เมื่อวาน เวลา 11:00 • ธุรกิจ

ถอดรหัสการเติบโตของ MERGE และ JAPANG กับหลักสูตร LEAD

เซ็นทรัลพัฒนา X ลงทุนแมน
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี MERGE จากแบรนด์กางเกงยีนส์บนโซเชียลมีเดีย ได้ก้าวสู่การเป็นแบรนด์แฟชั่นบนเวทีระดับโลก ด้วยยอดขายที่โตขึ้นมากถึง 300%
ในขณะเดียวกันภายในปี 2025 นี้ JAPANG ร้านไอศกรีมย่างเนยโฮมเมด ก็มีการคาดการณ์ว่า จะสร้างยอดขายโตมากถึง 5 เท่า กับความตั้งใจที่จะปั้น 5 แบรนด์ใหม่ออกมา
แม้ทั้ง MERGE และ JAPANG จะทำธุรกิจคนละอย่าง มี Business Model ต่างกัน รวมถึงอยู่ในอุตสาหกรรมที่แข่งขันกันคนละแบบ
แต่จุดร่วมที่ทั้ง 2 แบรนด์มีเหมือนกันคือ ผู้ก่อตั้งของทั้ง 2 แบรนด์ เคยเข้าร่วมหลักสูตร LEAD ที่พัฒนาขึ้นโดยเซ็นทรัลพัฒนา ด้วยคอนเซปต์ “เรียนจริง ทำจริง โตจริง”
โดย LEAD ย่อมาจาก Leading Entrepreneur Advanced Development
ซึ่งถ้าให้พูดสั้น ๆ หลักสูตรนี้เป็นเหมือนกับ หลักสูตรที่จะเข้ามาช่วยเสริมการทำธุรกิจในทุก ๆ มิติ
ไม่ว่าจะเป็นการหา Business Model ที่ใช่สำหรับธุรกิจของเรา, การปั้นแบรนด์, การสื่อสารกับลูกค้าในแต่ละช่วงของธุรกิจ รวมไปถึงแนวทางการบริหารงานหลังบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ประกอบการตกม้าตายกันมานักต่อนัก
และสิ่งสำคัญที่หาไม่ได้จากหลักสูตรผู้ประกอบการอื่น ๆ ก็คือ LEAD เป็น Community of Opportunity พื้นที่แห่งโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ทดลองทำธุรกิจจริงบนพื้นที่ Prime Area ในศูนย์การค้าของเซ็นทรัล
ซึ่งความจริงแล้วนี่เป็นตัวอย่างเพียง 1 ใน 10 ส่วนของหลักสูตรทั้งหมด
เราลองมาดูกรณีศึกษาที่เคยเกิดขึ้นจริง ผ่าน 2 แบรนด์ที่กำลังเป็นดาวรุ่งในตอนนี้กัน
ว่าหลังเข้าร่วมหลักสูตร LEAD แล้ว ทั้ง MERGE และ JAPANG เติบโตไปในทิศทางไหน
มาเริ่มกันที่ MERGE แบรนด์แฟชั่นที่ตอนนี้ เรียกได้ว่ากลายเป็นแบรนด์ที่ไปไกลระดับโลก
โดยแบรนด์ MERGE มีผู้ก่อตั้งคือคุณพรปวีณ์ ด่านมิ่งเย็นวงศ์ หรือ คุณจี้ และคุณอธิศ ทิพย์ชัยเชษฐา หรือ คุณกลด
จุดเริ่มต้นของ MERGE มาจาก Pain Point ของผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ซื้อกางเกงยีนส์มาแล้วใส่ไม่พอดี ยกตัวอย่างเช่น ซื้อมาช่วงเอวพอดี แต่ติดที่ช่วงสะโพก หรือไม่ก็ช่วงสะโพกพอดี แต่ช่วงเอวหลวมไป
จากการค่อย ๆ ลองผิดลองถูก บวกกับปรับสินค้าไปมาอยู่หลายสิบครั้ง ในที่สุดทั้งคุณจี้และคุณกลด ก็มาเจอจุดที่ลงตัว โดยดิไซน์ยีนส์สำหรับ ผู้หญิงเอวเล็ก สะโพกใหญ่
นั่นคือการนำคำว่า Function กับ Fashion มารวมกัน จึงได้ออกมาเป็นกางเกงยีนส์ของ MERGE ที่ทั้งใส่แล้วพอดีกับสัดส่วน เสริมความโค้งเว้าให้กับผู้หญิงเกือบทุกคน บวกกับดิไซน์การออกแบบที่มีความแฟชั่นไปในตัว
อย่างไรก็ตามด้วยความที่ MERGE โตมาจากการทำธุรกิจออนไลน์ ดังนั้นการที่จะต่อยอดแบรนด์มาในตลาดออฟไลน์นั้น เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกทำเล การคำนวณเรื่องต้นทุนที่เปลี่ยนไป และแน่นอนว่าเมื่อองค์กรใหญ่ขึ้นปัญหาที่ตามมาก็คือเรื่อง คน
ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเดียวกับที่คุณกลด หนึ่งในผู้ก่อตั้ง ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนในหลักสูตร LEAD พอดี
