การเลือกรถกระบะไฟฟ้าแทนรถกระบะน้ำมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
เช่น ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน, ประสิทธิภาพ, ความสะดวกในการชาร์จ, และการรองรับของโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ของคุณ
ความคุ้มค่าในการเปลี่ยนมาใช้รถกระบะไฟฟ้า
✅ ค่าใช้จ่ายในการใช้งานถูกลง – ค่าชาร์จไฟฟ้าถูกกว่าค่าน้ำมัน และค่าบำรุงรักษาน้อยกว่า (ไม่มีเครื่องยนต์, น้ำมันเครื่อง, เกียร์)
✅ แรงบิดสูง อัตราเร่งดี – รถกระบะไฟฟ้าให้แรงบิดทันที ทำให้เหมาะกับการบรรทุกและลากจูง
✅ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม – ลดมลพิษทางอากาศและเสียง
✅ อาจได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี – ในบางประเทศอาจมีส่วนลดภาษีหรือลดค่าจดทะเบียน
❌ ราคาซื้อสูงกว่ารถน้ำมัน – แม้ว่าค่าใช้จ่ายระยะยาวจะถูกลง แต่ราคาซื้อยังค่อนข้างแพง
❌ สถานีชาร์จไฟยังมีจำกัด – ต้องวางแผนเส้นทางหากใช้งานนอกเมือง
❌ ระยะทางต่อการชาร์จยังน้อยกว่าน้ำมัน – รถบางรุ่นยังวิ่งได้ไม่ไกลเท่ารถน้ำมัน
---
รุ่นรถกระบะไฟฟ้าที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน
1. BYD Shark – กระบะไฟฟ้าแบบ Range Extender (มีเครื่องยนต์ช่วยชาร์จไฟ) เปิดตัวในปี 2024
2. Ford F-150 Lightning – กระบะไฟฟ้าขายดีในอเมริกา, แรงบิดสูง, บรรทุกหนักได้
3. Tesla Cybertruck – ดีไซน์ล้ำสมัย, โครงสร้างสแตนเลส, ทนทาน
4. Rivian R1T – แบรนด์ใหม่จากอเมริกา, สมรรถนะดี, กันน้ำลึกได้
5. GWM Poer EV – กระบะไฟฟ้าจากจีน, อาจเปิดตัวในไทยเร็วๆ นี้
6. Toyota Hilux Revo BEV (ต้นแบบ) – ยังไม่เปิดขายทั่วไป แต่มีแผนพัฒนา
ถ้าคุณใช้งานในเมืองหรือมีจุดชาร์จไฟที่สะดวก รถกระบะไฟฟ้าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว แต่ถ้าต้องเดินทางไกลหรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล อาจต้องพิจารณารุ่นที่มีระบบ Range Extender หรือยังใช้รถน้ำมันควบคู่ไปก่อน
คุณสนใจใช้งานรถกระบะไฟฟ้าในลักษณะไหนครับ? (เช่น ใช้ขนส่งสินค้า วิ่งไกล หรือใช้งานในฟาร์ม)
ราคาของรถกระบะไฟฟ้าในประเทศไทยมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น และสเปกของรถ โดยทั่วไป ราคาจะอยู่ในช่วงประมาณ 500,000 บาท ถึง 1,500,000 บาท สำหรับรุ่นที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน
ตัวอย่างรุ่นและราคาที่มีจำหน่ายในประเทศไทย:
1. RIDDARA RD6:
รุ่น 2WD แบตเตอรี่ 63 kWh: ราคา 899,000 บาท
รุ่น 2WD แบตเตอรี่ 73 kWh: ราคา 999,000 บาท
รุ่น 4WD แบตเตอรี่ 73 kWh: ราคา 1,149,000 บาท
รุ่น 4WD แบตเตอรี่ 86 kWh: ราคา 1,299,000 บาท
2. Takano TTE 500:
รุ่นกระบะมาตรฐาน: ราคา 499,000 บาท
รุ่น L กระบะยาว: ราคา 580,000 บาท
3. KING LONG DRACON:
รุ่น Chassis Cab: ราคา 858,000 บาท
รุ่น Single Cab: ราคา 888,000 บาท
รุ่น Double Cab: ราคา 988,000 บาท
4. NEX BEV Pickup:
ราคาเริ่มต้นที่ 990,000 บาท
โปรดทราบว่าราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่น อัตราแลกเปลี่ยน และภาษีนำเข้า ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากผู้แทนจำหน่ายหรือเว็บไซต์ทางการของแต่ละยี่ห้อก่อนตัดสินใจซื้อ
กระเบาะแบบน้ำมัน
การตัดสินใจเลือกรถกระบะไฟฟ้าให้คุ้มค่าที่สุด ควรพิจารณาตามปัจจัยต่อไปนี้
1. วัตถุประสงค์ในการใช้งาน
- 1.ใช้ขนของหนัก หรือวิ่งทางไกล? → เลือกรุ่นที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เช่น RIDDARA RD6 (86 kWh)
- 2.ใช้ขับในเมืองระยะใกล้? → เลือกรุ่นที่มีราคาประหยัด เช่น Takano TTE 500
- 3.ต้องการประหยัดงบลงทุน? → เลือกรุ่นที่ราคาเริ่มต้นต่ำ เช่น KING LONG DRACON Chassis Cab
2. ค่าใช้จ่ายระยะยาว
แม้รถไฟฟ้าราคาแพงกว่ารถน้ำมันตอนซื้อ แต่จะประหยัดในระยะยาว
- 1.ค่าไฟชาร์จถูกกว่าน้ำมัน (ประมาณ 0.5 - 1.5 บาท/กม. เทียบกับน้ำมัน 3-5 บาท/กม.)
- 2.ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า ไม่มีน้ำมันเครื่อง, กรองอากาศ, เกียร์ ฯลฯ
- 3.ตรวจสอบระยะเวลารับประกันแบตเตอรี่ (เช่น RIDDARA รับประกันแบต 8 ปี)
3. ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ
หากคุณต้องขับขี่ไกลบ่อย ๆ ควรเลือกรถที่มีระยะทางต่อการชาร์จสูง
- 1.RIDDARA RD6 (86 kWh) → 550 กม.
- 2.Takano TTE 500 → 300 กม.
- 3.KING LONG DRACON → 400 กม.
4. โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟ
- 1.หากคุณมีที่ชาร์จไฟฟ้าที่บ้านหรือที่ทำงาน → รถไฟฟ้าจะคุ้มค่า
- 2.หากต้องใช้สถานีชาร์จสาธารณะ → ตรวจสอบว่ามีเพียงพอในพื้นที่ของคุณหรือไม่
5. ความสามารถในการบรรทุกและลากจูง
- 1.รถบางรุ่นมีแรงบิดสูงกว่ารถน้ำมัน ทำให้บรรทุกของหนักได้ดี
- 2.ตรวจสอบว่ารถมีพอร์ตจ่ายไฟ (V2L) เพื่อใช้เป็นแหล่งจ่ายไฟสำหรับเครื่องมือไฟฟ้าหรือไม่
สรุปการเลือกที่เหมาะสม
ถ้าคุณต้องการ ลงทุนระยะยาวและใช้งานจริงจัง → RIDDARA RD6 (86 kWh) คุ้มสุด
ถ้าคุณต้องการ ประหยัดต้นทุนและใช้ในระยะใกล้ → Takano TTE 500 เหมาะกว่า
คุณวางแผนใช้งานรถกระบะไฟฟ้าแบบไหนครับ?
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Chat GPT ครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
