- Ubersuggest
โดยเครื่องมือเหล่านี้ จะทำให้เรารู้ว่า คำใดมีปริมาณการค้นหาสูง หรือมีคำที่เกี่ยวข้องเป็นคำใดบ้าง
เพื่อใช้เป็นไอเดียเพิ่มเติมในการตั้งชื่อร้าน ชื่อสินค้า และเขียนคำอธิบายสินค้า ตามหลัก SEO แบบง่าย ๆ
ยกตัวอย่าง การใช้ Google Trends เพื่อดูว่าคนเซิร์ชชื่อแบรนด์เราเป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษมากกว่ากัน เช่น คนไทยนิยมเซิร์ชชื่อแบรนด์ Nike เป็นภาษาอังกฤษ มากกว่า ภาษาไทย
ในการตั้งชื่อสินค้า จึงควรใช้ Nike เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ตรงตามที่คนไทยนิยมเซิร์ชนั่นเอง
- 87
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