โดยนอกจากเรื่องการจัดการหน้าร้าน การคำนวณต้นทุนต่าง ๆ เช่น เรื่องจุดคุ้มทุนแล้ว
สิ่งที่ LEAD ได้เข้ามาช่วยคือ การเสริมคำว่าแบรนด์ของ MERGE ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น
ผ่านการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าในมิติที่มากขึ้น เช่น การทำการตลาดทั้งบนออนไลน์ และออฟไลน์ไปพร้อมกัน โดยเฉพาะเรื่องการขยายสาขา ตามหาทำเลใหม่ ๆ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ LEAD เลยก็ว่าได้
ยกตัวอย่างล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้น ที่ทางแบรนด์ MERGE ได้เลือกไปเปิด Pop-Up Store ที่ เซ็นทรัล อีสต์วิลล์
โดยการเลือกไปเปิดแบบ Pop-Up Store เป็นท่าที่ใช้เวลาน้อย ต้นทุนต่ำ เหมาะสำหรับการสำรวจตลาดใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการไปในครั้งนี้ คือแบรนด์ MERGE ได้เจอกลุ่มลูกค้าใหม่ ทำให้ได้มองเห็นโอกาสในการขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นมาจากกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์
จากวันแรกที่เข้าร่วมหลักสูตร LEAD นั้น MERGE เริ่มต้นจากหน้าร้านเพียง 1 สาขา มาวันนี้ MERGE มีหน้าร้านแล้ว 12 สาขา
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องแนวทางการบริหารคนภายในองค์กร ทั้งการคัดพนักงานที่ความสามารถ และวิธีการดึงศักยภาพของพนักงานออกมาให้ได้สูงที่สุด
ยกตัวอย่างหนึ่งข้อผิดพลาดของ SMEs หลาย ๆ บริษัท คือมีการเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ซึ่งอาจทำให้พนักงานเกิดความสับสนในตัวตนของแบรนด์ แต่การทำงานของ MERGE จะมีแนวทางที่ชัดเจน มีการสื่อสารกับพนักงานตลอดว่าอะไรคือ MERGE และอะไรที่ไม่ใช่
ปัจจุบัน MERGE มีพนักงานรวมแล้วกว่า 120 คน และตัวแบรนด์เองถือว่าเป็นแบรนด์ที่เติบโตไปไกลมากกว่าระดับภายในประเทศแล้ว
อย่างล่าสุด MERGE ได้รับเชิญให้ไปนำเสนอคอลเลกชันใหม่ที่ New York Fashion Week 2025
และนี่ถือเป็นส่วนหนึ่งในความตั้งใจที่จะปั้น MERGE ให้เป็น ​Global Brand แบรนด์แฟชั่นของไทยที่ไปไกลระดับโลก
นอกจาก แบรนด์แฟชั่นอย่าง MERGE ที่เป็นตัวแทนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เริ่มธุรกิจจากศูนย์แล้ว
ลงทุนแมนยังมีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณโฎม รัตนวชิรินทร์ หรือคุณโดม ผู้ก่อตั้ง JAPANG ทายาทของแบรนด์เสื้อ เป่ายิงฉุบ ที่ได้เข้าร่วมหลักสูตร LEAD รุ่นที่ 6 เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ คุณโดมเคยทั้งไม่เอาธุรกิจครอบครัว และก็เคยทำธุรกิจที่บ้านเต็มตัว จนมาถึงจุดนี้ที่ โอบกอดธุรกิจครอบครัว ไปพร้อมกับการต่อยอดธุรกิจใหม่ ๆ
โดยหนึ่งสิ่งสำคัญที่คุณโดมได้เรียนรู้จาก เป่ายิงฉุบ ผ่านคุณพ่อคุณแม่ ก็คือ “ความจริงใจ” ในการทำธุรกิจ
คุณโดมเลยเอาความจริงใจ (Sincere) มาบวกกับ ความสนุก (Fun) และ ความคิดสร้างสรรค์ (Creative) เกิดเป็นแบรนด์ JAPANG ขนมปังย่างเนย โปะไอศกรีม สาขาแรกที่วังหลัง ที่มีจุดเด่นคือ ความพิถีพิถัน
JAPANG ขายดี มีกระแส เรียกได้ว่าปังสมชื่อ และขยายได้ถึง 25 สาขา ภายในเวลาแค่ปีเดียว
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด..
ปีต่อมา JAPANG ต้องทยอยปิดสาขาในหลายจุด จากการเร่งขยายสาขา บางครั้งเลือกทำเลมุมอับเพราะราคาถูกกว่า ส่วนระบบจัดการต่าง ๆ ในร้านก็ยังไม่นิ่ง
นั่นจึงทำให้จิตวิญญาณความพิถีพิถันของ JAPANG หายไป คุณโดมเทรนพนักงานได้ไม่ทั่วถึง แตกต่างจากร้านสาขาแฟรนไชส์ที่ขายดีกว่ามาก เพราะคนซื้อแฟรนไชส์มี Sense of Ownership มากกว่า
ช่วงเวลาที่กำลังเรียนรู้ข้อผิดพลาดในธุรกิจของตัวเอง คุณโดมก็ได้เข้าเรียนหลักสูตร LEAD รุ่นที่ 6
และได้เรียนรู้ว่า “ทำเลที่ดี” สำคัญมาก ไม่มีคำว่าถูกหรือแพง มีแต่ความคุ้มหรือไม่คุ้ม
ซึ่งสิ่งนี้ได้มาจากการ “เรียนจริง ทำจริง โตจริง” กับ LEAD ตอนออกบูทและเปิด Pop-Up Store ในพื้นที่ Prime Area เช่น ใจกลางเซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล อีสต์วิลล์
ซึ่งการออกบูทนี่เองที่ทำให้คุณโดมได้ลองแตกแบรนด์ใหม่ ๆ ขึ้นมา โดยเน้น “ต่อยอด” จากจุดแข็งของ JAPANG นั่นก็คือ ขนมปัง เช่น ร้าน BaTā ขนมปังเนยกระเทียมสูตรลับที่เน้นเป็นเมนูของคาว
การต่อยอดช่วยให้คุณโดมไม่ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด บวกกับเกิด Economies of Scale ทำให้ต้นทุนถูกลง โดยคุณโดมตั้งใจจะปั้นแบรนด์ใหม่ให้เกิดขึ้นและอยู่รอด 5 แบรนด์ในปีนี้
ซึ่งคุณโดมบอกว่า ถ้าไม่ได้เข้าหลักสูตร LEAD คงไม่มีทางกล้าทำแบรนด์ใหม่ ๆ ออกมามากมายขนาดนี้อย่างแน่นอน
และอีกเรื่องสำคัญที่ได้จาก LEAD ก็คือ “คอนเน็กชัน” จากเพื่อน ๆ ผู้ประกอบการไฟแรง ที่มาลงเรียนหลักสูตร และได้ทำงานกลุ่มด้วยกัน
อย่างก่อนหน้านี้ คุณโดมเคยเรียนรู้ SOP มาบ้าง แต่ความรู้ตรงนี้แข็งแกร่งขึ้น เพราะได้คำแนะนำจากเพื่อน ๆ ที่มาเรียนด้วยกัน ที่เคยทำมาก่อน และเอาไปใช้ได้จริง ๆ
หลังจากนี้ คุณโดมจะเน้นการเติบโตไปด้วยกันกับแฟรนไชซี โดยตั้งเป้าว่าปีนี้จะขยายสาขาแฟรนไชส์ 100 สาขา และคาดว่ายอดขายจะเติบโตถึง 5 เท่า จากปีที่แล้ว
สิ่งที่เราเห็นก็คือ คุณโดมกำลังผสมผสานสิ่งที่เรียนรู้จากที่บ้านและ LEAD เข้าด้วยกัน ก็คือความจริงใจที่มีต่อแฟรนไชซี ควบคู่ไปกับระบบจัดการที่ดีเพื่อให้ JAPANG เติบโตอย่างยั่งยืนนั่นเอง
การเติบโตของทั้ง MERGE และ JAPANG หลังเข้าร่วมหลักสูตร LEAD ตอกย้ำความเป็น Community of Opportunity พื้นที่แห่งโอกาสของหลักสูตรนี้ได้อย่างแท้จริง
ทั้งคุณ​กลด และคุณโดม ได้เรียนรู้จากการลงมือทำบนพื้นที่จริง ซึ่งนี่เป็นเหมือน “ทางลัด” ช่วยย่นระยะเวลาประสบความสำเร็จของแบรนด์ที่มีศักยภาพในการเติบโต
ปลุกปั้น MERGE จากแบรนด์กางเกงยีนส์ออนไลน์ สู่แบรนด์แฟชั่นของคนไทยที่พร้อมไปไกลสู่ระดับโลก และ JAPANG ที่มีแค่ไอศกรีมย่างเนย สู่เจ้าของแฟรนไชส์ที่ต่อยอดจนมีหลายแบรนด์ในเครือ นั่นเอง..
จากเรื่องราวของทั้ง MERGE และ JAPANG ตอกย้ำว่า หลักสูตร “LEAD by Central Pattana” คือ Community of Opportunity ที่พร้อมมอบพื้นที่แห่งโอกาสให้กับ SMEs ไทยรุ่นใหม่ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งยั่งยืน
โดยมีเซ็นทรัลพัฒนาเป็น Business Incubator ที่พร้อมแบ่งปันทั้ง Knowledge, Know-How พร้อมให้ผู้เรียนได้ทำ Sandbox Workshop ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล
ทำให้มีโอกาสได้ลอง Business Model ใหม่ ๆ รวมถึง Collab กับแบรนด์อื่น ๆ ตามโจทย์ที่ให้มา
หลังจากผู้เรียนลองทำบนพื้นที่จริง ทำให้ได้พบกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ นำข้อมูลกลับมาวิเคราะห์เพื่อสร้างให้ธุรกิจเติบโต ภายใต้คำแนะนำของกูรูด้านต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้เรียนรู้ทิศทางว่าควรไปต่อตรงไหน
โดยมีนักเรียนหลายคนที่สามารถสเกลอัปธุรกิจได้ทันที โดยไม่ต้องรอทำหลังจบหลักสูตร
นอกจากนี้ หลักสูตร LEAD ยังช่วยปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง ทำให้ธุรกิจเติบโตจริงอย่างมีกลยุทธ์และเป็นระบบ เพราะผู้เรียนได้ทำ 360 Business Health Check
ทำให้เห็นจุดอ่อนของธุรกิจตัวเอง จากการแชร์ Experience กับเพื่อน ๆ ในคอร์สเรียน
พร้อมช่วยเสริมจุดแข็งด้วย Retail Incubation Program ให้คิดอย่างมีกลยุทธ์ว่าธุรกิจของตัวเองมี Competitive Edge อย่างไร เพื่อนำไปต่อยอดสู่โอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโตทางธุรกิจอย่างเป็นระบบ
และสิ่งสำคัญที่ทำให้ หลักสูตร LEAD แตกต่าง และไม่มีหลักสูตรผู้ประกอบการอื่นทำได้ก็คือ จุดแข็งของศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่ให้นักเรียนในหลักสูตรได้ลองทำ Sandbox Workshop
โดยปัจจุบันศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ มีแทรฟฟิกประมาณ 1.3 ล้าน Visit ต่อวัน หรือเกือบ 500 ล้าน Visit ต่อปี เป็น Quality Shopper กลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน
สำหรับใครที่สนใจหลักสูตร LEAD by Central Pattana สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 5 เมษายน 2568
Reference
- สัมภาษณ์ตรง MERGE, JAPANG และ เซ็นทรัลพัฒนา โดยลงทุนแมน
โฆษณา